SIAMZONE.COM

หนังก็คิอหนังครับ คนที่บอกว่าสองภาคแรก ดีกว่าก็เพราะว่าเค้า capture บรรยากาศจากหนังสือ มาวางบนแผ่นฟิล์มได้ดีมาก ในสองภาคแรก แค่ในเขิงของหนังแล้ว ผมว่าสองภาคแรก ไม่ได้เรื่องครับ อารมณ์ไม่ต่อเนื่อง แล้วก็เหมือนดูสารคดีครับ ผมน่ะชอบสองภาคแรกนะ เพราะว่าเป็นแฟนหนังสือน่ะ แต่ว่าภาคนี้ จะบอกว่าเหมือนทรยศหนังสือเลย เอามาแต่เค้าโครงแล้วก็มาทำหนัง แต่ถ้าดูในแง่ของหนังก็ทำได้ดีทีเดียว ทำให้คนที่ไม่เคยดูแฮร์รี่มาเลย ไม่เคยอ่านหนังสือมาเลย ดูได้และก็สนุกด้วย

สำหรับผม ผมรักหนังสือชุดนี้มาก และผมก็อยากดูหนังที่เป็นหนังที่ดีครับ ไม่ได้อยากแค่เห็นภาพของหนังสือ เพราะถ้าอย่างนั้นผมก็กลับไปอ่านหนังสือก็ได้ ผมจึงชอบผลงานของ อัลฟองโซมากกว่าครับ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าของคริสไม่ดีนะคับ อยู่ที่ว่าอยากเห็นภาพจากหนังสือบนจอ หรือว่าอยากดูหนังดีดีซักเรื่อง เท่านั้นครับ สำหรับผม พอใจกับการอ่านหนังสือแล้ว ก็เลยอยากดูหนังดีดีซักเรื่องก็พอครับ

หนังทำได้ดีค่ะ ดีกว่า 2 ภาคแรกมาก

ชื่อเรื่องก็บอกแล้วว่า แฮรี่ พอร์ตเตอร์ กับนักโทษอัซคาบัน ไม่ใช่แฮรี่ พอร์ตเตอร์กับโช แชง หรือ อื่นๆ ฯลฯ ซะหน่อย ดังนั้นเนื้อเรื่องก็เน้นไปทางนี้ ส่วนที่ตัด หลายๆตอน ออกไป ผมว่าคนที่ไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อนเลยก็เข้าใจได้..หรืออาจจะเป็นความฉลาดของหนังก็ได้ ถ้าอยากซาบซึ้งก็ไปหาหนังสือมาอ่านอีกที ทีนี้ก็ได้รับอรรถรสเต็มๆอีกรูปแบบหนึ่ง คิดว่าคนที่ไม่เคยอ่านแฮรี่ ดูหนังจบ คงไปหาหนังสือมาอ่านแน่นอน ส่วนหนังก็ทำออกมาได้ดี

หนังที่สร้างมาจากหนังสือก็มีเยอะนะครับ แต่อาจจะไม่ใช่หนังที่มีแฟนหนังสือที่เหนียวแน่นที่รอดูด้วยความคาดหวังอย่าง harry potter ผมว่าเค้าให้วิจารณ์หนังก็วิจารณ์กันไปเหอะ อย่ามาวิจารณ์คนวิจารณ์เลย ผมไม่พูดมากนะครับ ไม่งั้นก็จะกลายเป็นว่าผมวิจารณ์คนวิจารณ์ซะเอง ที่สำคัญรายละเอียดปลีกย่อยบางอย่างที่ขาดหายไปมันมีผลกระทบกับเนื้อหาในภาคต่อๆ ไปซะด้วยสิ หนัง harry potter จำกัดดความยาวไม่เกิน 2 ชั่วโมงครึ่ง ดูภาคแรกว่าเนื้อหาหายไปขนาดไหน ภาคนี้หายไปขนาดไหน แล้วคิดดูว่าถ้าภาค 5 ออกมา ขนาดหนังสือขนาดนั้น เนื้อหาจะหายไปอีกขนาดไหน ดีไม่ได้อาจต้องออกเป็น harry potter 5 vol.1 & vol.2

