ฟาร์ อีสต์ มูฟเมนต์ ได้ฤกษ์มาเยือนเมืองไทยเป็นครั้งแรก

"ฟาร์ อีสต์ มูฟเมนต์" (Far East Movement) เจ้าของเพลงดังทั่วโลก "Like A G6" และซิงเกิลที่ 2 ที่กำลังไต่ระดับขึ้นบนคลื่นวิทยุในประเทศไทยอย่าง "Rocketeer" หลังจากที่ได้ไปเล่นคอนเสิร์ตในหลายๆ ประเทศในแถบเอเชีย ในที่สุดพวกเขาก็ได้มาประเทศไทย เพื่อเปิดคอนเสิร์ตสุดมัน "PD Showtime Presents Far East Movement : Fly Like A G6 Party" ในวันจันทร์ที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา

ฟาร์ อีสต์ มูฟเมนต์ ประกอบไปด้วยสมาชิกเชื้อสายเอเชีย 4 คน ได้แก่ "เคฟ นิช" (Kev Nish) ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนกับญี่ปุ่น ดีเจ "เวอร์แมน" (Virman) หนุ่มฟิลิปปินส์ รวมถึง "โพรห์เกรส" (Prohgress) และ "เจ สปลิฟ" (J-Splif) ชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลี ทั้ง 4 คนมารวมตัวกันได้เนื่องจากชอบและสนใจในดนตรีเหมือนกัน ซึ่งก่อนที่แฟนเพลงชาวไทยจะได้ไปสนุกกับคอนเสิร์ตที่พวกเขาเตรียมมาให้นั้น ทั้ง 4 คนก็ได้เปิดให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกในการมาเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก

ทักทายกันก่อน

เคฟ นิช "สวัสดีครับ (ภาษาไทย)"

เจ สปลิฟ "สวัสดีครับ (ภาษาไทย)"

โพรห์เกรส "สวัสดีครับ (ภาษาไทย)"

เวอร์แมน "สวัสดีครับ (ภาษาไทย)"

มาเมืองไทยครั้งแรกเลยเป็นอย่างไรบ้าง

เคฟ นิช "ผมรู้สึกดีมากเลย และรู้สึกเป็นประสบการณ์ที่ดีที่จะได้มาพบกับเมืองสวยๆ เมืองนี้"

รู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้มาเมืองไทย

เคฟ นิช "ครั้งแรกเลยที่ได้มาประเทศไทย แต่ว่าก่อนหน้านี้ผมเคยได้ยินมาแล้วทั้งกับเพื่อนๆ กับพี่น้อง กับคนรอบข้างว่าประเทศไทยนี้สวยมาก ผมมาในคราวนี้ก็รู้สึกดี และก็ตื่นเต้นที่จะได้มีประสบการณ์สัมผัสกับวัฒนธรรมดีๆ แบบนี้"

ทำไมต้องเป็น ฟาร์ อิสต์ มูฟเมนต์

เคฟ นิช "หลายๆ คนอาจจะคิดว่า ฟาร์ อีสต์ มาจากเชื้อชาติของพวกเราหรือเปล่า เพราะพวกเราเป็น 4 หนุ่มเอเชีย แต่ไม่ใช่เลย ก่อนหน้านี้พวกเราเริ่มทำเพลงกันก่อน ทำเพลงที่แอลเอ อยู่ที่ใต้ถุนบ้านของพวกเรา และเพลงที่พวกเราทำก็จะเป็นเพลงที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ เกี่ยวกับคนที่มีหลากหลายเชื้อชาติหลากหลายสไตล์อยู่รวมกัน เป็นเพลงที่ชื่อ ฟาร์ อีสต์ มูฟเมนต์ ก็เลยมาเป็นชื่อวงพวกเรา แต่เพลงนั้นพวกเราทิ้งไปแล้ว ไม่อยู่แล้วไม่มีใครจะได้ฟังเพลงนั้นแล้ว แต่ว่าตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จมากมายกับเพลงในปัจจุบัน"

