ไดอานา ครอลล์ ชวนดื่มด่ำกับทุกอารมณ์ของบทเพลงแจ๊ซ
นักร้องนักเปียโนสาวเจ้าของน้ำเสียงทรงเสน่ห์ "ไดอานา ครอลล์" (Diana Krall) ขนทัพนักดนตรีมีฝีมือ ประกอบไปด้วย นักกีตาร์ "แอนโทนี วิลสัน" (Anthony Wilson) ตำแหน่งกลอง "คาร์รีม ริกกินส์" (Karriem Riggins) ผู้เล่นเบส "เดนนิส ครอช" (Dennis Crouch) นักไวโอลิน "สจวร์ต ดันแคน" (Stuart Duncan) และมือคีย์บอร์ด "แพทริก วอร์เรน" (Patrick Warren) มาเปิดคอนเสิร์ตครั้งใหญ่ ชวนแฟนๆ ทั่วฟ้าเมืองไทยร่วมดื่มด่ำกับท่วงทำนองเพลงแจ๊ซสุดตราตรึง ใน "Diana Krall Wallflower World Tour Live in Bangkok 2016" เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน
ในค่ำคืนแห่งความทรงจำนี้ ไดอานา บรรจงจรดปลายนิ้วถ่ายทอดเพลงจังหวะคึกคักเป็นการอุ่นเครื่องกันด้วย "Deed I Do" ก่อนจะหยุดทักทายแฟนๆ อย่างเป็นกันเอง "ขอบคุณค่ะ (ภาษาไทย) ขอบคุณมากๆ พวกเรารู้สึกดีที่ได้มาอยู่ตรงนี้ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ในค่ำคืนวันศุกร์แบบนี้พวกเราจะมาเล่นเพลงแจ๊ซให้คุณฟังค่ะ และพวกเรามีช่วงเวลาที่วิเศษมากในกรุงเทพฯ พวกเราโชคดีที่ได้มาที่นี่ในวันนี้ ฉันรู้สึกตื้นตันใจมากค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ ฉันรู้สึกดีที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้แบ่งปันเวทีร่วมกับนักดนตรีมากฝีมือเหล่านี้ที่จะมาบรรเลงดนตรีให้คุณได้ฟัง โปรดต้อนรับมือเบส เดนนิส ครอช มือกลอง คาร์รีม ริกกินส์ กีตาร์ แอนโทนี วิลสัน นักไวโอลิน สจวร์ต ดันแคน และคีย์บอร์ด แพทริก วอร์เรน เพลงต่อไปที่เราจะเล่นได้แรงบันดาลใจมาจากนักร้องนักเปียโน แนต คิง โคล (Nat King Cole) ซึ่งเป็นเพลงเกี่ยวกับความรัก เพลงนั้นคือ Let's Fall In Love ค่ะ"
เมื่อนักร้องสาวกล่าวจบก็ได้เวลาที่ทุกคนจะไปเพลิดเพลินกับบทเพลงรักอันแสนไพเราะอย่าง "Let's Fall In Love" "So Nice" และ "Frim Fram Sauce" จากนั้น ไดอานา ก็พาทุกคนจมลึกเข้าไปในเพลง "How Deep Is the Ocean" และ "Simple Twist of Fate" ต่อมาคือเพลง "Temptation" ที่งานนี้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เห็นถึงศักยภาพของเหล่านักดนตรีอย่างเต็มตา ด้วยท่อนบรรเลงเดี่ยวของแต่ละคน ซึ่งต่างก็งัดลีลามาประชันกันสุดๆ ทำเอาผู้ชมในฮอลล์ประทับใจและปรบมือให้อย่างเกรียวกราวเลยทีเดียว ต่อมาเป็นการแสดงเดี่ยวของนักเปียโนสาวผู้นี้กับ 2 บทเพลง "The Look Of Love" และ "Angel Eyes" ผลงานของ "แฟรงค์ ซินาตรา" (Frank Sinatra)
สัมผัสกับพลังเสียงที่สุดยอดของนักร้องสาวกันแบบต่อเนื่องในเพลง "California Dreamin'" จากอัลบั้มล่าสุด "Wallflower" ต่อด้วยบทเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้มอย่าง "Wallflower" แล้วดึงเข้าสู่เพลงที่มีจังหวะสนุกสนาน "Just You, Just Me" จากนั้นทุกคนจึงโค้งลาและกลับเข้าหลังเวทีไป แต่เมื่อเสียงปรบมือแห่งความประทับใจยังคงดังอย่างต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด ไดอานา และผองเพื่อนนักดนตรีก็ตัดสินใจกลับออกมาอีกครั้ง ขยายช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับแฟนๆ หยิบเพลง "Desperado" อีกหนึ่งผลงานจากอัลบั้มล่าสุดมาบรรเลงให้ได้ฟังกัน ตามด้วยเพลงเพราะๆ ในท่วงทำนองแสนเศร้า "For No One" และ "If I Take You Home Tonight" ก่อนจะปิดท้ายด้วยความอิ่มเอมใจใน "After You're Gone"