อ่านมาหลาย คคห. แล้วรู้สึกว่าแต่ละคนดูหนังโดยยึดติดกับเนื้อหาและจินตนาการที่ตนเองได้จากอ่านจากนวนิยายมากเกินไป จนกลายเป็นว่าหนังเรื่องนี้ไม่ดีในสายตาของพวกเขาไปเลย ก่อนที่เราจะบอกว่าหนังเรื่องนั้นดีไม่ดีอย่างไร เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า แนวทางในการสร้างหนัง กับแนวทางของหนังสือนั้นแตกต่างกันอย่างมาก หนังนั้นถูกจำกัดด้วยปัจจัยหลายด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลาการฉาย ทำให้ต้องหั่นรายละเอียดที่ไม่สำคัญบางอย่างทิ้งไป คงไว้แต่ประเด็นหลักๆ กับเรื่องราวย่อยที่เสริมมิติในด้านอื่น ส่วนนวนิยายนั้นเรียกแทบได้ว่า ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาเลย ซึ่งผู้ประพันธ์สามารถจะเสกสรร ปั้นแต่ง เรื่องราวของพวกเขาให้ยาวขนาดไหนก็ได้ แต่ภาพยนตร์นั้นกลับไม่ใช่ อีกเรื่องที่พูดกันมากเลย คือ เรื่องการตีความของผู้กำกับ หลายคนหาว่าผู้กำกับ อัลฟองโซ กัวรอง ตีความนวนิยายเรื่องนี้แบบผิดๆบ้าง ทำหนังเรื่องแฮร์รี่ในสไตล์ตัวแกมากเกินไป ทำให้อรรถรสดั้งเดิมของหนังสือเสียไปบ้างล่ะ พอฟังแล้วก็อยากจะบอกว่าถ้างั้น อย่าดูหนังเรื่องนี้ให้เสียเวลาเลยดีกว่า เสียเงิน เสียอารมณ์ เสียความรู้สึก เสีย...... เพราะยังไงหนังกับหนังสือก็ต่างกันอยู่แล้ว ไม่มีวันเหมือนกันไปได้ ผู้กำกับแกเองก็มีสไตล์การทำหนังของแก เป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นรูปแบบการนำเสนอจึงผิดแผก อีกทั้งการตีความในบางส่วนก็ไม่เหมือนกัน สรุปแล้ว มันก็ไม่แปลกอะไรเลยที่เป็นอย่างนั้นเพราะเขามีสิทธิ์ที่จะทำได้ ที่พูดมานี่ไม่ได้เข้าข้างไรหรอกนะ ข้อเสียในหนังเรื่องนี้ก็มี เพียงแต่อยากจะบอกให้รับรู้ว่า ควรดูหนังอย่างเป็นกลางไม่ยึดติด เปิดใจรับเอาจินตนาการใหม่ๆที่ไม่เหมือนตัวเองเข้ามาบ้าง แล้วคุณจะพบว่า โลกจินตนาการอันใหม่นี้มันก็มีอะไรที่ดีๆและน่าสนุกอยู่เหมือนกัน

ผิดหวังมากเหมือนกันคะ ตัดรายละเอียดที่สำคัญๆไปเยอะมั่กมาย
มีความรู้สึกว่าเหมือนการดำเนินเรื่องไม่ค่อยดี คนละอารมณ์กับตอนอ่านหนังสือเลยคะ เราจินตนาการได้สนุกกว่าที่เค้าสร้างมา

ถ้านี้คือที่หนังสนุก หนังทุกเรื่องที่สร้างเป็น vcd ในประเทศเราก็คงสนุกจะสนุกกว่า (ทั้งสามภาคยังแย่เหมือนเดิม)

