Black Jack การกลับมาในมาดใหม่ที่เป็นตัวเองของ แจ็ค
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจทางด้านการเรียนจนคว้าใบปริญญามาครองได้อย่างที่ตั้งใจแล้ว "แจ็ค - จารุพงศ์ กล้วยไม้งาม" หนุ่มหน้าใสอดีตสมาชิกวง "ไนซ์ ทู มีท ยู" (Nice 2 Meet U) ก็ขอมาลุยทำงานเพลงอย่างเต็มที่ พร้อมกับการกลับมาในมาดใหม่แปลกตา อีกด้านหนึ่งที่แสดงตัวตนของ แจ็ค ในตอนนี้ได้ชัดเจนที่สุด กับอัลบั้มเดี่ยวที่ใช้ชื่อว่า "แบล็ก แจ็ค" (Black Jack) โดยปล่อยซิงเกิลแรก "เลิฟ มี อีฟ ยู แคน" (Love Me If You Can) ออกมาให้ฟังกันไปบ้างแล้ว ส่วนของการกลับมาครั้งนี้จะมีอะไรที่แปลกและแตกต่างไปบ้างนั้น ต้องให้หนุ่ม แจ็ค บอกให้ฟังเองดีกว่า
ได้กลับมาทำเพลงอีกครั้งรู้สึกยังไงบ้าง
"รู้สึกดีใจครับ ดีใจที่ได้กลับมาทำงานเพลงที่ตัวเองอยากทำ แล้วดีใจที่ได้ทำด้วยวิธีการที่ตัวเองอยากทำด้วย สไตล์เพลง สไตล์การเต้น สไตล์ทุกอย่างเป็นตัวเรา มาจากไอเดียตัวเอง รวมถึงเป็นคนกลั่นกรองออกมา"
ที่มาของคำว่า แบล็ก แจ็ค
"จากเมื่อก่อนเขาจะชอบเรียกแจ็คกันว่าเจ้าชายๆ แล้วเวลาที่คิดถึงนิยามคำว่าเจ้าชายของแจ็ค จะไม่ใช่เจ้าชายแบบพระเอกเกาหลี สูทขาว รองเท้าขาว กางเกงขาว อย่างนั้นไม่ใช่แจ็ค ถ้าให้จินตนาการถึงสี สีของแจ็คจะเป็นสีเทาๆ ทะมึนๆ ก็เลยคิดกันว่าเป็น พรินซ์ ออฟ ดาร์กเนส ดีไหม เป็นเจ้าชายในด้านมืดๆ เถื่อนนิดนึง ไม่ใช่เจ้าชายรักโรแมนติกอย่างนั้น แต่พอมานั่งคิดดูตัวเราเองก็ไม่ใช่เจ้าชายนะ เราไม่ได้มีลุกส์แบบเจ้าชาย
ก็เลยลองนิยายตัวเองกับทางทีมงาน ทีมโปรโมเตอร์แล้วก็ทุกคนมานั่งคิดกันดูว่าจะนิยามอะไรดี แจ็คก็เลยบอกว่าไหนๆ คอนเซปต์ต้องการพูดถึงอีกด้านนึงที่คนอื่นไม่เคยเห็น ก็ลองคิดดูว่าเป็น แบล็ก แจ็ค เลยแล้วกัน แล้ว แบล็ก แจ็ค เป็นเลข 21 ที่หมายถึงแต้มที่สูงที่สุดของเกม แบล็ก แจ็ค ซึ่ง แจ็ค ใช้แทนความหมายว่าเป็นความพยายามที่สุด"
ส่วนตัว แจ็ค ชอบสีไหน
"แจ็คชอบสีดำ รวมถึงชอบสีสดๆ อย่าง สีแดง เพราะว่าคนเราไม่ได้มีอารมณ์เดียวเสมอ มักมีอารมณ์ที่อยากจัดจ้าน ก็หยิบกางเกงสีแดงมาใส่ วันไหนรู้สึกว่าอยากให้ตัวเองดูขรึมก็เปลี่ยนมาใส่โทนสีดำ สีเทา"
