ไทนี่-จี เอ็ม และ นัททิว มอบเพลงพิเศษ The Only One
วง "ไทนี่-จี เอ็ม" (Tiny-G M) ประกอบด้วยสาวเกาหลี "เจมิน" (J Min) หรือ "ชินมินจอง" (Sin Min Jeong) ที่ผนึกกำลังกับสาวไทย "มิ้นท์ - กุญช์ภัสส์ พรปวีณ์วรกุล" เป็นศิลปินกลุ่มย่อยจากวง "ไทนี่-จี" (Tiny-G) จับมือสร้างสรรค์ผลงานพิเศษ "The Only One" ร่วมกับหนุ่มคนดังจากรั้วเอเอฟ "นัท - ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม" หรือ "นัททิว" โดยเพลงนี้สาว เจมิน ได้อวดเสียงร้องเป็นภาษาไทยให้ได้ฟังกันอีกด้วย
หนุ่มสาวกลุ่มนี้ได้มาให้สัมภาษณ์ด้วยกันเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพฯ สีลม ในฐานะศิลปินที่จะขึ้นแสดงในงาน "Thailand Korea Friendship Festival 2014" ที่จัดขึ้นไปเมื่อวันที่ 28-30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยมี มิ้นท์ รับหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาให้ เจมิน อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยทีเดียว
แนะนำตัวกันหน่อย
มิ้นท์ และ เจมิน "สวัสดีค่ะ พวกเราไทนี่-จี เอ็มค่ะ" (ภาษาไทย)
นัททิว "สวัสดีครับ ผมนัททิวครับผม"
ถามสาวๆ กันก่อนว่าจากวง ไทนี่-จี ทำไมถึงมาเป็น ไทนี่-จี เอ็ม
มิ้นท์ "ก็พวกเรานะคะมาทำโปรเจกต์พิเศษกันที่ไทยค่ะ เลยตั้งชื่อว่าไทนี่-จี เอ็มค่ะ เป็นซับยูนิตของไทนี่-จี อีกทีหนึ่งค่ะ ชื่อของเรา 2 คนมีตัวเอ็มอยู่ในนั้นทั้งหมดเลย เป็นมิ้นท์ แล้วก็เจมินค่ะ ก็เลยใช้ตัวเอ็มดีกว่า"
อยู่กัน 2 คน เหงาไหม
มิ้นท์ "ไม่เหงานะคะ"
เจมิน มาทำงานที่ไทยเป็นอย่างไรบ้าง
เจมิน "สนุกมากๆ ค่ะ (ภาษาไทย)"
มิ้นท์ "ต้องบอกว่าการทำงานนะคะในประเทศไทยค่ะ เป็นเหมือนระบบพี่น้องค่ะ คือไม่เคร่งเหมือนที่เกาหลีสักเท่าไร เขาก็เลยจะสนุกค่ะ"
กินอาหารไทยที่มีรสจัดได้ไหม
มิ้นท์ "หนูตอบแทน ได้หมดทุกอย่างเลย (หัวเราะ) ปลาร้าก็กินค่ะ"
เจมิน "อร่อยมากๆ ค่ะ แล้วก็ฉันหมูค่ะ (หมายถึงอ้วน) (ภาษาไทย)"
ชอบทานอะไรเป็นพิเศษ
เจมิน "ผัดไทย และบัวลอย (ภาษาไทย)"
มิ้นท์ กลับมาทำงานที่ไทยรู้สึกอย่างไรบ้าง
มิ้นท์ "หนูก็รู้สึกดีมากค่ะที่ได้กลับมาทำงานในไทยในครั้งนี้นะคะ เพราะว่าห่างหายไปก็แบบ 5 ปีเลยค่ะ ที่ไปอยู่ที่เกาหลีนะคะ แล้วก็โปรเจกต์นี้พวกเราก็ตั้งใจทำเพื่อตอบแทนแฟนๆ ชาวไทยด้วยค่ะ เพลงนี้ต้องบอกว่าเป็นเพลงไทยนะคะ แล้วก็พิเศษมากๆ เลยค่ะ ได้พี่ข้างๆ (นัททิว) มาฟีเจอริงด้วยนะคะ (หัวเราะ)"
