เปิดบ้านสองหนุ่มพี่น้องนักดนตรี เบียร์-บี วง รัน แรน รัน
ปล่อยเพลง "สวีทฮาร์ท" (Sweetheart) ออกมาให้ได้ฟัง เพื่อพิสูจน์ความสามารถทางดนตรีที่สั่งสมกันมานาน และแนะนำตัวให้ได้รู้จักในฐานะวงร็อกน้องใหม่กันไปแล้ว สำหรับ 5 หนุ่ม "รัน แรน รัน" (Run Ran Run) ที่ประกอบด้วย "เบียร์ - สุขวิทย์ เต็งแย้ม" (ร้องนำ / กีตาร์) "หนึ่ง - เฉลิมรัตน์ พฤกษาจันทนา" (กีตาร์) "เทสต์ - วรรษธร ไกเยอร์" (เบส) "วิน - วรุตม์ อ่อนอุ่นจิตร" (คีย์บอร์ด) และ "บี - ไวภพ เต็งแย้ม" (กลอง) คราวนี้คู่พี่น้อง เบียร์ และ บี พร้อมเพื่อนๆ ในวง รัน แรน รัน ก็ได้พาไปเยี่ยมเยียนบ้านย่านลาดปลาเค้า ที่นอกจากจะเป็นที่อยู่อาศัยของ เบียร์ และ บี แล้ว ยังเป็นที่รวมเพื่อนๆ ในการซ้อมดนตรีอีกด้วย
นักดนตรีคู่นี้จัดได้ว่าพี่น้องสุดซี้ทั้งสนใจและเล่นดนตรีในระยะเวลาที่ไล่เลี่ยกัน ขนาดเรียนก็ยังเรียนที่เดียวกันมาตั้งแต่เด็กจนจบมหาวิทยาลัย ซึ่งเลือกเรียนและจบจากคณะดุริยางคศาสตร์ สาขาวิชาดนตรีเชิงพาณิชย์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มาเหมือนกัน แถมเล่นดนตรีก็อยู่วงเดียวกัน เรียกได้ว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา โดยทั้ง เบียร์ และ บี เล่าถึงบ้านหลังปัจจุบันที่ย้ายเข้ามาอยู่ได้เกือบ 3 ปี เนื่องจากเป็นครอบครัวที่ย้ายบ้านบ่อยให้ฟังว่า
บ้านหลังนี้อยู่มาได้กี่ปี
เบียร์ "จริงๆ เพิ่งมาอยู่ได้ประมาณ 2 ปีเกือบ 3 ปีครับ เพราะว่าเพิ่งย้ายมา ย้ายทำไมก็ไม่รู้ เพราะว่าหลังเก่าก็อยู่ซอยถัดไปแค่นี้เอง ครอบครัวผมจะย้ายบ้านบ่อยมาก ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน"
บี "ใช่ครับ ไม่เข้าใจเหมือนกัน"
เบียร์ "อาจจะเป็นเพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ทำธุรกิจ เดินทางบ่อย ก็เลยมีการย้ายบ้านบ่อย แรกๆ ก็ไม่ค่อยชิน พอหลังๆ ย้ายบ่อยๆ ก็ชิน เฉยๆ"
ที่ย้ายมาตรงนี้เพราะการเดินทางสะดวกกว่าหรือเปล่า
เบียร์ "ที่ตอนแรกสะดวกกว่าครับ แต่ตรงนี้สงบกว่า ตอนแรกจะอยู่ติดถนนใหญ่แถวๆ ซอยเสือใหญ่ครับ แล้วก็ย้ายมาอยู่ตรงนี้"
ย้ายบ้านกันกี่ครั้งแล้ว
เบียร์ "โอ้โห เดี๋ยวนึกก่อน 6 ครั้งแล้วครับ"
ชอบบ้านหลังไหนมากกว่ากัน
เบียร์ "จริงๆ แต่ละที่ก็จะมีเสน่ห์ไม่เหมือนกันนะครับ ถ้าที่เก่าตรงเสือใหญ่ก็คือจะเดินทางง่าย สะดวกมากๆ แต่ก็อาจจะวุ่นวายหน่อย ถ้าตรงนี้ก็จะธรรมชาติ"
บี "ดีหมดครับ แต่ว่ามีข้อดีข้อเสียคนละอย่างกัน"
