ตำนานกระสือ

N/A คะแนนสยามโซนรออย่างน้อย 5 โหวต ร่วมโหวต
  • ชื่ออังกฤษDemonic Beauty
  • ปีที่เปิดตัว2545
  • เข้าฉายในไทย15 พฤศจิกายน 2545
  • นำแสดงลักขณา วัธวงส์ศิริ, นักรบ ไตรโพธิ์, ณัทธร สมคะเน
  • ลโวทยปุระหรือกรุงละโว้ราชธานี ศูนย์กลางอำนาจของอาณาจักรขอม ซึ่งเคยแผ่อิทธิพลครอบครองดินแดนสุวรรณภูมิตอนล่างมาช้านาน ถูกพระยาแกรกกษัตริย์ไทยผู้เรืองเดชานุภาพโค่นล้มล่มสลายไปแล้ว

    ส่วนทางด้านตอนบนซึ่งมีเขมรราชปุระเป็นศูนย์อำนาจ รวมทั้งเมืองบริวารใหญ่น้อย ก็ถูกชนเผ่าไทยอันประกอบด้วยขุนศรีอินทราทิตย์ ขุนผาเมือง ขุนบางกลาวท่าว และเจ้านครอื่นๆ อีกหลายหัวเมือง รวมกำลังกันโค่นล้มอำนาจขอม ยกพลเข้าโจมตีเขมราชปุระแตกพ่ายยับเยิน พระเจ้าสุเรนทราวรมันผู้ครองนครต้องอาวุธ สิ้นพระชนม์ ราชวงศ์ล่มสลาย ราษฎรที่รอดตายและหลบหนีไม่ทันถูกกวาดต้อนเป็นทาสเชลยกระจัดพลัดพรายไปคนละทิศละทาง

    ขุนหาญศึกเจ้าเมืองเชียงอินทร์ ก็กวาดต้อนครัวขอมมาเป็นเชลยเช่นเดียวกับเจ้าเมืองอื่น ซึ่งในจำนวนเชลย เหล่านั้นมีนางตาราวตีกับแม่เฒ่ากาลาเป็นย่าทวดรวมอยู่ด้วย

    ตาราวตีซึ่งกำลังรุ่นสาวหน้าตาสะสวย ถูกคัดเลือกเป็นสนมนางห้ามบำเรอเจ้าเมืองด้วยความจำใจ เนื่องจากนางมีจิตปฎิพัทธ์ผูกพันอยู่กับเจ้าฟ้าแจ้งนักรบหนุ่มคนหนึ่งของขุนหาญศึก

    ทั้งคู่รักลอบพบปะกันและถูกจับได้ เจ้าฟ้าแจ้งถูกตัดคอ ส่วนตาราวตีถูกคุมขังไว้ใต้ถุนปราสาท รอการประหารด้วยการเผาทั้งเป็น

    ก่อนวันประหาร นางเฒ่ากาลาได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมญาติรุ่นโหลนเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อสั่งเสียร่ำลากัน

    แม่เฒ่ากาลาจอมขมังเวทย์วัยเกินร้อยห้าสิบปี เพิ่งผ่านการประกอบพิธีเรียกสารปรอทประจุอาคมเข้มขลังทรงมหิทธานุภาพเข้าร่างกาย เพื่อยืดชีวิตยืนยาวออกไปโดยไม่มีกำหนด แต่ชะตากรรมของโหลนซึ่งนางรักใคร่ห่วงใยยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น ทำให้แม่เฒ่าตัดใจยอมสละความเป็นอมตะ ถ่ายทอดพลังชีวิตนิรันดร์พร้อมทั้งคาถากำกับบทสั้นๆ ให้ตาราวตี (ภาษาเขมร - จีเวียะ เจยย์ กาลล์ - ชีวิตยืนยาวไร้กาลสิ้นสุด) ก่อนที่ร่างชราของเจ้าตัวจะยุบแฟบห่อเหี่ยวผุกร่อนยุ่ยสลายกลายเป็นภัสมธุลีไปในบัดดล

