1. สยามโซน
  2. เพลง
  3. ข่าวสารวงการเพลง

ธเนศ บันทึกความรู้สึกสู่เพลง 13 ตุลา หนึ่งทุ่มตรง

ธเนศ บันทึกความรู้สึกสู่เพลง 13 ตุลา หนึ่งทุ่มตรง

ศิลปินมากความสามารถ "เอก - ธเนศ วรากุลนุเคราะห์" ได้แสดงความอาลัยแด่ "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" ผ่านการถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลง "13 ตุลา หนึ่งทุ่มตรง" โดย ธเนศ พูดถึงเรื่องราวของเพลงผ่านทางรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ พร้อมกับเล่าถึงบรรยากาศเมื่อ 13 ตุลาคม 2559 วันที่ได้เกิดเหตุการณ์สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ว่า "ก็นั่งทำงานอยู่ที่บ้านฮะ แล้วก็ติดตามข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งภรรยาติดตามใกล้ชิด ก็เล่าให้ฟังเป็นระยะๆ ก็คงเหมือนๆ ทุกๆ คนนะฮะที่ติดตาม สุดท้ายเนี่ยเราก็เริ่มกังวลกันไปต่างๆ นานา คิดไปสารพัด ก็เลยตกลงกับภรรยาว่า เดี๋ยวเรารอตอนหนึ่งทุ่มดีกว่า ทุ่มตรง เราก็ไปนั่งรอหน้าทีวี ที่จริงแล้วเพลงนี้ไม่อยากเรียกว่าเพลงด้วยซ้ำไป เหมือนเป็นบันทึกความรู้สึกของเราเองฮะ ในช่วงเวลานั้นเฉยๆ"

นักร้องรุ่นใหญ่เปิดใจไม่คิดว่าตนเองจะมีความสามารถในการเขียนความรู้สึกเป็นบทเพลง "ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมีความสามารถพอที่จะเขียนมาเป็นเพลง ไม่ได้มีความคิดนี้มาก่อน เราก็ไม่เคยทำ งานที่ถวายท่านก็เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ แล้วก็ไม่แน่ใจจะเหมาะสมหรือไม่อะไรต่างๆ จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นก็มีน้องคนหนึ่งโทรมาบอกว่าพี่คนนี้ควรจะต้องทำ เขาพูดเหตุผลมากมาย สุดท้ายก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นเราขอถ่ายทอดความรู้สึก น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดไม่ได้ของพระองค์ท่านในค่ำคืนวันนั้นก็แล้วกัน คุยกันอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเพลงมันก็เลยเป็นแบบนี้ ช่วงเวลานั้นมันอย่างอื่นไปไม่ได้ เป็นอย่างนี้เท่านั้นฮะ"

ธเนศ เผยถึงเบื้องหลังการทำงานดนตรีว่า "ผมก็เล่าให้ทุกๆ คนฟังว่าผมต้องการให้มีน้อยที่สุด ก็คือมีเปียโน ดับเบิลเบส เชลโล ไวโอลิน เครื่องสาย แต่ว่าพอทำๆ ไปทุกอย่างมันก็ค่อยๆ ปรับไปตามความเหมาะสม ก็ลงตัวของมันไปเอง" และยังได้นำพระนามของพระองค์ท่านใส่ไว้ในท่อนสุดท้ายในเพลงอีกด้วย "ท่อนสุดท้ายได้อัญเชิญพระนามท่านมาปิดท้าย บทเพลงนี้จากความรู้สึกซึ่งเราทุกคนเศร้ากันอยู่ แต่ว่ากระนั้นเนี่ยก็นึกอยู่ว่าเราจะทำอย่างไรให้คนฟัง โดยเฉพาะตัวเองด้วย บันทึกของเรา ทุกครั้งที่หวนรำลึกถึงเหตุการณ์วันนั้น ทุกครั้งที่หวนรำลึกมาทบทวนในบทเพลงนี้ ทำอย่างไรให้เราออกมาจากความทุกข์นั้นให้ได้ ก็นั่งพิจารณาอยู่ สุดท้ายสิ่งที่เหมาะสม สมควรที่สุดไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าการอัญเชิญพระนามท่านมาเป็นขวัญกำลังใจ ปิดท้ายในท่อนท้าย ทันทีที่ตัดสินใจอย่างนี้ โดยส่วนตัวรู้สึกทันทีเลยว่ามันมีพลังบางอย่างเกิดขึ้นมา น่าจะเป็นพลังแห่งความดีงาม พระบารมีปกเกล้าของพระองค์ท่านที่แผ่ออกมา"

ส่วนการที่ใช้ชื่อเพลงว่า 13 ตุลา หนึ่งทุ่มตรง ก็เพื่อที่จะจารึกไว้ในหัวใจของชาวไทย ให้จดจำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น "เราต้องจดจำว่าวันนั้นเรารู้สึกอย่างไร เราสูญเสีย เราเสียใจ เราทุกข์ขนาดไหน คือความรู้สึกนี้ หลายๆ คนบอกว่าเมื่อไรจะเลิกทุกข์ เมื่อไรจะเลิกร้องไห้ได้ ผมว่าร้องไปเถอะครับ ทุกข์ไปเถอะครับ วันหนึ่งมันจะออกจากทุกข์ได้เอง ตามวิถีธรรมชาตินะฮะ แล้วยิ่งการเป็นทุกข์ที่เกี่ยวเนื่องกับพระองค์ท่าน ซึ่งพระองค์ท่านเราทราบกันดีว่าท่านเป็นศูนย์รวมจิตใจของพวกเรา ท่านมีพระบารมีความดีงามท่านสะสมมามากมาย พวกเรารับรู้ได้" ความทุกข์จากการสูญเสียครั้งนี้ก็เป็นแรงผลักดันให้ทุกคนต่างร่วมกันทำสิ่งดีๆ "ความทุกข์ที่สืบเนื่องจากการสูญเสียพระองค์ท่านโดยความรู้สึกส่วนตัว มันเป็นความทุกข์ซึ่งสมควรจะทุกข์ ทุกข์ครั้งนี้ทุกคนพร้อมที่จะลุกขึ้นมาทำความดีเพื่อให้ท่าน ถวายท่าน ทุกสิ่งทุกอย่างอย่างที่เราเห็นเป็นตัวอย่างมากมายทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วไม่ต้องห่วง สุดท้ายแล้วมันจะเกิดพลังจากความทุกข์อันนี้ เพื่อที่จะทำสิ่งดีงามตามรอยท่าน"

ความคิดเห็น