วางแนวคิดของอัลบั้มนี้ไว้ว่ายังไบ้าง
"คอนเซปต์อัลบั้ม โทนสีดนตรีจะเป็นโทนสีดำ เป็นบีตหนัก เนื้อหาเพลงก็จะโตขึ้นกว่าเมื่อก่อนครับ"
แนวดนตรีของเพลง เลิฟ มี อีฟ ยู แคน
"เป็นแนวเพลงที่จำกัดความขึ้นมาว่าเป็นแบล็กมิวสิก ด้วยโทนสไตล์เพลงจะออกแนวสีดำๆ หมดเลย เพราะว่าแจ็คชอบแนวเพลงพวกสไตล์ฮิปฮอป แร็ป ของคนผิวดำ เลยเอาคอนเซปต์ไปคุยกับโปรดิวเซอร์จนตีความออกมาเป็นเพลงที่มีบีตหนักแบบฮิปฮอป รวมถึงมีการใส่ท่อนแร็ป ใส่ความเป็นโมเดิร์นลงไปด้วยการใส่อิเล็กทรอนิกส์ซาวนด์เข้าไป รวมถึงมีการใส่พวกซาวนด์ที่เป็นออเครสตรา เช่น ไวโอลิน เปียโน ลงไป ตามที่แจ็คชอบ เนื้อหาเพลงก็พูดถึงคนที่รักห้ามไม่ฟัง ยังไงก็จะรัก ใครจะมาห้ามจะมาเตือนยังไงก็ไม่ฟัง ขอให้ลองขอให้ทำให้ดีที่สุด"
เพลงนี้มาจากตัวตนของ แจ็ค เลยไหม
"มาจากตัวตน มาจากนิสัยเลยครับ (หัวเราะ) เหมือนทางทีมงาน โปรดิวเซอร์ ด้วยความที่เคยทำงานร่วมกันมาก่อน มีการพูดคุย รู้จักกันมานาน เขาก็จะรู้ว่าแจ็คเป็นคนยังไง เป็นคนอยากลองอยากทำ ทำให้ถึงที่สุด ดื้อ ก็จับคาแรกเตอร์ความดื้อมาเขียน รวมถึงคำต่างๆ ที่แจ็คเคยพูด หรืออะไรเขามองแล้วรู้สึกว่ามันเข้ากัน อย่างเช่น คนมันรักก็ช่วยไม่ได้ รักแล้วห้ามไม่ฟัง ก็เลยเอาคำพวกนี้ที่จับต้องได้มาเขียนเป็นเนื้อเพลงครับ"
มีส่วนร่วมในการทำเพลงตรงไหนบ้าง
"ก็ตั้งแต่ขั้นตอนแรกเลยครับ เป็นการพูดคุยออกไอเดีย โปรดิวเซอร์ถามก่อนว่าอยากทำแบบไหน แจ็คก็เอาสไตล์เพลงไปเสนอ แล้วก็มีการพูดคุยกันว่าอยากได้เสียงอารมณ์แบบออเครสตรานะ มีไวโอลิน มีเปียโน ขอเป็นเพลงที่มีบีตหนักๆ แล้วก็มีการคัดกรองจนออกมาเป็นอย่างเห็น ส่วนร่วมเรื่องเพลงตั้งแต่ที่วางไลน์ดนตรีมา ก็มีการพูดคุยติดต่อกันตลอด เห็นทุกขั้นตอนในการพัฒนาของเพลง มีการพูดคุยคอมเมนต์กันเสมอ แล้วก็แต่งท่อนแร็ปภาษาอังกฤษในเพลง เลิฟ มี อีฟ ยู แคน เอง แล้วก็ช่วยดูเนื้อร้อง ดีไซน์ดนตรี ดีไซน์การร้องเอง"
รูปแบบของการเต้นในอัลบั้มชุดนี้
