อ้อน สะท้อนลางสังหรณ์ของผู้หญิงในเพลง ออกอาการ
นักร้องสาวเสียงดี "อ้อน - ลัคนา หวงมณีรุ่งโรจน์" หลังห่างหายจากวงการเพลงไปทำหน้าที่เป็นดีเจประจำคลื่นวิทยุ 95.5 เวอร์จิ้น ฮิตซ์ ก็ขอหวนคืนวงการเพลงแบบเต็มตัวอีกครั้ง ภายใต้บ้านหลังใหม่กับค่ายโมโนมิวสิค ในเครือโมโนกรุ๊ป เปิดตัวซิงเกิลแรกด้วย "ออกอาการ" เพลงที่พูดถึงลางสังหรณ์ของผู้หญิงที่มีต่อคนรัก ซึ่งสาว อ้อน เผยให้ฟังว่า
"ที่อ้อนหายจากวงการเพลงไปเลย ก็เพราะไปทำงานเป็นดีเจที่คลื่นเวอร์จิ้นฯ ค่ะ ซึ่งต้องทำงานทุกวัน ช่วงนั้นเลยตัดสินใจว่าเอางานดีเจก่อนละกัน เพราะเป็นอีกงานที่อยากทำมากในตอนนั้น แต่ตัวอ้อนก็ยังชอบร้องเพลงอยู่นะคะ จัดรายการไปก็ร้องเพลงคนอื่นไป พอมาวันหนึ่งได้เจอกับผู้บริหารค่ายโมโนมิวสิค เลยคุยกันเรื่องเพลงจนพี่เขาชวนมาทำเพลงด้วย ตอนนั้นอ้อนก็เอ๊ะสนใจ เราอยากทำมานานแล้วแต่ไม่รู้จะเริ่มกับใครยังไง พอโมโนมิวสิคเปิดโอกาสก็เลยเข้ามาคุยกับที่นี่อย่างจริงจัง เมื่อทุกอย่างลงตัวก็เริ่มทำเพลง จนมาเปิดตัวที่ซิงเกิลแรก ออกอาการ ค่ะ
สำหรับเพลงนี้จะพูดถึงลางสังหรณ์ของผู้หญิงว่าเธอกำลังจะถูกทิ้งและเรื่องก็เป็นจริงตามนั้น ร้อยทั้งร้อยเหมือนผู้หญิงทุกคนมีลางบอกเหตุ ผสมกับการสังเกตการกระทำของคนรักที่ไม่เหมือนเดิม จึงเป็นที่มาของเพลง ออกอาการ ค่ะ ซึ่งได้ พี่จิม - ม.ล. พิทยากรณ์ รัชนี มาทำหน้าที่โปรดิวเซอร์เพลงให้ค่ะ และกว่าจะได้เป็นเพลงนี้ออกมาก็รื้อทำกันอยู่หลายรอบ เพราะอยากให้เพลงลงตัวที่สุดค่ะ ก็อยากจะฝากให้ช่วยกันติดตามซิงเกิลแรกเพลง ออกอาการ เพลงนี้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ"
ส่วนการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอได้ใช้คู่รัก 2 คู่ มาแสดงและทำท่าทางคล้ายสติ๊กเกอร์ในโปรแกรมไลน์ เพื่อเป็นการสื่อสารระหว่างกัน งานนี้ทำเอานักแสดงต่างชื่นชอบ เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทำประจำ และท่าทางที่ผู้กำกับคิดมาก็ทำเหมือนกับสติ๊กเกอร์เป๊ะ โดย อ้อน พูดถึงมิวสิกวิดีโอว่า
"เนื้อหาของเอ็มวีเพลง ออกอาการ จะอ้างอิงกระแสออนไลน์ วอตส์แอป อินสตาแกรม ไลน์ ที่กำลังเป็นที่นิยมสำหรับการพูดคุยติดต่อสื่อสารกัน มาบอกเล่าเรื่องราวของคนที่คบกันเป็นแฟน แต่แล้วทั้งคู่กลับนอกใจคุยกับคนอื่นในโลกออนไลน์ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปการคุยก็จะค่อยๆ จืดจางลง จากที่เคยได้รับการตอบกลับก็กลายเป็นไม่มีอะไรส่งกลับมา โดยฝ่ายรอก็อดทนไม่พูดอะไร แต่เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าเขาหรือเธอกำลังจะบอกลาจากไป
ด้วยเนื้อหาดูแล้วเหมือนจะเศร้านะคะ แต่ความจริงไม่เศร้าเลย เป็นการนำเสนออีกแง่มุมหนึ่งของคนในยุคปัจจุบัน ที่ใช้การแชตในการติดต่อสื่อสารแทนการพูดคุยหรือโทรศัพท์หากัน คิดว่าใครหลายคนได้ดูเอ็มวีเพลงนี้จะต้องอมยิ้มกับทีมผลิตเอ็มวี ที่ตั้งใจนำเสนอให้เห็นหลายแง่มุมว่าจริงๆ แล้วคนที่อยู่ตรงหน้านั้นคือของจริง ยังไงอ้อนขอฝากเอ็มวีให้ได้ติดตามกันด้วยนะคะ"
