วิจารณ์ Lost in Translation
-
tIK-alone
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 4 ก.ค. 51 00:21
คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น Lost in Translation หลง เหงา รัก บทสรุปที่แตกต่าง
Everyone wants to be found.
หนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลด้วยนะ สุดยอดภาพยนตร์แห่งปีการันตีโดยรางวัลยอดเยี่ยม จากเวทีออสการ์ และ ลูกโลกทองคำ
เรื่องราวประมาณว่าสมมติคุณเบื่อหน่ายกับชีวิตเดิม ๆ ท้องถิ่นเดิม ๆ คุณจึงเริ่มที่จะหางานชิ้นใหม่เพื่อไปสถานที่ใหม่ โดยในเรื่องนี้ ใช้สถานที่คือญี่ปุ่น เป็นสถานที่ดำเนินเรื่องและสถานที่จบเรื่องราว เรียกได้ว่า ถ่ายทำเพียงประเทศเดียว บริเวณรอบ ๆ ไม่ได้ใช้ฉากอะไรมากมาย ให้ตัวเรื่องดำเนินไปอย่างเรียบง่ายที่สุด
ธรรมดาที่สุด สื่อให้เห็นถึงอารมณ์ความนึกคิดของตัวละคร
ลักษณะของตัวละครมากที่สุด
อ่าา ต่อนะ
แล้วเมื่อมาอยู่ที่ใหม่ เหตุการณ์ที่นอนไม่หลับมันเกิดขึ้นได้เสมอ
รวมกับความตึงเครียดที่มีมาก่อนหน้านี้ เมื่อต้องอยู่คนเดียว
ในเมืองที่ต่าง และ บรรยากาศที่เปลี่ยน พร้อมความตึงเครียดที่เก็บสะสมมาเป็นเวลานาน
เรื่องราวของเรื่องนี้ เกิดขึ้นจากตรงนี้
แต่เรื่องราวดำเนินต่อไปตรงจุดที่เมื่อสถานที่ ซึ่งคุณอยู่เพียงคนเดียวนั้น คุณกลับเจอคนที่คุณค้นหา เรียกได้ว่าค้นหามานาน ประมาณว่า มีความรู้สึกเฉกเช่นเดียวกับคุณ เข้าใจคุณ สามารถไปด้วยกันได้ ทำให้ภาวะตึงเครียดในจิตใจหายไป
เรื่องราวดำเนินมา ตัวละครชายหญิงเจอกัน ความสนุกก็เริ่มขึ้น แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องรักหวานแหวว ที่ตามหารักแท้ หรืออย่างไร
หากแต่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของหนึ่งในสมาชิกภายในครอบครัวที่มีปัญหาตึงเครียดแต่เก็บงำไว้กับตัว กล่าวก็คือ ตัวละครสองตัวละครนี้มีครอบครัวแล้ว เรื่องราวเลยไม่ได้จบลงที่ สุขสม happy ending
แต่เรื่องราวเรื่องนี้จบลงที่ บทสรุป ความทรงจำดี ๆ ที่มีให้กันความทรงจำที่ครั้งหนึ่งเราสนุกด้วยกัน ความทรงจำที่เราเคยรู้จักกัน ณ สถานที่ซึ่งไม่เคยรู้จักใคร สุดท้ายคือ ความทรงจำ และ
การจากลาอย่างมีความสุข
เรื่องนี้ไม่ได้เรียกน้ำตาถึงขั้นคนรักจากลาไปจากโลกนี้หรืออย่างไร แต่เหมือนเป็นเรื่องราวของผู้ใหญ่ ที่มีเหตุผลในการจากลา มีความสุขในการลาจาก
ความทรงจำเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ในช่วงเวลาที่ทุกข์ที่สุดของการลาจาก แต่สุขที่สุดที่ช่วงเวลาที่สะสมเรื่องราวใส่กล่องความทรงจำ บางครั้ง อาจไม่จำเป็นต้องจบด้วยการครองคู่ แต่จบด้วยการใช้ชีวิตอยู่แบบเดิมก่อนหน้านี้ หากแต่ การใช้ชีวิตต่อจากนี้อาจไม่เหมือนเดิม เพราะ ความทรงจำบางช่วงที่ได้จากครั้งนั้น อาจเป็นตัวประสานความสัมพันธ์ที่เคยตึงเครียดแต่เดิม ให้กลับมาดีขึ้นมาใหม่ โดยการใช้ความทรงจำนั้น เป็นบทเรียนในการเรียนรู้