ที่มาของอัลบั้มใหม่ Free Wired มาอย่างไร

เคฟ นิช สำหรับ "Free Wired ก็คือมาจากการไม่มีขอบเขตนั่นเอง เพราะเพลงของพวกเรา แรงบันดาลใจสิ่งต่างๆ ที่สร้างสรรค์ขึ้นจะเป็นสิ่งที่ไม่มีขอบเขต ไม่มีกำหนดใดๆ ว่าจะต้องเป็นแบบไหน แค่เอาความรู้สึกของพวกเราที่ต้องการที่จะสร้างเพลงที่สนุก เพราะเมื่อตอนที่พวกเราเซ็นสัญญากับทางเชอร์รีทรี หัวหน้าก็บอกว่าเขาเซ็นเพราะทั้ง 4 คนนี้สร้างเพลงที่ทำให้เขาอยากไปงานปาร์ตี้ สร้างเสียงสนุกๆ ใหม่ๆ สร้างทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ชอบฟังเพลง อันนี้ก็จะเป็นข้อที่พวกเราคิดถ้าอยากจะทำอัลบั้มแรก พวกเราก็ต้องการที่จะทำเพลงไม่ซ้ำ แตกต่างและก็สร้างความแปลกใหม่"

รู้สึกอย่างไรบ้างที่ Like A G6 ขึ้นอันดับหนึ่งในหลายประเทศ

เจ สปลิฟ "ตอนที่พวกเรารู้ว่าเพลงของเราได้อันดับหนึ่ง เรารู้สึกดีมาก ตอนนั้นเราทัวร์อยู่ที่แคนาดา เปิดห้องโรงแรมมาเจอแชมเปญอยู่ 2 ขวด ก็โห ได้เป็นอันดับหนึ่งหรือเนี่ยเราก็รู้สึกดีใจและก็ตื่นเต้นมาก อยากจะฉลองและบอกข่าวดีนั้นกับคนที่พิเศษที่สุด ซึ่งคนที่พิเศษที่สุดของเราทำให้เราขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งได้ในทุกวันนี้ก็คือแฟนเพลงนั่นเอง"

มารวมตัวเป็น ฟาร์อีสต์ มูฟเมนต์ ได้อย่างไร

เคฟ นิช "พวกเราร่วมทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ รู้จักกันตั้งแต่เด็กก็จะเริ่มครีเอต มีวิธีการเรียนรู้ในการทำเพลง และเราก็จะมีหน้าที่แตกต่างกัน อย่างผมก็จะมีหน้าที่ร้องนำและก็เข้าอินเตอร์เน็ตหาข้อมูลต่างๆ ถัดมาคือโพรห์เกรส จะมีหน้าที่ในการคิดว่าจะทำซีดียังไง รูปแผ่นหน้าตาซีดีเป็นยังไงบ้าง ถัดมา เจ สปลิฟ จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการวงว่าจะนำวงไปเล่นที่ไหน ติดต่อตลอดเวลา โทรศัพท์ตลอดเวลาเลย เรียกว่ามีแววความเป็นนักธุรกิจตั้งแต่เด็กๆ เลย และถัดมาเป็นดีเจของวง ก็จะดูเรื่องเสียง เรื่องเพลง ว่าจะมีการเปิดเพลงแนวไหนบ้าง และพวกเราก็รวมตัวกันจนประสบความสำเร็จได้เซ็นสัญญา และที่สุดก็คือการได้เป็นอันดับหนึ่งบนบิลบอร์ดชาร์ต"

รู้สึกอย่างไรเมื่อไปที่ไหนจะได้ยินเพลงของตัวเองตลอด

เจ สปลิฟ "ก็รู้สึกดีมาก และรู้สึกมีความสุขมากเวลาที่ได้ยินเพลงของเราหรือว่าเห็นมิวสิกวิดีโอของเรา ตอนแรกเราเริ่มต้นวงเรามาจากลอสแอนเจลิส มาจากกลุ่มเล็กๆ เราก็คิดว่าคงจะมีวันหนึ่งที่เราจะนำเพลงเพราะๆ สนุกๆ มาให้ทุกคนได้ฟังกัน หลังจากนั้นกลุ่มของเราก็ขยายขึ้น และไม่ใช่แค่ในอเมริกาเท่านั้น วันนี้เราบินมาอีกซีกโลกหนึ่งเลย"

