เคลเล เอาใจสาวกแฟนเพลง เยือนไทยเปิดคอนเสิร์ตสุดมัน
"เคลเล โอแคร์อาเค" (Kele Okereke) นักร้องหนุ่มผิวสี นักร้องนำวง "บล็อก ปาร์ตี้" (Bloc Party) หลังจากสมาชิกภายในวงมีความคิดเห็นพ้องกันว่าจะประกาศพักทำงานเพลง แยกย้ายกันไปทำงานตามที่แต่ละคนชอบ โดย เคลเล ใช้เวลาไปกับการฝึกชกมวย ฝึกฝนตัวเองทางด้านดนตรี ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีตาร์ การใช้เครื่องทำเสียงสังเคราะห์ ฝึกกำหนดจังหวะกลอง พอทิ้งช่วงห่างไปได้ 1 ปี เคลเล กลับมาพร้อมกับผลงานอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก "The Boxer"
คราวนี้ก็ถือว่าเป็นโชคดีของแฟนเพลง เคลเล ในประเทศไทย ที่มีโอกาสได้สนุกสนานกันในคอนเสิร์ต "Kele of Bloc Party Live in Bangkok 2011" ณ เซ็นเตอร์พ้อยท์ สตูดิโอ สุขุมวิท 105 เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา แม้ว่าบรรยากาศในงานในช่วงหัวค่ำผู้คนจะบางตาไปนิด แต่ในช่วงดึกๆ เหล่าแฟนๆ ของนักร้องหนุ่มก็ทยอยตามมาสมทบกันแน่นสตูดิโอ
ก่อนที่จะไปพบกับ เคลเล มาเริ่มอุ่นเครื่องกับหนุ่มๆ วง "เราระบาย" (Lullaby) ที่พอมาถึงก็ชวนทุกคนไปสนุกกับเพลงที่พวกเขาขนมาฝากเหล่าแฟนๆ อาทิ "เธอจะไปด้วยกันไหม" "Thermodynamics" "ดาหลา" ต่อด้วย "แทนความห่วงใย" ที่หยิบเอาเพลงของศิลปินร็อกรุ่นใหญ่วง ดิ โอฬาร โปรเจ็คต์ มาร้องให้ได้ฟังกัน และที่จะขาดไปไม่ได้เลยกับเพลงที่กำลังติดหูอยู่ในขณะนี้กับเพลง "ยินดี" ก่อนจะส่งท้ายด้วย "Wink"
จากนั้นมาเพิ่มระดับความมันไปอีกขั้นกับคู่หูทางดนตรี 2 หนุ่ม "สควีซ แอนนิมอล" (Sqweez Animal) ที่หนุ่ม "วิน ศิริวงศ์" (ร้องนำ) และ "สิงห์ - ประชาธิป มุสิกพงศ์" (กีตาร์) นำเอาเพลงทั้งจากอัลบั้มใหม่และอัลบั้มเก่ามาสร้างสีสันให้งานอย่างเต็มที่ เริ่มด้วยเพลง "ฟังสิ" ตามมาด้วย "พรุ่งนี้ที่ดีกว่า" "ครึ่งสายตา" สลับมาที่เพลงช้าซึ้งๆ กับ "คำบางคำ" ต่อด้วย "ย้ำ" ที่เปลี่ยนมาฟังเสียงของ วิน มาเป็นหนุ่ม สิงห์ ทำหน้าที่ร้องกันบ้าง แล้วตามมาด้วยเพลง "รักไม่หลอก" และ "รักเรา"
และแล้วเวลาที่แฟนเพลงรอคอยก็มาถึง เมื่อหนุ่ม เคลเล ออกมาปรากฏตัวปล่อยความสนุกแบบสุดๆ หอบเอาเพลงจากทั้งอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองและเพลงจากวง บล็อก ปาร์ตี้ ที่ทำให้ใครหลายๆ คนได้รู้จักเขามาให้เหล่าแฟนๆ ได้โดดและโยกตัวกันไม่หยุด เริ่มต้นด้วยเพลง "Walk Tall" พร้อมทั้งกล่าวทักทายแฟนๆ เป็นภาษาไทยว่า "สวัสดีครับ"
จากนั้นก็ชวนทุกคนไปมันกันต่อกับหลากหลายบทเพลง อาทิ "Everything You Wanted" รวมถึง เมดเลย์ของวง บล็อก ปาร์ตี้ อย่าง "Blue Light" "The Prayer" "One More Chance" และเพลง "Rise" "This Modern Love" "What Did I Do" ก่อนจะมาส่งท้ายร่ำลาความคึกคักไปพร้อมกับแฟนๆ ด้วยเพลง "Tenderoni"