    รุ่งขึ้นถึงวันประหาร ตาราวตีก็ถูกพันธนาการติดเสาหินต้นใหญ่กลางที่ประชุมชนและสุมฟืนจุดไฟลุกโพลง ซึ่งนางก็ตั้งสติจรดสมาธิแน่วแน่โอมอ่านท่องทวนคาถาบทสั้นๆ ของย่าทวดตลอดเวลาโดยไม่หวั่นไหวว่อกแว่ก พอไฟโหมหนักท่วมท่อนล่าง จิตวิญญาณก็ถอดกายทิพย์ออกจากกายเนื้อ ซึ่งถูกแม่พระเพลิงเผาไหม้ไปกว่าครึ่ง นางจึงถอดได้แต่หัวกับไส้เห็นเป็นเงาสีน้ำเงินสว่างเรืองลอยหนีหายลับ

    ขณะเดียวกัน ที่หมู่บ้านเล็กๆ นอกเมืองห่างออกไปไกลพอประมาณ นางดาวลูกสาวเฒ่าดวงได้ล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุและสิ้นลมหายใจกระทันหัน ญาติพี่น้องรวมทั้งเจ้ารุ่งหนุ่มคนรักกำลังจะเตรียมงานศพจิตวิญญาณของตาราวตีได้โอกาสเข้าสวมร่างแทน ทำให้สาวรุ่นลูกสาวเฒ่าดวงฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาโดยไม่มีใครคาดฝัน

    แต่การคืนชีพครั้งนี้ เธอกลับกลายเป็นคนที่อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดแปรปรวนสับสน บางทีก็เป็นตาราวตี และพูดภาษาขอม (เขมร) บางหนก็กลับมาเป็นสาวดาวคนเดิม

    พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปทำให้เพื่อนบ้านมองด้วยสายตาแปลกๆ และซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานา ล้วนแต่ในแง่ที่ไม่เป็นมงคลทั้งสิ้น นางเอื้อยซึ่งแอบหลงรักอ้ายรุ่งอยู่และโกรธแค้นที่นางดาวกลับฟื้นขึ้นมาเป็นก้างขวางคอ ฉวยโอกาสปรักปรำกล่าวหาว่าเป็นเพราะผีเจ้าเข้าสิง แถมยังพยายามชักจูงยุยงคนอื่นๆ ให้คล้อยตาม

    แต่ไม่ว่าใครจะคิดยังไง อ้ายรุ่งก็ยังมั่นคงต่อคนรักไม่เปลี่ยนแปลง และไม่เห็นว่านางดาวจะผิดปกติตรงไหน เช่นเดียวกับเฒ่าดวงผู้เป็นพ่อ ซึ่งห่วงใยในอาการป่วยไข้ของบุตรสาวมากกว่าที่จะสนใจเรื่องอื่น

    ขณะเดียวกัน อีกคนหนึ่งที่ชาวบ้านต่างพากันเพ่งเล็งว่าจะถูกผีร้ายเข้าสิงสู่ คือ ยายจัน หญิงชรารูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์วัยกว่าหกสิบ ซึ่งอาศัยอยู่ที่กระท่อมท้ายหมู่บ้านตามลำพัง กระท่อมของแกไม่มีใครอยากเฉียดใกล้ นอกจากหลานสาวชื่อนางแก้ว ที่คอยส่งข้าวส่งน้ำเป็นประจำ กับเด็กซนๆ ลูกทะโมนสามสี่คนซึ่งมักออกไปยิงนกยิงหนูหรือหาของป่าในละแวกใกล้เคียง

    ล่วงเข้ากลางคืน ตาราวตีในร่างของนางดาวก็ลุกออกจากที่นอน เที่ยวค้นหาของกินในบ้านด้วยความหิวโหย แต่ก็ไม่เจอของสดของคาวที่ต้องการดับกระหาย พอเฒ่าดวงผู้เป็นพ่อได้ยินเสียงผิดปกติและร้องถามเธอก็กลับเข้าห้องนอนแล้วถอดหัวลอยออกนอกหน้าต่าง