นัททิว "ก็รู้สึกดีใจนะครับที่โปรเจกต์นี้เนี่ยผมได้มีโอกาสฟีเจอร์ริงนะครับ ปกติแล้วไม่ได้ฟีเจอร์ริงกับใครเลยนะครับ ผมร้องเดี่ยวหรือว่าก็เชิญนักร้องคนอื่นเนี่ยมาร่วมฟีเจอร์ริงให้กับผมนะครับ แต่ว่าคราวนี้ก็รู้สึกว่าคราวนี้เราก็จะได้มีเหมือนแบบ feat. by Natthew อย่างนี้ เท่ดีเหมือนกันครับ"
ทำงานร่วมกับ ไทนี่-จี เอ็ม มีความยากง่ายอย่างไร
นัททิว "ต้องบอกว่าไม่ยาก เพราะว่าต้องยกความดีความชอบให้น้องมิ้นท์มากๆ เลยครับ คือผมเนี่ยเมื่อเทียบแล้วความสามารถระดับภาษากับน้องมิ้นท์ต่างกันเยอะมาก น้องมิ้นท์อยู่มานานพูดคล่องมากผมนี่ก็แบบเออะ อะ อร่อย หิว เหนื่อยอะไรอย่างนี้ เป็นคำๆ ใช่ไหมครับ ตอนทำงานที่เกาหลีเนี่ยน้องมิ้นท์คือช่วยประสานงานด้วย เป็นนักร้องด้วย เป็นโค้ชเต้นด้วย ระหว่างที่ผมกำลังทำงานออกเพลงที่นู่นก็ส่งคลิปมา พี่นัททิวคะ เต้นแบบนี้ๆ ว่างๆ น้องเขาก็จะแบบอย่าลืมซ้อมนะคะ น้องเขาก็จะทำหลายอย่างมากทำให้การทำงานทั้งหมดเนี่ยดูง่ายขึ้น ผมเองก็รู้สึกว่ามันง่ายขึ้นด้วย เพราะเรารู้ว่าเราจะเต้นยังไงหรือร้องยังไง เพราะว่าน้องมิ้นท์เขาช่วยประสานงานให้ เราภูมิใจไทยทำเราช่วยกัน"
เพลงที่ร่วมกันร้องมีชื่อว่าอะไร มีเนื้อหาเป็นอย่างไร
มิ้นท์ "The Only One ค่ะ สำหรับเพลงนี้นะคะหนูตั้งใจว่าอยากจะมอบให้กับแฟนๆ ของไทนี่-จี ทุกๆ คนค่ะ เนื้อหาเพลงนี้นะคะก็จะเหมือนแบบว่า You're The Only One ตรงตัวเลยค่ะว่าเธอเป็นคนเดียวนะที่อยู่ข้างฉัน อยากจะบอกกับเจมินด้วย เพราะว่าเราก็เริ่มซ้อมตั้งแต่ที่เกาหลีค่ะ เริ่มซ้อมด้วยกันมาตั้งแต่ปีแรกเลยอย่างนี้ค่ะ ก็อยู่ด้วยกันมาถึงขนาดนี้ก็อยากจะขอบคุณด้วย แล้วก็แฟนๆ คุณพ่อคุณแม่ ก็อยากจะสื่อสารตรงนั้นด้วย"
ที่มาที่ไปของการทำเพลง
มิ้นท์ "จริงๆ แล้วที่เราเริ่มโปรเจกต์นี้ได้ก็เพราะว่าเพื่อนของหนูค่ะ เมมเบอร์คนหนึ่งติดละครที่เกาหลีค่ะ ก็เลยว่าอยากจะหาอะไรสนุกๆ ทำก็เลยเนี่ยค่ะ ชวนเขาบอกว่ามาเที่ยวกันเถอะอะไรอย่างนี้ที่เมืองไทย แล้วก็ถ้ามาเที่ยวเฉยๆ มันก็ไม่สนุกเท่าไรนะคะ ก็เลยหาโอกาสนี้แหละตอบแทนทุกๆ คนด้วย จริงๆ แล้วเพื่อจะได้ยืดเวลาการอยู่เมืองไทยนานขึ้น หรือเปล่า (หัวเราะ)"
มีเพลงอื่นมาฝากไหม
