1. สยามโซน
  2. เพลง
  3. ข่าวสารวงการเพลง

เลดี้ กาก้า สร้างปรากฏการณ์คอนเสิร์ตสุดมันในเมืองไทย

เลดี้ กาก้า สร้างปรากฏการณ์คอนเสิร์ตสุดมันในเมืองไทย

"สเตฟานี โจแอนน์ แองเจลินา เจอร์มาน็อตตา" (Stefani Joanne Angelina Germanotta) หรือที่รู้จักกันดีในนาม "เลดี้ กาก้า" (Lady Gaga) นักร้องป๊อปสาวสุดมั่นมาแรงแห่งยุค ที่จะหยิบจับหรือทำอะไรก็เรียกเสียงฮือฮาได้ทุกครั้ง ไม่ใช่เฉพาะแค่งานเพลง มิวสิกวิดีโอ หรือการแสดงคอนเสิร์ตเท่านั้น แต่เรื่องการแต่งกาย การแต่งหน้า ทรงผมรวมไปถึงชีวิตส่วนตัวก็เป็นที่น่าจับตามองไม่แพ้กัน ด้วยจุดยืนของตัวเองที่กล้าจะแปลกและแตกต่างไม่เหมือนใคร เลดี้ กาก้า ถือได้ว่าเป็นนักร้อง นักดนตรี และนักแต่งเพลงมากความสามารถที่ประสบความสำเร็จภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว พิสูจน์ได้จากผลงานทั้ง 3 อัลบั้ม "The Fame" "The Fame Monster" และ "Born This way"

และแล้วเวลาที่เหล่า ลิตเติล มอนสเตอร์ ซึ่งเป็นชื่อเรียกแฟนเพลง เลดี้ กาก้า ต่างรอคอยก็มาถึงกับการแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก "The Born This Way Ball Live in Bangkok 2012" ที่ เลดี้ กาก้า ขนการแสดงชุดใหญ่ทั้งแสง สี เสียง และเอฟเฟกต์ตระการตามาระเบิดความมันให้กับแฟนๆ ในไทยเมื่อค่ำคืนของวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก โดยงานนี้สาวก เลดี้ กาก้า ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติก็แห่ไปชมกันอย่างล้นหลาม ซึ่งสีสันของคอนเสิร์ตคงหนีไม้พ้นเรื่องการแต่งตัวของแฟนคลับที่ต่างก็แต่งมาประชันกันแบบชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร

เริ่มต้นอุ่นเครื่องกันเบาๆ ด้วยเสียงเพลงจังหวะสนุกๆ จากการเปิดแผ่นของดีเจ และเสียงกรี๊ดก็ค่อยๆ ดังกระหึ่มขึ้นพร้อมๆ กับม่านสีขาวเปิดฉากให้เห็นตัวปราสาทขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่ง เลดี้ กาก้า ก็ปรากฏตัวอย่างสง่างามในชุดเกราะสีดำอยู่บนหลังม้าพร้อมด้วยเหล่ากองทัพทหารในเพลง "Highway Unicorn (Road To Love)" ต่อด้วยเพลง "Government Hooker" ก่อนจะสร้างความประหลาดใจให้กับแฟนๆ เมื่อฉากด้านหน้าปราสาทแยกออกจากกันกลายเป็นฉากคนท้องกำลังจะคลอดลูก ซึ่ง เลดี้ กาก้า ไปยืนอยู่บนฉากจำลองที่สื่อให้เห็นถึงการถือกำเนิดของนักร้องสาวโดยมาพร้อมกับเพลง "Born This Way"

จากนั้น เลดี้ กาก้า ก็เปลี่ยนชุดออกมาเป็นชุดสีขาวพร้อมกับเพลง "Bloody Mary" ที่มีความพิเศษด้วยระบบไฮโดรลิกที่สามารถเคลื่อนที่ไปได้รอบๆ เวที แล้วเหล่าแฟนคลับต่างก็ส่งเสียงเฮลั่นเมื่อทำนองเพลง "Bad Romance" ดังขึ้น โดยนักร้องสาวก็มาชวนให้ทุกคนลุกขึ้นมาเต้นในท่ากรงเล็บที่เป็นเอกลักษณ์ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งหลังจากจบเพลงก็ได้รับเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือจากทั่วทั้งสนามอย่างยาวนาน แล้ว เลดี้ กาก้า ก็ขอพักทักทายเหล่า ลิตเติล มอนสเตอร์ พร้อมต้อนทุกคนเข้าสู่คอนเสิร์ต ที่มีทีเด็ดด้วยทักทายเป็นภาษาไทยว่า "สวัสดีค่ะ" พร้อมยกมือไหว้ ทำเอาแฟนคลับประทับใจไปตามๆ กัน

พอทักทายกันหอมปากหอมคอก็ไปสนุกกันต่อกับเพลง "Judas" ที่มีการแสดงให้เข้ากับเพลง เมื่อ เลดี้ กาก้า ถูกเหล่านักเต้นจับตัวนำไปมัดกับเสาบนหอคอยของปราสาท ก่อนจะสลัดพันธนาการแล้วหายกลับเข้าไปหลังเวที กลับมาในชุดนกกระเรียนสีขาวกับเพลง "Fashion of His Love" แล้วพาแฟนๆ ไปพบกับ "Just Dance" เพลงแรกที่เปลี่ยนชีวิตให้ทุกคนได้รู้จักสาวคนนี้ในฐานะนักร้อง มันกันต่อเนื่องด้วยเพลง "Love Game" ที่มาพร้อมกับชุดหนังรัดรูปสีดำ ก่อนจะโปรยคำหวานบอกรักแถมยังพูดว่าคอนเสิร์ตในครั้งนี้เจ้าตัวได้เตรียมการมาเป็นพิเศษเพื่อแฟนๆ ที่เมืองไทยโดยเฉพาะอีกด้วย