    ช่วงเวลานั้น ขโมยสองคนซึ่งลักควายจูงหนีข้ามทุ่งมา กำลังถูกเจ้าของควายพาพรรคพวกแกะรอยตามล่าอย่างไม่ลดละ เมื่อจวนตัวทั้งคู่ก็ทิ้งควายไว้ที่ชายทุ่งและเปิดหนีเอาตัวรอด ปีศาจสาวซึ่งหิวจัดสบจังหวะเหมาะ พุ่งเข้าจู่โจมกัดหลอดลมควายล้มลงขาดใจ แล้วกัดกระชากเปิดท้องลากตับไตไส้พุงออกมากิน พวกเจ้าของควายตามมาพบเข้าพากันเตลิดหนีด้วยความตกใจกลัว และขนานนามปีศาจร้ายว่า อีผีลากไส้ ตามพฤติกรรมสยดสยองที่พบเห็น

    หลังจากอิ่มหนำแล้ว ปิศาจสาวตาราวตีก็ลอยกลับบ้านและคืนเข้าร่างเดิม

    รุ่งเช้า ยายจันออกไปปลดทุกข์ เจอซากควายถูกแหวะท้องนอนตายที่ชายทุ่ง นางจึงแอบตัดเอาเครื่องในที่ยังเหลือส่วนหนึ่งกลับกระท่อม

    ส่วนนางดาวตื่นขึ้นมา เห็นเงาตัวเองในตุ่มน้ำ มีแต่คราบเลือดเปรอะเลอะเทอะเต็มปากคอและผมเผ้า เธอรีบจัดการชำระด้วยความตื่นตระหนกและงุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

    เครื่องในเป็นประจักษ์พยายามให้เห็นอยู่เต็มตา สร้างความตื่นพรั่นหวั่นกลัวแก่ชาวบ้านยิ่งนัก เมื่อมีคนไปพบเครื่องในควายบางส่วนตกหล่นบริเวณใกล้ๆ กระท่อมยายจัน ใครต่อใครก็พากันเพ่งเล็งหญิงชราหนักขึ้น

    พอตกค่ำเข้าไต้เข้าไฟ ทุกเหย้าเรือนต่างก็เตรียมการป้องกันทั้งผู้คนและสัตว์เลี้ยงเป็นโกลาหล แต่ละบ้านจัดแจงชักบันไดขึ้นปิดประตูหน้าต่างดับไฟเงียบเชียบ

    แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ไม่รู้สึกหวาดกลัวไปด้วย อย่างเช่นเฒ่าแจ้งกับอ้ายบุญสัปเหร่อประจำวัด ซึ่งคลุกคลีกับผีสางซากศพจนคุ้นเคยชินมองเห็นเป็นของธรรมดา ทั้งคู่ยังคงชวนกันกินเหล้าเมาแอ่นเดินกลับบ้านค่ำมืดดึกดื่นเป็นประจำเช่นเคย

    ดึกสงัด ปิศาจร้ายในคราบสาวดาวก็ถอดหัวล่องลอยออกหากินตามประสา และเมื่อมุ่งไปยังคอกขังวัวควายของชาวบ้าน ก็ปรากฎว่าทุกแห่งถูกสะหนามไว้หนาแน่นไม่อาจผ่านเข้าไปได้ ปิศาจสาวจึงหันไปเล่นงานไก่ในเล้าแทน ซึ่งการที่ไก่ตายเพียงคืนละสองสามตัว เจ้าของกลับคิดว่าเป็นฝีมือพังพอนหรือไม่ก็เสือปลา แต่ถึงอย่างไร ชาวบ้านก็ยังไม่วายหวาดผวาอีผีลากไส้ที่น่าพรั่นพรึง

    หลายคืนต่อมา ปิศาจสาวย่ามใจออกอาละวาดหนักขึ้นโดยฆ่าไก่ตายเป็นเบือ ขากลับยังลอยผ่านสองสัปเหร่อเฒ่าแจ้งกับอ้ายบุญ ซึ่งต่างก็มองเห็นถนัดว่าเป็นผู้หญิงผมยาวลอยพุ่งไปทางเรือนเฒ่าดวง ทิศทางเดียวกับกระท่อมยายจัน