ว่าชีวิตหลังจากนี้ จะทำอย่างไร จึงจะเป็นสุขได้
ประสบการณ์เพียงช่วงเวลาหนึ่งจากความทรงจำ อาจทำให้เข้าใจสถานการณ์เดิมว่า เพราะอะไร ทำไมถึงต้องเป็นแบบนั้น
หนังเรื่องนี้ ไม่ได้จบด้วยฉากที่เศร้าแบบสุด ๆ เหมือนฉากจบโดยให้เกิด โศกนาฎกรรม เหมือนหนังหลายเรื่อง หรือให้จบแบบรักลงตัว พลิกล๊อคจับคู่ แต่หนังเรื่องนี้ เหมือนให้แง่คิดเชิงบวก
แก่คนสองคน ที่ไม่ได้พยายามให้เกิดอะไร หรืออาจจะไม่เคยพยายามให้เกิดอะไรเลย แต่เป็นไปธรรมดาสามัญของคน ที่มีความคิดธรรมดาสามัญในเรื่องราวที่ธรรมดาสามัญ เรื่องนี้พยายามถ่ายทอดออกมาในแง่นี้มากกว่า -
ฟรอยด์
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 16 พ.ย. 49 03:37
Sofia Coppola นับว่าเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี ถ่ายทอดความรู้สึกเหงาแล้วอ้างว้าง ผ่านตัวละครหลัก 2 ตัว และเลือกฉากที่อยู่ในนครโตเกียว เมืองหลวงที่จัดได้ว่ามีความสับสน และวุ่นวาย คนในเมืองต่างคนไม่สนใจกันและกัน ซึ่งเหมือนอยู่ในสภาวะหรือแปลกแยก หรือ aliennation ที่เป็นสภาวะของคนเมืองที่นับจะมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ได้อย่างดี ถ้าลองปล่อยความรู้สึก ผ่านฉาก และการดำเนินเรื่องจะเข้าใจว่าหนังเรื่องนี้ได้ถ่ายทอดอะไรที่มากกว่าความเหงา นับว่าเป็นหนังที่เน้นความรู้สึกมาก ถ้าใครคาดหวังว่าดูเรื่องนี้แล้วจะต้องซึ้งต้องเศร้า ไม่ควรดู แต่ถ้าใครอยากเข้าใจถึงมุมมองของความเหงาที่ซ่อนตัวอยู่ลึกๆในเมืองใหญ่ กรุงเทพฯเราก็เข้าใกล้ถึงจุดนี้แล้ว ก็นับได้ว่าเป็นหนังดีอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด
-
มาช้า
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 18 มิ.ย. 49 23:16
ปรกติชอบดูหนังดราม่าแต่ว่าเรื่องนี้น่าเบื่อมาก เพราะมันล่องลอยเรื่อยเปื่อยอย่างบอกไม่ถูกดูแล้วเฉยมาก แต่เราว่าดาราเล่นดีจริงเพียงแต่เรื่องมันนิ่งเกินไปอ่ะ
-
toon
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 12 ธ.ค. 48 00:51
เพลงประกอบที่ชื่อ alone in kyoto ของ air ลองไปหาฟังดูนะที่อยู่ในฉากที่นางเอกเดินชิวๆในเกียวโต มันจะทำให้รู้สึกชิวไปกับหนังได้มากขึ้น (ฟังแล้วขนลุกเลย เหงามาก)
-
วุ่น
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 10 ส.ค. 48 01:04
ดูได้เรื่อยๆไม่น่าเบื่อเท่าไหร่บรรยากาศในหนังค่อนข้างจะเหงาจะเน้นความสัมพันธ์ระหว่างคน2คนที่ลักษณะคล้ายกันโดยมีความเหงาเป็นจุดเริ่มต้น ผมชอบที่สุดตอนที่สกาแลค โจแฮนสัน ไปที่วัดแล้วมองไปที่คู่แต่งงานชาวญี่ปุ่นโดยที่ฝ่ายชายค่อยๆจับมือฝ่ายหญิงมันดูแล้วมีความสุขมากๆซึ่งเป็นบางสิ่งที่ขาดหายไปในความรู้สึกของสกาแล็ค โจแฮนสัน ......... Everyone wants to be found .........
-
อึ้งย้ง
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 20 มี.ค. 48 20:46
เพิ่งไปเช่ามาดู แล้วเป็นอีกคนที่หัวไม่ถึง
-
R.