มิ้นท์ "แน่นอนค่ะ เราก็จะเล่นของเพลงไทนี่-จี ด้วยนะคะ แล้วก็เพลงนี้ค่ะเพลง The Only One ของเรานะคะ เป็นเพลงไทยค่ะ เจมินเขาร้องภาษาไทยค่ะ ทั้งเพลงเลย"
เจมิน "You're The Only One เธอเท่านั้นเคียงข้างกัน เป็นเช่นดวงตะวันนำทางให้กับหัวใจ (ร้องเพลงเป็นภาษาไทย)"
นัททิว ไปทำงานที่เกาหลีเป็นอย่างไรบ้าง
นัททิว "ก็ไปทำงานคราวนี้ก็แตกต่างจากการทำงานครั้งก่อน ตอนที่ผมเดบิวต์เพลง She's Bad เป็นการทำงานระยะสั้นนะครับ แต่ว่าคราวนี้ผมใช้เวลาในการฝึกฝนนานขึ้น คือตอนแรกที่เพลงยังไม่ออกมาด้วยซ้ำ แต่ว่าเราก็ต้องฝึก ต้องเรียนครับผม ก็เลยทำให้ใช้เวลาอยู่ที่นู่นนานขึ้น ก็เหงามากขึ้นครับผม แต่ว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือพอเราออกเพลงแล้วก็กระแสตอบรับก็ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือแฟนๆ คนไทย และสื่อมวลชนคนไทยให้การสนับสนุนมากๆ มันก็ทำให้เรารู้สึกดีใจแล้วก็อยากที่จะคีปโกอิงต่อไป ทำให้ดีต่อไป"
สำหรับเพลงใหม่ล่าสุดของ นัททิว เป็นอย่างไรบ้าง
นัททิว "ล่าสุดเพิ่งปล่อย 2 เพลงที่ประเทศเกาหลีนะครับผม ก็เพลงแรกเนี่ยชื่อเพลง Dotong Moreugenne (Don't Know How) นะครับผม ก็เป็นเพลงที่เจ้าของเพลงเนี่ยคือ รอยคิม (Roy Kim) นะครับ เป็นศิลปินเกาหลี ผมรีเมกใหม่อีกรอบหนึ่งนะครับ แล้วก็อีกเพลงหนึ่งที่เป็นเพลงโปรโมตเนี่ยชื่อเพลงภาษาเกาหลีว่า Jalhalge คือจริงๆ Jalhalge แปลว่าฉันจะมอบสิ่งดีๆ ให้คุณ ฉันจะทำสิ่งดีๆ ให้ครับ แต่ว่าชื่อเพลงภาษาอังกฤษเนี่ยใช้คำว่า Love Will Be OK ก็มี 2 เพลงให้ทุกคนได้ฟังกันครับ ก็ออกแนวไปในด้านบวกๆ เหมือนอย่างถ้าเพลง Jalhalge คือเป็นเพลงมีความสุข เป็นเพลงบอกว่าฉันรักคุณนะ แล้วก็อยากได้ยินคำว่า Love Will Be OK จากคุณ คือจะบอกว่ารักครั้งนี้มันจะต้องไปได้ด้วยดีอย่างนี้ครับ เป็นเพลงดีสนุกๆ ครับ แล้วก็เต้นก็แบบรีแลกซ์หน่อย ไม่เหมือน She's Bad ที่จะเต้นหนักนิดหนึ่งครับ"
ความยากของเพลงใหม่
นัททิว "สำหรับซิงเกิลใหม่นะครับความยากง่ายเนี่ย ก็น่าจะเป็นเรื่องของภาษาเหมือนเมื่อตอน She's Bad นะครับ แต่ว่าคราวนี้ก็คือเหมือนพอผมเรียนภาษาเกาหลีมากขึ้นสำเนียงก็มีปัญหาน้อยกว่าเมื่อก่อน จะมีเป็นบางคำที่จะต้องอัดเสียงนานนิดหนึ่งครับผม เพราะว่าพอเราร้องแล้วมันไม่ชัด อย่างเพลง Dotong Moreugenne