สาวกหูเหล็กรวมตัวมันใน Lamb of God Live in Bangkok
และแล้วผู้ที่ชื่นชอบดนตรีแนวหนักหน่วง ก็ได้พบกับการมาเยือนของวงดนตรีเมทัลคอร์ "แลมบ์ ออฟ ก็อด" (Lamb of God) ที่ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน ได้แก่ นักร้องนำ "แรนดี บลายธ์" (Randy Blythe) มือเบส "จอห์น แคมเบลล์" (John Cambell) มือกลอง "คริส แอดเลอร์" (Chris Adler) มือกีตาร์ "มาร์ก มอร์ตัน" (Mark Morton) และ "วิลลี่ แอดเลอร์" (Willie Adler) กับการแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกในเมืองไทย "Lamb of God Live in Bangkok" ซึ่งมีขึ้นให้ได้มันกันไปเรียบร้อยแล้วเมื่อ 7 เมษายน ที่ผ่านมา ณ หอประชุมมหิศร เอสซีบี ปาร์ค รัชโยธิน
งานนี้พวกเขาทั้งห้าไม่ได้มาเฉยๆ แต่ได้ประทับรอยมือฝากไว้เป็นที่ระลึกไว้ด้วย นอกจากนี้พวกเขายังร่วมกิจกรรมพบปะและแจกลายเซ็นให้กับแฟนๆ ที่ซื้อบัตรแบบวีไอพี รวมถึงร่วมถ่ายภาพกับแฟนเพลงเหล่านี้อีกด้วย
อุ่นเครื่องคอนเสิร์ตกันด้วยวงเมทัลของไทยอย่าง "ดีเซมเบอร์" (Dezember) ที่ขนเพลง "ศรัทธาหรือสัตว์ทา" "ทรราช" "เพชฌฆาตหน้าตัวเมีย" และ "ดอกทอง..แด่เธอ" มาเรียกเหงื่อกันพอหอมปากหอมคอก่อนที่จะไปพบกับ แลมบ์ ออฟ ก็อด แบบเต็มๆ
หลังจากที่ผู้ชมส่งเสียงเรียกพวกเขาเป็นระยะ ท่อนแรกของเพลง "The Passing" ก็ดังขึ้น เมื่อจบเพลง แลมบ์ ออฟ ก็อด ก็ส่งความมันกันต่อด้วยเพลง "In Your Words" และ "Set To Fail" พักเหนื่อยด้วย แรนดี ทักทายแฟนๆ ชาวไทยพร้อมกับบอกว่าคืนนี้เป็นคืนที่ประทับใจมากกับการมาเมืองไทยครั้งแรก
จากนั้นผู้ชมก็ได้กลับมามันกันต่อกับ "Walk With Me In Hell" ที่หลายคนก็ได้ตะโกนท่อนที่มีชื่อเดียวกันกับเพลงออกมาอย่างพร้อมเพรียง ถัดมากับ "Now You've Got Something To Die For" ก็ร้องตามเสียงดังไม่แพ้กัน ตามมาแบบหนักๆ ด้วย "Ruin" "Hourglass" และ "Dead Seeds" ก่อนที่จะหายไปหลังเวที โดยทุกคนต่างพากันตะโกนชื่อของพวกเขา
แลมบ์ ออฟ ก็อด กลับมาพร้อมกับเพลง "Blacken The Cursed Sun" จากนั้นก็กลับเข้าเวทีอีกครั้ง เช่นเดียวกันกับที่แฟนๆ ก็ตะโกนเรียกชื่ออีกครั้ง จากนั้นเสียงกีตาร์จาก มาร์ก และ วิลลี่ ก็ส่งเสียงเป็นสัญญาณว่าพวกเขายังคงอยู่ ก่อนที่จะนำทุกคนไปมันกันต่อกับ "Grace" และ "Broken Hands" หลังจากจบเพลงนี้ แรนดี ได้พูดว่า "ขอบคุณครับ" แบบเสียงดังฟังชัดเป็นภาษาไทยด้วย
แรนดี ยังคงทักทายกับบรรดาผู้ชมที่กำลังมันกันเต็มที่ พร้อมกับส่ง "Laid To Rest" ให้ได้สนุกกันยิ่งขึ้นไปอีก จากนั้นก็กลับมาแบบหนักๆ กันอีกรอบในเพลง "Contractor" ก่อนที่ทั้งหมดจะหายไปหลังเวทีอีกครั้ง แล้วก็เป็นอีกครั้งที่แฟนๆ ตะโกนเรียกชื่อพวกเขาให้กลับมา แล้วก็ไม่ผิดหวัง แลมบ์ ออฟ ก็อด ขึ้นเวทีมาอีกครั้งกับชุดเพลงสุดท้ายก่อนจาก 3 เพลงได้แก่ "Vigil" "Redneck" และ "Black Label" ก่อนที่จะกล่าวลาและขอบคุณทุกคนสำหรับคอนเสิร์ตในวันนี้
ถึงแม้ว่าคอนเสิร์ตในครั้งนี้จะล่าช้าในเรื่องของเวลาอยู่บ้าง แต่ แลมบ์ ออฟ ก็อด ก็เล่นเต็มที่สมกับที่หลายคนรอคอย สังเกตได้จากการมอชชิ่ง (Moshing) ที่ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งไปรอบๆ หรือการเต้นเอาตัวไปกระแทกกันของบรรดาผู้ชมในคอนเสิร์ต ซึ่งเป็นการแสดงออกของการชมคอนเสิร์ตประเภทนี้อยู่แล้วนั้น ก็แทบไม่ต้องสงสัยว่าการมาของพวกเขาในครั้งนี้นั้น คุ้มค่ากับการรอคอยเพียงใด