เคฟ นิช คุณไม่ได้นอนมานานแค่ไหนแล้ว

เคฟ นิช "ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ไม่ได้นอน ทั้ง 4 คนก็ทำงานหนักพอๆ กัน เพราะฉะนั้นจะมาบอกว่าผมไม่ได้นอนคนเดียวไม่ได้ ทุกคนก็จะเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแรงผลักดันเพื่อนร่วมทีมให้ร่วมทำงานเพลงดีๆ ออกมาให้ผู้ฟังเสมอๆ วันนี้ผมโชคดีนิดหนึ่งผมได้นอนเพราะว่าเครื่องบินมาที่นี่ 20 ชั่วโมง ก็แอบหลับนิดหนึ่ง แต่ถ้าอยู่ที่บ้านผมหรืออยู่ที่นี่มาตลอด ส่วนมากก็ 2-3 วันนอนทีหนึ่ง"

เวอร์แมน ใครเป็นแรงบันดาลใจให้มาเป็นดีเจ

เวอร์แมน "ตอนเด็กๆ ผมก็จะมีดีเจที่ผมชื่นชอบ คือ ดีเจคิวเบิร์ต (Qbert) มิกซ์ มาสเตอร์ ไมก์ (Mix Master Mike) เป็น 2 ดีเจที่ผมชื่นชอบและพอผมดูก็รู้สึกเท่จังเลย ผมก็พยายามที่จะเรียนรู้ บ้าง และก็นำเอาความชอบของผมพัฒนาจนกลายมาเป็นสิ่งที่ผมรักในวันนี้นั่นเอง"

เจ สปลิฟ เพลงที่คุณชื่นชอบมากที่สุดคือเพลงไหน

เจ สปลิฟ "จริงๆ ถ้าจะให้เลือกผมเลือกไม่ได้เลย เพราะผมชอบทุกเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม แต่ถ้าพูดถึงเพลงที่ทำให้ผมได้เซ็นสัญญา เป็นเพลงที่ทำให้ทุกคนรู้จักผม ก็ต้อง Like A G6 เพลงนี้มีที่มาวันหนึ่งผมไปทำงานเปิดแผ่นกันและผมก็พยายามทำเสียงที่มันน่าสนใจน่าตื่นเต้น ทำให้คนที่เต้นอยู่ในห้องอยากจะเต้นมายิ่งขึ้น รู้สึกว่าสนุกสนานคึกคักขึ้น ยิ่งแบบผสมเพลงให้สนุกขึ้นไปใหญ่ อันนี้ก็เป็นที่มาของเพลงนี้นั่นเอง แต่ถ้าจะให้ผมตัดใจเลือกเพลงหนึ่งผมก็ต้องเลือกเพลงนี้เป็นเพลงที่ผมชื่นชอบ"

มีอะไรจะแนะนำเด็กรุ่นใหม่ให้ประสบความสำเร็จบ้าง

โพรห์เกรส "ผมก็เป็นเด็กวัยรุ่น 4 คนที่ทำสิ่งที่ผมรัก ทำสิ่งที่ผมชื่นชอบและก็เชื่อมั่นมาโดยตลอดนั่นก็คือเสียงเพลงนั่นเอง และผมก็อยากจะฝากเด็กๆ ว่าสำหรับใครที่เจอสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบแล้วก็ให้พยายามทำให้ดีที่สุด แล้ววันหนึ่งก็จะมีคนชื่นชอบและมีคนเห็น แน่นอนที่สุดก็จะประสบความสำเร็จด้วย"

แฟนเพลงในเอเชียกับอเมริกาแตกต่างกันอย่างไร

เคฟ นิช "แฟนๆ ทั่วโลกจะเอเชียหรือที่อเมริกาสิ่งที่เหมือนกันคือความรักที่แฟนเพลงของเราให้เรานั่นเอง เรารู้สึกถึงความรักที่ให้เรามา แต่ว่าแต่ละประเทศแต่ละที่ก็อาจจะมีวัฒนธรรมในการสนุกสนานปาร์ตี้แตกต่างกันออกไปบ้าง อย่างเช่นถ้าไปญี่ปุ่นก็อาจจะต้องทำความเข้าใจว่าแฟนๆ จะเงียบนิดหนึ่ง พอเพลงจบก็ปรบมือ แต่ถ้าเป็นแฟนที่อเมริกาเนี่ยก็อาจจะเฮฮาสนุกสนานทั้งเพลงเลย โพรห์เกรสก็อาจจะมีกระโดดลงไปเพื่อที่จะสนุกสนานกับแฟนๆ บ้าง"