กิจกรรมยามว่างเวลาอยู่บ้าน
เบียร์ "ส่วนใหญ่ผมดูหนัง แล้วก็เล่นอินเตอร์เน็ต ฟังเพลง อ่านหนังสือบ้างนิดหน่อย"
บี "ก็เหมือนกันครับ เล่นอินเตอร์เน็ต เล่นเกมครับ"
เบียร์ "บีจะชอบเล่นเกมครับ ติดเกมมากเลยครับ"
กิจกรรมที่ทำร่วมกับครอบครัวบ่อยๆ
เบียร์ "ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไปทานข้าว เพราะว่าตอนช่วงหลังๆ คุณพ่อคุณแม่จะกลับมาเดือนนึงครั้ง 2 ครั้ง เพราะว่าเขาดูแลกิจการอยู่ต่างจังหวัด ถ้าเจอกันก็จะเป็นช่วงเวลาที่ไปทานข้าวกันมากกว่า"
ทั้งคู่อายุห่างกันกี่ปี
เบียร์ "2 ปีครับ"
วีรกรรมซนๆ สมัยเด็กๆ
บี "เด็กผู้ชายก็ต้องเล่นต่อสู้ ก็อาจจะเลือดตกยางออกกันไปบ้างตามประสา คือจริงๆ ถ้ารุนแรงเนี่ย เราก็เล่นกัน แต่ไม่เชิงว่าเราเจ็บตัวกันเอง จะเป็นคนอื่นเจ็บตัวมากกว่าครับ"
เบียร์ "มีบุคคลที่ 3 เจ็บตัว แต่ว่าเราก็จะสนุกมากจนลืมนึกไปว่าเขาก็เจ็บเป็นนะ"
ลักษณะนิสัยของแต่ละคน
เบียร์ "บีก็จะเงียบๆ ไม่ค่อยพูดเท่าไร แต่เวลาพูดทีก็จะฮากัน เขาเป็นคนเงียบๆ ครับ"
บี "พี่เบียร์เป็นคนร่าเริงตามสถานการณ์ ไม่ตลกเกินไปหรือว่าไม่ซีเรียสเกินไปครับ"
ความสนิทสนม
เบียร์ "ก็สนิทนะครับ เพราะอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาเลย เรียนที่เดียวกันตลอดอีก เล่นดนตรีก็อยู่วงเดียวกันอีก"
เป็นต้นแบบทำให้ บี ชอบเล่นดนตรีด้วยหรือเปล่า
เบียร์ "โดนบังคับด้วยซ้ำไปในช่วงแรกๆ บีเขาจะชอบเล่นกีฬา ชอบเตะฟุตบอล พอเราเล่นดนตรี เล่นคนเดียวไม่สนุก อยากเล่นเป็นวงก็เลยยุให้น้องเล่นดนตรีด้วย"
เริ่มเล่นดนตรีกันตั้งแต่เมื่อไร
เบียร์ "ของผมเริ่มเล่นคนเดียวก็น่าจะประมาณ ม.1 ขึ้น ม.2 เริ่มเล่นจริงจังแล้ว"
บี "ใกล้ๆ กันครับ"
เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่เริ่มเล่น
เบียร์ "ตอนแรกผมเล่นอิเล็กโทนครับ เหมือนเด็กๆ ทั่วไปที่แม่ส่งให้ไปเรียน พอไปเรียนปุ๊บเราก็ไม่ได้ชอบ พอเสร็จแล้วเราก็เลิกเล่นไป ก็พอมีความรู้พื้นฐานบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่พอโตมาปุ๊บก็เห็นวงร็อก อยากเป็นแบบนี้มั่ง เราก็เลยเริ่มอยากจะตีกลอง แต่ก็ไม่ซื้อให้เพราะบอกว่ากลองซื้อมาเป็นชุดก็เอามากองทั้งชุด อิเล็กโทนยังกองอยู่เลย ผมก็วางแผนเลย ซื้ออะไรที่ถูกกว่านั้น ซื้อกีตาร์โปร่งมา แล้วค่อยมาบิวต์ให้น้องตีกลองอีกที"