ชอบมาก เราต้องไม่อ้างอิงหนังกับหนังสือเพราะมันทำออกมาได้ไม่เหมือนกันแน่นอน แม้ว่าคนที่รับ ก็คือคนเดียวกัน
คนที่เอามาเทียบกันจะทำให้คนคนนั้นไม่เข้าถึงภาพยนตร์
คุณค้องดูหนังให้เป็นหนัง เข้าใจ?
แม้จะยอมรับว่า คนที่ไม่ได้อ่านหนังสืออาจจะงงบางฉากที่ไม่มีการเชื่อมกัน
และที่เสียดายมากที่สุดก็คือหนังไม่ได้เฉลยว่า พวกเขาเองที่เป็นคนทำแผนที่ตัวกวน ซึ่งมันจะแสดงถึงความเก๋าของรุ่นพ่อ
แต่โดยภาพรวมแล้ว พวกเขาทำได้ดีมาก ผุ้กำกับทำภาพออกมาได้มืดดำ สมอย่างที่บอก พวกเขาตั้งใจกันมาก และคิดว่า เห็นหนังที่ทำได้ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ขอยาวหน่อยนะครับ

ผมให้แค่ 2.5 ดาวครับ

สำหรับคนที่ชมว่าสนุก ผมว่าในมุมมองของผม ในฐานะที่เป็นคนที่เคยอ่านหนังสือ ผมกลับผิดหวังกับภาคนี้ มากๆ ลองคิดดู ง่ายๆ นะครับ

ภาคสอง หนังยาวประมาณ 161 นาที (ตามที่ระบุไว้บนกล่อง DVD) ขนาดของหนังสือหนาพอประมาณ

ภาคนี้ ผมจับเวลาในโรงตั้งแต่เริ่มไตเติ้ลหนัง ได้ประมาณ 129 นาทีเองครับ ทั้งๆที่หนังสือก็ยาวกว่า เนื้อหามากกว่าด้วย ลำดับเรื่องสับสนครับ บางส่วนไม่เหมือนในหนังสือเลย ปรับมั่วก็มี โดยเฉพาะเนื้อหาในเชิงประวัติของพ่อแม่แฮร์รี่ (แบล็กและลูปินด้วย) แทบจะไม่ได้เอ่ยถึงเลย ว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไร น่าจะ (มากๆ ด้วย) เพิ่มเนื้อหาให้ละเอียดกว่านี้ ให้สื่อความคิดของผู้แต่ง (J.K.Rowling) ให้ตรงกว่านี้ โดยเฉพาะที่บอกไปแล้ว ส่วนที่เกี่ยวกับเชิงชีวิต (Drama) ในเรื่อง ที่สื่อถึงความผูกพันระหว่างตัวละคร หายไปเกือบหมดครับ (เช่น ทำไมแบล็กกับเพ็ตติกรูว์ถึงกลายเป็นแอนนิเมจัสได้ ก็ไม่บอกครับ)

เช็คดูในบอร์ดของเว็บ official (board.harrypotter.warnerbros.com) มีคนคิดเหมือนผมจริงๆ เยอะด้วย ใครไปดูมาแล้วลองไปอ่านดูแล้วเทียบจะรู้สึกว่า ภาคนี้มันไม่ให้อรรถรสเหมือนในหนังสือเลย ไม่เหมือน 2 ภาคแรก ที่ดูแล้วเหมือนสามารถ recall ข้อความในหนังสือออกมาได้เป็นช็อตๆ เลย ผมว่า Chris Columbus ทำออกมาได้ดีกว่ามากๆ ครับ

เรื่องเทคนิคและนักแสดงยอมรับว่า ดีใช้ได้สูสีกับสองภาคแรกเลยล่ะครับ แต่การเดินเรื่องแบบนี้ควรเอาไปสร้างหนังที่มันไม่ได้เริ่มต้นมาจากงานเขียน (based on a novel) เพราะคนที่เคยอ่านมาจะผิดหวังมากๆ ครับ ใครคนอื่นที่ไปดูแล้วช่วยออกความเห็นด้วยครับ

เอ็มม่า โตขึ้นเนอะ