รู้สึกอย่างไรที่แฟนๆ ให้การตอบรับเพลง Rocketeer ดีมาก

เคฟ นิช "ผมก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเลย ก็ต้องขอขอบคุณไม่ว่าจะเป็นแฟนเพลงชาวไทยที่ให้การตอบรับเราเป็นอย่างดี และก็ที่สำคัญที่สุดพี่ๆ สื่อมวลชนทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นทางโทรทัศน์ วิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ พี่ๆ ที่เป็นบล็อกเกอร์ วินาทีที่เราทำเพลงเสร็จและก็ไปยืนแจกซีดีอยู่ตามถนน พี่ๆ ทุกคนมีส่วนสำคัญและเป็นแรงผลักดันให้เราประสบความสำเร็จและก็ผ่านมาได้จนถึงทุกวันนี้ ต้องขอบคุณพี่ๆ ทุกคนจากใจของพวกเราทั้ง 4 คนเลย"

พูดถึงบรรยากาศในการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ If I Was You (OMG)

เคฟ นิช "บรรยากาศการถ่ายทำก็สนุกสนานมากเพราะว่า สนูป ด็อกก์ (Snoop Dogg) ก็เป็นศิลปินในดวงใจของพวกเราทั้ง 4 คนอยู่แล้ว และส่วนสถานที่ถ่ายทำก็เป็นบาร์ที่พวกเราชอบไป จะอยู่ข้างล่างที่ที่เราอยู่จริงๆ นอกจากนั้นบาร์นี้ก็เป็นบาร์แบบอินดี้อันเดอร์กราวด์ที่แอลเอ เลดี้ กาก้า (Lady Gaga) ก็จัดงานวันเกิดที่นั่น สิ่งที่เรารู้สึกประทับใจเป็นพิเศษก็คือบรรยากาศในการถ่ายทำที่เราได้ร่วมงานกับศิลปินในดวงใจ ทำงานอยู่ในสถานที่ที่เราคุ้นเคย และก็มีแฟนคลับแฟนเพลงมากมายที่มาร่วมสนุกสนานกับเรา ก็เรียกว่าเป็นมิวสิกวิดีโอหนึ่งที่ประทับใจของเรามากๆ เลย"

มีใครอีกบ้างที่ยังไม่ได้ร่วมงานและอยากจะร่วมงานด้วย

โพรห์เกรส "เราอยากทำงานกับศิลปินที่ดังต่างๆ มากมายเลยอย่าง ลินคิน พาร์ก (Linkin Park) แต่ว่ากลุ่มหนึ่งที่เราอยากจะทำงานด้วยมากๆ เลยก็คือ บีสตี บอยส์ (Beastie Boys) เพราะว่าเราได้มีโอกาสร่วมงานด้วยนิดหนึ่งแล้วในเพลงก่อนหน้านี้ ก็เดี๋ยวจะรอโอกาสร่วมงานกับกลุ่มนี้ต่อไปในอนาคต"

อยากฝากอะไรถึงแฟนเพลงชาวไทย

เคฟ นิช "สุดท้ายก็สำคัญที่สุดเลยคือขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยทุกๆ ท่าน และก็ให้ติดต่อเรามาได้เสมอ เพราะพวกเราแอ็กทีฟมากไม่ว่าจะเป็นทางเว็บไซต์ของเราเอง หรือว่าเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ถึงตอนนี้เราจะมีทีมงานที่ดีมากๆ แต่เราก็ยังเชื่อมั่นอยู่ว่าการติดต่อกับแฟนๆ ของเราด้วยตัวของพวกเราเองจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งเราก็จำได้ว่าตอนที่เราเริ่มงานของเราเนี่ยแฟนเพลงทั้งหมดให้ความสำคัญให้กำลังใจเราขนาดไหนบ้าง เพราะฉะนั้นเราก็ต้องขอขอบคุณแฟนเพลงทุกคนอีกครั้งครับ"