บี "ตอนแรกก็อยากเล่นด้วย ผมว่าเด็กผู้ชายทุกคนส่วนใหญ่เวลาเห็นเครื่องดนตรี ชิ้นแรกที่อยากจะเล่นก็น่าจะเป็นกลองมากกว่า เห็นแล้วอยากจะตี อยากเล่น แต่พอได้มาแล้ว พอหลังจากเลิกเห่อก็เบื่อแล้วก็ไม่อยากเล่น ก็เลยอาจจะต้องบังคับหน่อย จนตอนหลังพอได้มาเล่นเป็นวงจริงๆ ที่ครบเลย รู้สึกว่าสนุกดี ก็เลยชอบตั้งแต่ตอนนั้น"
เริ่มเล่นเป็นวง
เบียร์ "ฟอร์มวงเนี่ยจะมาเป็นตอนมัธยม ประมาณ ม.3 เริ่มอยากมีวงก็ชวนเพื่อนๆ มาเล่นกัน แต่ว่าคนก็จะเข้าๆ ออกๆ ตลอด จนมาอยู่หอวังก็มาเจอคุณหนึ่ง (มือกีตาร์) มาเป็นเรื่องเป็นราวอีกทีตอนประกวดฮอตเวฟตอน ม.6 ครับ"
ส่วนไหนของบ้านที่เป็นคนออกแบบเอง
บี "ผ้าปูที่นอนครับ"
เบียร์ "ก็มีหลายส่วนครับ ผ้าปูจะชัดเจนมาก ใครมาก็ทัก จริงๆ ตอนแรกเป็นผ้าปูที่นอนสีแดงครับ แล้วทีนี้ผมไปเจอผืนนี้ ผมก็จับผ้าดู ผ้าก็เย็นๆ ดี เราก็เลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับสีแดง น่าจะตัดกันดีก็เลยซื้อมา น่าจะเป็นที่ทอล์กออฟเดอะทาวน์ จริงๆ บ้านเก่าห้องผมจะเป็นสีเขียวมากเลย ทีนี้พอเราย้ายบ้านเราก็เบื่อ เราก็อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศ ก็เลยคิดธีมสีเป็นสีแดง"
บี "จริงๆ บ้านหลังนี้จะคล้ายๆ กันหมดเลยครับ สีจะเป็นโทนเดียวกัน แต่ถ้าเป็นหลังเก่าคือคุณแม่ผมเขาจะเป็นคนชอบสีฉูดฉาด"
เบียร์ "ห้องนี้เป็นสีแดง เพราะว่าแม่ผมเขาเลือกม่านสีชมพู ผมก็เลยคิดว่าแล้วผ้าปูที่นอนจะสีอะไร"
บี "ตอนที่ให้เขามาติดม่าน คุณแม่เขาชอบสีอย่างเงี้ย แล้วเขาติดทีคือติดทั้งบ้านเลย ทุกห้องต้องเป็นอย่างนี้หมดครับ"
เพื่อนๆ มาซ้อมดนตรีกันบ่อยแค่ไหน
เบียร์ "จะมาซ้อมเวลาคุณแม่ไม่อยู่ (หัวเราะ) เพราะเล่นกันเสียงดังมาก ถ้าคุณแม่อยู่ก็ไปซ้อมข้างนอกกัน หลังเก่าจะมีชั้นใต้ดินครับ จะซ้อมกันข้างล่างกัน"
บ้านในนิยามของทั้งคู่
เบียร์ "สำหรับผมน่าจะเป็นที่ชาร์ตแบต เพราะว่าเวลาเราทำงานเหนื่อยๆ หรือทำอะไรมา กลับมาที่บ้านก็จะมีที่ที่เราได้รีแลกซ์ รู้สึกเหมือนเติมพลังพร้อมที่จะออกไปข้างนอกครับ"
บี "ของผมน่าจะความหมายตรงตัวนะ ทุกคนน่าจะเข้าใจคำว่าบ้านดี ผมว่ามันเป็นทุกอย่างของชีวิตเลย คือเวลาไปนอนที่อื่น นอนบ้านเพื่อน ตื่นมาเหมือนรู้สึกแปลกๆ เหมือนการเริ่มชีวิตวันนี้เปลี่ยนไป เพราะว่าไม่ใช่ที่ที่เราคุ้นเคย ผมย้ายบ้านบ่อย ผมจะมีความรู้สึกอย่างนี้บ่อย เพราะว่ากว่าเราจะเข้าที่เข้าทางในเรื่องการเดินทางหรือว่าอะไรอย่างนี้ครับ"
ฝากถึงผลงาน
เบียร์ "ก็ฝากเพลง สวีทฮาร์ท นะครับ ของ รัน แรน รัน แล้วกันนะครับ เข้าไปชมในยูทูบก็ได้มีเอ็มวีแล้วด้วยนะครับ"