    เวลาเดียวกัน แม่เอื้อยลูกสาวเฒ่าอินหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งสะดุ้งตื่น เพราะเสียงหมาเห่ากรรโชก สะกิดปลุกแม่อ้อยน้องเล็กลุกขึ้นชะเง้อมองทางหน้าต่าง ก็เห็นดวงไฟสว่างเรืองลอยหายลับไปทางเรือนเฒ่าดวงเช่นกัน

    รุ่งขึ้น อ้ายตื้อก็แล่นไปแจ้งเฒ่าอินนายบ้าน เรื่องไก่ที่เลี้ยงไว้ถูกฆ่ากินเลือดและตับไตไส้พุงตายหมดทั้งเล้า ซึ่งไม่ใช่พฤติกรรมของเสือปลาหรือพังพอที่มักฉกไปกินทีละตัวสองตัว แต่มันน่าจะเป็นการกระทำของอีผีลากไส้ เมื่อรู้จากสองสัปเหร่อขี้เมาว่าผีร้ายเป็นผู้หญิงผมยาวลอยหายไปทางเรือนเฒ่าดวงกับกระท่อมยายจัน ส่วนใหญ่ก็ปักใจว่าต้องเป็นนางดาวกับยายจันคนใดคนหนึ่งแน่นอน แต่นางดาวถูกสงสัยน้อยกว่า เพราะกลางวันเธอเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาๆ ไม่น่าจะมีฤทธิ์เดชอะไร

    ฝ่ายนางดาวก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ พอถึงกลางคืนเธอพยายามตั้งสติแข็งใจต่อต้านขัดขืนสุดฤทธิ์ แต่ก็สู้อำนาจวิญญาณร้ายไม่ได้ ต้องถอดหัวล่องลอยออกหากินโดยที่สำนึกส่วนหนึ่งรับรู้แล้วว่าตัวเองเป็นอะไร

    ออกหากินคราวนี้ปรากฏว่าเล้าไก่ทุกบ้านถูกสะสุมด้วยพงหนามแน่นหนาเช่นเดียวกับคอกวัวควาย เธอต้องหันเหออกไปจับกบเขียดกินกลางทุ่งนาและปะทะกับงูเห่าแทบเอาตัวไม่รอด

    เมื่อผีลากไส้เปลี่ยนทำเลหากินไม่รบกวนสัตว์เลี้ยงในหมู่บ้านและหายเงียบไป ผู้คนก็เริ่มเบาใจคลายวิตกและใช้ชีวิตกันไปตามปกติ พอตกค่ำบรรดาเด็กซนๆ ลูกทะโมนก็ชักชวนกันออกส่องกบจับจิ้งหรีดตามทุ่งนา แต่ก็ผ่าไปเจอผีลากไส้ต้องเผ่นหนีตกน้ำท่ากันชุลมุนวุ่นวาย

    หมดฝนกบเขียนในนาไม่มี ปิศาจร้ายก็หวนกลับเข้ามาหากินในหมู่บ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประจวบเหมาะกั่บที่นางแววเมียอ้ายผา ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของอ้ายรุ่งท้องแก่ครบกำหนดคลอด ผีลากไส้จึงเข้าไปป้วนเปี้ยนวนเวียนรอบๆ บ้านด้วยความหิวโหย เพื่อหาโอกาสฉกเอาทั้งรกและเด็กอ่อนที่เพิ่งคลอดมาเป็นอาหาร กลุ่มชาวบ้านที่มาเฝ้าดูแลคอยช่วยเหลือแม่ลูกอ่อนเห็นเข้าจึงพากันระดมพลออกไล่ล่า

    ปิศาจสาวถูกไล่ต้อนไปเข้ามุมอับ ต้องหลบซ่อนและพยายามกลั้นลมหายใจเพื่อไม่ให้เกิดแสงวูบวาบ แต่ในที่สุดก็กลั้นไม่ไหวต้องสูดลมหายใจเต็มแรงเปล่งแสงสว่างวาวจ้า ทำให้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาใกล้ตื่นตระหนกสะดุ้งสุดตัว เธอจึงฉวยโอกาสพุ่งออกจากวงล้อมและถูกรุกไล่ติดตามอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งถึงบ้านและลอยหนีเข้าหน้าต่างห้องนอน