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 27 ก.พ. 48 14:57
น่าเบื่อ หนังเค้าอาจทำมาดี
แต่ไม่ตรงกับ ความชอบของผม สัก นิดเลย -
K
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 22 ก.ค. 47 02:35
ไม่ได้คิดอะไรมาก...เห็นนางเอกในปกDVDแล้วตกใจ!(แทบจะเป็นคนเดียวกับใครบางคนที่ผมต้องคิดถึงจริงๆเลย....ลูกครึ่ง) ช่วงแรกก็เฉยๆอยู่หรอก..จนกระทั่งสิ้นเสียงกระซิบปริศนาจากบิล เมอเรย์(ที่ฟังแล้วฟังอีกก็แกะไม่ได้จริงๆ ใครรู้ช่วยบอกที) มันอึ้งถึงที่สุดเลยแหล่ะ..รู้สึกเหงา เศร้า ลำคอมันตีบตัน หัวใจมันล่องลอย ไม่สามารถฝืนน้ำตาได้อีกต่อไปจริงๆ....ยิ่งพอเพลงJust Like Honey ค่อยๆแว่วขึ้นมา ผมยิ่งแน่ใจเลยว่าความเศร้า..เหงา..ในใจเรา มันไม่ได้ไปไหนหรอก แค่ซ่อนอยู่ลึกๆเท่านั้นแหละ ตอนนั้นผมเหม่อลอย..สับสน..ตาพร่า ขณะเขียนอยู่นี้ ผมฟังmp3เพลงนี้ไปด้วย..รู้สึกมือสั่น..ใจสั่นไปหมดแล้ว(ไม่อยากร้องไห้แล้วนะ) สรุปว่า....โดนครับ..โดนกับตัวเองจริงๆ ขอยืนยันคนหนึ่งล่ะ..ว่าหนังเรื่องนี้สะท้อนชีวิตของคนเรา..บางครั้ง..บางคน..ไม่เกินเลยไปจริงๆ
-
น้ำตาล
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 13 ก.ค. 47 09:39
นางเอกสวยมากเลยนะ แต่พระเอกแก่มากๆเช่นกัน อยากจะบอกว่าหนังเรื่องนี้ดูแล้วทำให้เราเบื่อสมชื่อของหนังเลยล่ะ ดูแล้วรู้สึกเซ็งและเบื่อสุดๆไปเลย
-
Ying
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 25 มี.ค. 47 18:56
ตัดสินใจดูเพราะชอบคำโปรยบนโปสเตอร์ที่ว่า" Everyone Want to be found" ชอบประโยคนี้มาก บอกถึงคนที่เหงาและอยากมีเพื่อน หรือมีใครซักคนได้ตรงใจมาก...
เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ชอบค่ะ ทุกฉากที่เจอกันบทพูดแทบจะไม่มีระหว่างชาล๊อต กับบ๊อบ แต่เหมือนกับความรู้สึกที่ว่าแค่อยู่ใกล้ ก็สื่อความหมายได้ทุกอย่าง โดยไม่จำเป็นต้องอธิบายความเป็นตัวเองมากมาย
ตอนที่ไปร้องคาราโอเกะกันน่ารักดี นางเอกน่ารักมากๆ ชอบนางเอกเรื่องนี้ที่สุดเลย บรรยากาศของหนังมันเหงาๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นในหัวใจ
ตั้งแต่ออกจากโรงมานี่ยังกรุ่น..กรุ่นอยู่ในใจอยู่ถึงตอนนี้เลย
DVD ตอนนี้มีแล้วนะ แต่เป็น Import แผ่นละ 1100 ว่าจะซื้อแต่คงรอซักพักดีกว่า แต่คนที่ซื้อ DVD แล้วบอกว่า Special Feature เป็นเกี่ยวกับเรื่องในประเทศญี่ปุ่น ทำได้สนุกและคุ้มค่ามาก (อ่านใน Bioscope ค่ะ)
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- เขาชนไก่เข้าฉายปี 2006 แสดง วศิษฎ์ ผ่องโสภา, ทวีรัตน์ จุลศิริ, อภิพล ตรีเทวะวงษา
- เดอะเลตเตอร์ เขียนเป็นส่งตายเข้าฉายปี 2006 แสดง มหาสมุทร บุณยรักษ์, ชลลดา เมฆราตรี, แอนดี้ เขมภิมุก
- Happy Feetเข้าฉายปี 2006 แสดง Robin Williams, Hugh Jackman, Elijah Wood
เกร็ดภาพยนตร์
- Demonic - ประกาศสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยชื่อ House of Horror เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2011 โดย เจมส์ วาน รับหน้าที่อำนวยการสร้าง อ่านต่อ»
- Child 44 - เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ที่ ทอม ฮาร์ดี ผู้รับบท เลโอ และ แกรี โอลด์แมน นักแสดงบท มิกเฮล ปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน เรื่องก่อนหน้านี้คือ Tinker Tailor Soldier Spy (2011) Lawless (2012) และ The Dark Knight Rises (2013) อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
ห่อหมกฮวกไปฝากป้า เรื่องราวของลำเพลิน (วงศกรณ์ โยวะราช) และ เต๊ะ (กสิกร ม่วงสาย) ถูกมอบหมายภารกิจจากแก้ว (นันทิชา จันทาป) ผู้เป็นแม่ ให้น...อ่านต่อ»