อาจจะไม่มีใครทราบแต่ว่าผมอัดเสียงเสร็จไปแล้วรอบหนึ่ง พอมิกซ์ออกมาแล้วโปรดิวเซอร์และผมมีความเห็นตรงกันว่า แหม มันยังไม่สุดเลยครับ ผมก็อัดใหม่หมดเลยทั้งเพลงอีกรอบหนึ่งครับ แล้วก็จะมีพวกแบบเหมือนขึ้นเวทีอะไรอย่างนี้ครับ ก็จะมีความตื่นเต้น เพราะว่าเราไม่ได้ขึ้นเวทีที่เกาหลีนานมากแล้วอย่างนี้ครับ ก็จะมีความตื่นเต้นแล้วก็ต้องซ้อมเยอะ โดยเฉพาะถ้าพูดถึงเพลง Jalhalge ก็คงเป็นเรื่องเทคนิคการร้องที่ใช้เสียงหลบตลอด แล้วก็เวลาหลบไปด้วยเต้นไปด้วยมันก็ค่อนข้างลำบากนิดหนึ่ง"
ทิ้งช่วงไปนานมากมีความกดดันไหม
นัททิว "มีความกดดันมากเหมือนกันครับเพราะว่าเวลาที่เราหายไปนานๆ เนี่ยนะครับ ไม่ว่าจะที่ไทยหรือที่เกาหลีก็ตาม ที่ไหนก็แล้วแต่แหละครับ คนก็จะเหมือนแบบ ใครนะต้องขอเสิร์ชใหม่ อ๋อ จำได้แล้วๆ อะไรแบบนี้ ซึ่งมันทำให้การขึ้นเวทีครั้งแรกของผมเนี่ยเราต้องให้กำลังใจตัวเองเยอะมาก เพราะเราไม่รู้ว่าคนจะจำเราได้ไหม หรือว่ายังพร้อมที่จะต้อนรับเราอยู่หรือเปล่าครับ แต่ว่าพอผ่านครั้งที่สองสามสี่ไปเรื่อยๆ คนก็จำได้แล้ว แล้วก็แบบร้องให้เรา แล้วผมก็เห็นหลายๆ คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่น่าเชื่อคือที่สตูดิโอที่เกาหลีครับ ก็จะมีแฟนต่างประเทศที่ไม่ใช่คนเกาหลีครับ เป็นฝรั่งเอยหรือเป็นคนไทย เราก็จะเห็นเขาขยับปากร้องตาม แล้วก็หลายคนก็สวัสดีผม ทั้งๆ ที่ไม่ใช่คนไทย เขาก็จะทำท่าไหว้เราอย่างนี้ ก็เป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นครับ"
พูดถึงละครที่ นัททิว ได้รับเชิญให้แสดงที่เกาหลี
นัททิว "จริงๆ ผมสนใจเรื่องซีรีส์เหมือนกันนะครับ แต่ว่าตอนนี้แผนก็คือว่าต้องเรียนภาษาเกาหลีให้หนักกว่านี้อีกจะได้พูดให้คล่อง จำได้ง่ายขึ้น แล้วก็คนดูเนี่ยเขาก็จะได้อินกับเรา อย่างเรื่องล่าสุดที่รับเชิญ Monstar เรารับบทเป็นคนไทยที่ไปทำงานอยู่ที่นู่น เพราะฉะนั้นสำเนียงไม่มีปัญหาเพราะว่ามันเข้ากับบทอยู่แล้ว แต่ต่อไปถ้าเราต้องเล่นอะไรที่ยากขึ้นก็อาจจะต้องฝึกมากขึ้น แต่สนใจอยากเล่นดราม่าเกาหลีเพิ่มเติมเหมือนกันครับถ้ามีโอกาส"
เจมิน ร้องเพลงภาษาไทยยากไหม
เจมิน "มิ้นท์ก็มีส่วนช่วยค่ะ ยากไหมก็ยาก แต่ก็สนุกค่ะ"
พา เจมิน ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง
มิ้นท์ "ตอนนี้พาไปสนามหลวง ท่าเรือ (หัวเราะ)"