    แต่เมื่อชาวบ้านบุกขึ้นเรือนเฒ่าดวง ต่างก็ได้พบว่านางดาวยังนอนอยู่ในสภาพปกติ ถึงกระนั้นแทบทุกคนนอกจากอ้ายรุ่งก็ปักใจเสียแล้วว่าเธอคืออีผีลากไส้

    หลังจากนั้นไม่นาน เฒ่าดวงก็จับได้ด้วยตัวเองว่านางดาวเป็นผีร้าย ขณะที่เธอถอดหัวออกไปหากิน โดยทิ้งร่างไว้บนที่นอน และแม้ชายชราจะถือว่าบุตรสาวได้ตายไปแล้วก็ไม่อาจหักใจเข่นฆ่า หรือแม้ทำร้ายร่างกายที่เคยเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ได้แต่ไล่ตะเพิดออกจากบ้าน

    สาวเคราะห์ร้ายจึงต้องซมซานจากเรือนพ่อ กระเซอะกระเซิงไปไหนก็ไม่มีใครต้อนรับ ท้ายที่สุดก็ต้องไปอาศัยอยู่กับอ้ายรุ่งคนรักจนได้เสียกัน

    ชาวบ้านต่างซุบซิบนินทาที่อ้ายรุ่งอยู่กินกับผีลากไส้ และพากันตีตัวออกห่างตั้งข้อรังเกียจไม่ยอมคบหาสมาคมด้วย ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่นำพา เพราะถือว่าไม่ได้ขอข้าวใครใส่ท้อง

    ในเวลาเดียวกัน คืนไหนที่ผัวเผลอหรือหลับสนิท นางดาวหรือตาราวตีก็ถอดหัวล่องลอยออกหากินเช่นเดิม และจะเช็ดปากกับผ้าที่ตากทิ้งไว้ตามราว เพื่อลบร่องรอยเปรอะเปื้อนทุกครั้งก่อนกลับบ้าน

    คืนหนึ่ง อ้ายรุ่งสะดุ้งตื่นขึ้นมาขณะทีเมียรักกำลังถอดหัวออกจากร่างพอดี เขาเพิ่งเชื่อเอาตอนนี้เองว่านางดาวเป็นปิศาจร้ายที่น่าสะพรึงกลัว

    แต่อ้ายรุ่งก็เช่นเดียวกับเฒ่าดวง ที่ไม่อาจตัดใจเข่นฆ่าคนเคยรักกันปานจะกลืน เขาจึงเผ่นไปหาอ้ายผาเพื่อนสนิท แล้วพากันไปพบท่านพระครูเจ้าอาวาส เพื่อปรึกษาหารือขอความช่วยเหลือ

    ท่านพระครูนั่งทางในตรวจสอบดูเสร็จสรรพ ก็ชี้แจ้งกับคนทั้งสองว่าความจริงนางดาวตายไปแล้ว เหลือเพียงจิตวิญญาณที่ยังไปไหนไม่ได้ และถูกครอบงำด้วยอำนาจปีศาจร้าย ซึ่งเป็นเจตภูตของผู้เรืองเวทย์วิทยาคมแก่กล้าจากเมืองขอม ซึ่งปิศาจชนิดนี้ชาวขอมเรียกว่า อาป ซึ่งแปลว่า กระสือ

    ส่วนวิธีล้างอาถรรพ์และขับไล่ปิศาจร้ายคือใช้ไฟเผา แต่ก็ดูจะเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนโหดร้าย เพราะเหมือนจับคนที่ยังมีชีวิตมาเผาทั้งเป็น