"เป็นการเต้นสไตล์ป๊อปปิง เวฟวิง แล้วก็รวมกับสไตล์แอนิเมชันที่เป็นสไตล์ใหม่ ตอนแรกก่อนที่โครีโอกราฟเขาจะคิดท่าออกมา เขาจะให้แจ็คลองเต้นดูก่อนว่าตัวแจ็คเองชอบเต้นสไตล์ไหน ตัวแจ็คเองก็ไม่รู้หรอกว่าที่เต้นแบบนี้เขาเรียกว่าอะไร แค่เต้นไปตามฟีล สิ่งที่รู้สึก ณ ตอนนั้น เขาก็เลยจับกิมมิกออกมาว่าน่าจะเป็นแบบนี้แล้วก็ค่อยคิดท่าออกมา เพลง เลิฟ มี อีฟ ยู แคน เต้นทั้งเพลงเลยครับ เดี๋ยวรอดูเอ็มวีเพิ่งถ่ายไปจะออกปลายเดือนนี้ครับ"
การแต่งตัวสำหรับอัลบั้มนี้เป็นยังไงบ้าง
"คอนเซปต์โดยรวมของแจ็ค ณ ซิงเกิลแรกคือเป็น แบล็ก แจ็ค ในด้านมืดในด้านดำ โทนสีก็จะเป็นสีดำ แต่ถ้าดำทั้งหมดเลยแจ็ครู้สึกว่าไม่เดิ้น แจ็คชอบอะไรที่แหวกๆ แปลกๆ หรือบางสิ่งที่ดูไม่เข้ากันเลยเอามารวมกัน ทำยังไงให้มันเข้าด้วยกันให้ได้ อย่างชุดสีดำก็จะมีตัดด้วยด้ายสีเงิน เหมือนเป็นชุดเกราะ เสื้อก็จะมีลูกเล่นออกแนวเหมือนนักบิดมอเตอร์ไซค์ แจ็คเป็นคนที่ชอบความเร็ว ชอบซิ่งรถ ชอบมอเตอร์ไซค์ 4 สูบ ก็เลยเอาอารมณ์คาแรกเตอร์ตรงนี้มาดีไซน์เป็นเสื้อผ้า
กางเกงก็คล้ายๆ กางเกงแม้ว ตรงขาจะเป็นขากระบอก แจ็คชอบใส่กางเกงประมาณนี้ ก็เลยบอกให้พี่ดีไซเนอร์ช่วยอะแดปต์ให้หน่อย อยากได้แบบนี้ก็เลยได้ออกมาเป็นแบบนี้ ทรงผมจากตอนแรกคิดเอาไว้ว่าเป็นอีกแบบนึง แต่พอลองถ่ายรูปออกมาแล้ว แจ็คก็เลยเดินไปหาพี่เขาบอกว่าพี่ผมขอเปลี่ยน ผมขอลองแบบนี้ พอเซตออกมาเสร็จปุ๊บเขาก็เห็นด้วยว่าดีๆ ก็เลยเป็นคอนเซปต์แบบนี้"
จากภาพที่เปิดตัวออกมา เห็นมีการเขียนภาพลงบนหน้าด้วย
"ที่ลองเขียนก็ด้วยอารมณ์อยากลองว่าจะสื่ออารมณ์ความเป็นตัวเองออกมาเป็นยังไง เรื่องเขียนหน้าแจ็ครู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะว่าออสเตรเลียก็เขียนมาตั้งนานแล้ว ก็รู้สึกว่าอยากลองบ้าง ณ วันที่ถ่ายปกทั้งแจ็ค พี่ช่างแต่งหน้า ทีมงาน ก็มานั่งง่วนอยู่ประมาณชั่วโมงกว่า เสียเวลานั่งดีไชน์กันว่าจะออกมาเป็นรูปไหนดี ถ้าจะเขียนแล้วนึกถึงภาพอะไร แจ็คนึกถึงภาพโพธิ์ดำนึกถึงภาพตัวเจ จนออกมาเป็นรูปอย่างที่เห็น เพราะว่าโพธิ์ดำในทางด้านไพ่ เลข 21 โพธิ์ดำ ก็คือเหมือนเป็น แบล็ก แจ็ค อยู่แล้วครับ"