มาต่อกันที่เพลง "Telephone" ที่ทุกคนต่างเต้นกันอย่างเมามัน แล้วตามมาด้วยเพลง "Heavy Metal Lover" ที่ เลดี้ กาก้า นอนร้องเพลงพาดมาบนตัวรถมอเตอร์ไซค์ลักษณะแบบเดียวกับบนหน้าปกอัลบั้มชุด Born This Way ซึ่งด้านท้ายของมอเตอร์ไซค์ก็ได้มีการประดับธงชาติเอาไว้ด้วยตามธรรมเนียมการไปทัวร์คอนเสิร์ตในแต่ละประเทศ ต่อความสนุกทันทีกับ "Bad Kids"

แล้วก็ขอทิ้งช่วงพูดคุยเล็กน้อย ซึ่งเจ้าตัวก็หันไปเห็นแฟนคลับคนหนึ่งที่สวมชฎามาในคอนเสิร์ต ก่อนจะขอยืมมาสวมบ้างเนื่องจากชื่นชอบในความสวยของชฎาและยังจำแฟนคลับคนนี้ได้ เพราะเห็นตอนที่ไปรับที่สนามบิน พอเจ้าตัวสวมเสร็จก็ได้ยกมือไหว้ ซึ่งในระหว่างที่กำลังเล่นเปียโนพร้อมกับร้องเพลง "Hair" อยู่นั้น เจ้าตัวก็ได้พูดพร้อมกับหลั่งน้ำตาไปด้วย เมื่อได้แสดงความรู้สึกที่มีต่อประเทศไทยว่านอกจากจะเป็นเมืองที่สวยแล้ว ผู้คนก็เป็นมิตร มีวัฒนธรรมที่หลากหลายแต่ก็ลงตัว

เลดี้ กาก้า ยังพูดถึงการไปชม คาลิปโซ่ คาบาเร่ต์ การแสดงของสาวประเภทสองว่าเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมมาก พร้อมกับขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ต้อนรับว่าก่อนหน้าที่จะเดินทางมาแสดงที่เมืองไทย มีหลายๆ ประเทศต่อต้านไม่อยากให้มีการแสดงคอนเสิร์ต แต่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลายๆ ประเทศที่ให้การต้อนรับ ต้องขอบคุณแฟนเพลงที่อยู่ที่นี่เกือบๆ หกหมื่นคนที่เชื่อมั่นและมาชมคอนเสิร์ตในครั้งนี้

จากนั้นเปลี่ยนบรรยากาศมาสนุกสนานกันต่อกับการชวนให้ทุกคนปรบมือไปพร้อมๆ กับเพลง "You and I" ก่อนจะเพิ่มจังหวะมันๆ ด้วย "Electric Chapel" ที่หยิบกีตาร์มาเล่นด้วยตัวเอง แล้ว เลดี้ กาก้า ก็เปลี่ยนชุดกลายเป็นชุดลายเนื้อวัวเกาะอกกระโปรงสั้นควงปืนออกมาพร้อมกับเพลง "Americano" ก่อนจะสลัดกระโปรงตัวนอกออกแล้วมันกันอย่างต่อเนื่องกับเพลง "Poker Face" ซึ่งในตอนท้ายของเพลงเหล่านักเต้นได้จับ เลดี้ กาก้า ลงไปในเครื่องบดจำลองขนาดยักษ์ก่อนเจ้าตัวจะหายไปแล้วกลับมาใหม่บนโซฟาในเพลง "Alejandro"

แล้วมาต่อกันที่เพลง "Paparazzi" ที่ปล่อยให้ภาพกราฟฟิกรูปหน้าผู้หญิงออกมาร้องเพลงในช่วงแรก ก่อนที่ เลดี้ กาก้า ตัวจริงจะถือปืนออกมาร้องต่อ ซึ่งในตอนท้ายของเพลงก็ได้มีการยิงปืนไปที่ภาพกราฟฟิกรูปหน้า ก่อนที่ภาพกราฟฟิกจะหายไปพร้อมกับใบหน้าที่อาบไปด้วยเลือด จากนั้นก็ไปสนุกกันต่อกับเพลง "Scheibe" ตามมาติดๆ ด้วยเพลง "Black Jesus + Amen Fashion" ก่อน เลดี้ กาก้า จะโบกมือลาและกล่าวกับแฟนๆ ว่า ราตรีสวัสดิ์ เป็นการส่งท้าย

พอแสงไฟบนเวทีดับลง แต่เหล่าแฟนเพลงก็ยังปักหลักอยู่กับที่ ยังไม่ไปไหนต่างตะโกนเรียก เลดี้ กาก้า อย่างต่อเนื่อง ก่อนเจ้าตัวจะปรากฏกายอีกครั้งบริเวณด้านบนของปราสาทกับเพลง "The Edge of Glory" ท่ามกลางเสียงกรี๊ดและโห่ร้องต้อนรับ ก่อนจะกล่าวขอบคุณแฟนๆ ในเมืองไทยทุกคนที่มาร่วมสร้างความทรงจำดีๆ ในคอนเสิร์ต พร้อมปิดฉากคอนเสิร์ตแบบประทับใจเหล่า ลิตเติล มอนสเตอร์ ไปด้วยเพลง "Marry The Night"

* ส่วนหนึ่งของภาพข่าวได้รับจากทางผู้จัดงาน ซึ่งอาจไม่ตรงกับคอนเสิร์ตในประเทศไทย และบางส่วนเป็นภาพจากการจับหน้าจอของคลิปในยูทูบ

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9

ความคิดเห็น

อัลบัมที่เกี่ยวข้อง