เจมิน "จตุจักร ข้าวสาร (ภาษาไทย)"
เจมิน อยากไปที่ไหนอีกในประเทศไทย
เจมิน "ฉันอยากไปภูเก็ตค่ะ (ภาษาไทย)"
อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ
มิ้นท์ "อยากจะฝาก The Only One นะคะ หนูและเจมินก็ตั้งใจกันเป็นอย่างมากค่ะ เจมินเขาก็ตั้งใจร้องภาษาไทยนะคะ เขาก็ตั้งใจเหมือนเขาให้เกียรติคนไทยค่ะว่าเป็นภาษาไทย เขาก็ต้องร้องให้ชัดนะคะ เพราะว่าเป็นคนต่างชาติร้องไม่ชัดไม่เป็นไร ไม่ใช่ค่ะ เขาก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วก็เพื่อขึ้นแสดงสดด้วยค่ะ เขาก็ตั้งใจมาก อยากจะฝากพี่ๆ สื่อมวลชนทุกๆ คนนะคะ เอาไทนี่-จี เอ็มไว้อยู่ในซอกใจด้วย (ชูมือทำสัญลักษณ์บอกรัก) (หัวเราะ) ก็อยากให้เราไปอยู่ในใจของทุกๆ คนรักเรามากๆ นะคะ ขอบคุณค่ะ (ลุกขึ้นมาไหว้แบบไทยๆ)"
เจมิน "ดีใจมากๆ ค่ะ ที่ได้เจอแฟนๆ ชาวไทยค่ะ ขอบคุณค่ะ ฝากไทนี่-จี เอ็มด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ (ภาษาไทย)"
นัททิว "ก็ฝากเป็นกำลังใจให้ด้วยแล้วกันครับผม ก็มี 2 เพลงใหม่นะครับ ก็เป็นเพลงที่ตั้งใจทำมากจริงๆ เลย แล้วก็อีกหนึ่งอย่างที่อยากจะบอกคนไทยก็คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับแนวเพลงของผม แล้วก็ความเป็นคาแรกเตอร์ของผมเองที่แฟนๆ หรือว่าสื่อมวลชนชาวไทยคงทราบดีอยู่แล้วว่ามันค่อนข้างต่างจากเคป๊อปสไตล์ค่อนข้างเยอะมากเหมือนกัน เรามีสไตล์เป็นของเราเองนะครับ แล้วก็แนวเพลงของผมก็ไม่ใช่เคป๊อปแบบเคป๊อปมากๆ สักเท่าไรนัก คือที่เกาหลีตอนนี้เขาก็เริ่มเปิดใจรับแนวเพลงต่างๆ มากขึ้น ส่วนผมเองผมก็อยากที่จะนำเสนอความเป็นตัวเองมากขึ้น ไม่อยากที่จะตามอะไรซะทีเดียว อยากให้มีความเป็นตัวตนของเรา ของผมเอง ของนัททิว แล้วก็แนวที่เป็นไทยที่ชอบด้วยครับลงไปในเพลง ก็อยากให้เป็นกำลังใจให้ด้วยแล้วกัน เพราะเรามีความฝัน เพราะเราตั้งใจจริงๆ เพราะเราอยากที่จะทำให้ได้จริงๆ เราถึงสู้ทนความกดดันต่างๆ มากมายนะครับ ยังไงฝากเป็นกำลังใจให้ด้วยแล้วกันนะครับ พวกเราก็ทำงานเต็มที่ทั้งไทนี่-จี เอ็มแล้วก็นัททิวนะครับ"
เรียกได้ว่าทุ่มเทกันขนาดนี้ แฟนๆ ชาวไทยก็อย่าลืมติดตาม เป็นกำลังใจให้กับวง ไทนี่-จี เอ็ม หนุ่ม นัททิว และศิลปินชาวไทยคนอื่นๆ ที่กำลังมุ่งมั่นคว้าฝัน และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยอยู่ที่ต่างแดนกันด้วย