    ทางออกที่ดีกว่า คือการเผาด้วยตาไฟที่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปจะไม่รู้สึกร้อน แต่ภูตผีปิศาจจะร้อนไหม้ทรมานทรกรรมจนเหลือจะทน ซึ่งท่านพระครูเองก็มีวิชานี้ติดตัวเนื่องจากเป็นศิษย์เอกจองฤษีตาไฟ (สมัยนั้นพระดาบสหรือฤษีตบะแก่กล้ามีอยู่จริง พ่อขุนรามคำแหงหรือพระร่วงเจ้าแห่งกรุงสุโขทัยกับพระยางำเมืองแห่งอาณาจักรพะเยา ก็เคยร่ำเรียนวิชาสารพัดจากพระฤษีดอยด้วน และสุกกทันตฤษีแห่งกรุงละโว้ เป็นศิษย์เอกร่วมอาจารย์เดียวกัน) ดังนั้น ท่านพระครูจึงต้องรับหน้าที่ปราบปิศาจ อาป หรือ กระสือโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง

    ตาราวตีหรือนางดาวออกหากินครั้งสุดท้าย และเมื่อลอยกลับถึงบ้านคืนสภาพปกติ อ้ายรุ่ง อ้ายผา และท่านพระครูซึ่งรอเวลาอยู่แล้ว ก็จัดแจงตั้งศาลเพียงตาโดยวางหัวฤาษีไว้บนศาลหันหน้าเข้าหาเรือนอ้ายรุ่ง ก่อนะประกอบพิธีบวงสรวงเทพยดาบูชาคณาจารย์

    จากนั้น ท่านพระครูก็โอมอ่านมหาเวทฤษีตาไฟซึ่งเป็นคาถาบทสั้นๆ เพียงสี่พยางค์ - ละสี มะนี อะคิ เตโจ (แปลเป็นไทย คือ ฤษี มุนี อัคคี เตโช) ท่อนทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเร่งความเร็วขึ้นเป็นลำดับท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มวิปริตกดดันหน่วงหนักขึ้นทุกขณะ

    ตาราวตีในร่างของนางดาวสะดุ้งตื่นด้วยความตระหนกพรั่นพรึง แต่ไม่ทันได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น หัวฤษีบนศาลก็เปิดตาที่ 3 กลางหน้าผากส่องแสงสว่างสาดเข้าจับเต็มตัว เกิดเปลวไฟโหมไหม้รุนแรงจนปีศาจสาวทนไม่ได้ ต้องละทิ้งร่างนางดาวถอดเจตภูติลอยหนี แต่ก็ยังถูกไฟอาถรรพ์แผดเผามอดไหม้จนสิ้นฤทธิ์กลายเป็นดวงวิญญาณเล็กๆ ลอยขึ้นสู่เบื้องบน

    นั่นแหละ หัวฤษีถึงได้ปิดตาที่ 3 แสงสว่างและเปลวไฟหายวับ ทุกอย่างคืนเข้าสู่สภาวะปกติ ร่างนางดาว สาวเคราะห์ร้ายนอนสงบนิ่ง โดยปราศจากร่องรอยไฟไหม้และลมหายใจ เนื่องจากเธอได้ตายไปก่อนแล้ว

  • กำกับโดย บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์
  • เขียนโดย
  • นำแสดงโดย
    • ลักขณา วัธวงส์ศิริ
    • นักรบ ไตรโพธิ์
    • ณัทธร สมคะเน
    • ชาตินันท์ กรรณสูตร
    • เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์
  • สร้างโดย Thailand
  • จำหน่ายโดย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล

advertisement

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • 2538 อัลเทอร์มาจีบ - ใบเฟิร์น - พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ผู้รับบท ส้ม จับไมค์ร้องเพลงเป็นครั้งแรก เพลงที่เธอร้องชื่อเพลงว่า สายตา อ่านต่อ»
  • Home - สร้างมาจากหนังสือเรื่อง The True Meaning of Smekday อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Ek Ladki Ko Dekha Toh Aisa Laga Ek Ladki Ko Dekha Toh Aisa Laga เรื่องราวความรักนั้นไม่ใช่ง่าย เรื่องราวของ สวีตีย์ (โซแนม คาปูร์) ก็เป็นแบบนั้น เธอต้องต่อสู้กับครอบครัวของเธอที่ต้องก...อ่านต่อ»