อัลบั้มชุดนี้ต้องทำงานคนเดียว ต้องมีการปรับตัวไหม
"มีทั้งข้อดีแล้วก็ข้อเสียนะครับ ข้อดีก็คือเราได้เป็นตัวเองเต็มที่ ได้ใช้ไอเดียของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ ส่วนข้อเสียรู้สึกว่าเวลาไปต่างจังหวัดต้องนอนคนเดียวแน่ๆ เลย (หัวเราะ) ก็รู้สึกเหงานะครับ เวลาโชว์จะออกมาดี คนจะชอบไหมก็เกิดจากตัวเราอยู่แล้ว จะดีไม่ดีเราเป็นตัวตัดสินเอง"
การทำงานหนักมากขึ้นไหม
"แจ็คไม่เคยรู้สึกว่างานหนัก เพราะว่าแจ็ครู้สึกเอ็นจอยไปกับมันมากกว่า รู้สึกชอบที่ได้ปลดปล่อยไอเดียว่าอยากให้ออกมาเป็นแบบนี้ อยากเขียนตัวเองให้ออกมาเป็นแบบนี้ อยากดีไซน์การร้อง การใช้ดนตรีให้ออกมาเป็นแบบนี้ รู้สึกสนุกดี"
เมื่อก่อนจะออกแนวใสๆ แต่ตอนนี้เข้มขึ้น รู้สึกตัวเองเปลี่ยนไปไหม
"เหมือนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ อย่างที่บอกว่ามันคืออีกด้านนึงที่คนไม่เคยเห็น ไม่เคยมีใครคิดว่าแจ็คชอบซิ่งรถ ไม่เคยมีใครคิดว่าแจ็คจะชอบเต้น หรือไม่เคยมีใครคิดเลยว่าแจ็คจะชอบฮิปฮอป เป็นภาพที่คนอื่นไม่เคยเห็น ด้วยความที่ตัวเองเริ่มโตขึ้น ด้วยเวลาที่เปลี่ยนไป สิ่งแวดล้อมที่เราซึบซับมันโตขึ้นเรื่อยๆ ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ณ ตอนนี้รู้สึกสบายขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่อินเนอร์ข้างในค่อยๆ เปลี่ยนไป ด้วยอายุด้วยเริ่มแก่ขึ้นแล้วจะให้ไปแอ๊บแบ๊วก็ไม่ใช่ (หัวเราะ) อินเนอร์ ความคิดข้างในมันเปลี่ยนไป โทนสีที่เราจินตนาการตัวเองก็เปลี่ยนไปด้วยครับ"
ความคืบหน้าของอัลบั้ม
"อัลบั้มนี้เริ่มทำประมาณเดือนพฤษภา ตอนนี้ซิงเกิลแรกก็เสร็จแล้ว ซิงเกิลต่อไปก็เดี๋ยวต้องรอดูขออุบไว้ก่อน ตอนนี้อยากให้พุ่งความสนใจไปที่เอ็มวีก่อน เพราะว่าเอ็มวีเนี่ยโลดโผนสุดฤทธิ์ มีทั้งภาพจริง มีกราฟฟิก มีขึ้นสลิง ธีมสีของเอ็มวีมาจากจินตนาการของแจ็คว่าแจ็คอยากไปอยู่ที่ไหน ที่ไหนจะเหมาะกับแจ็คที่สุด ก็เลยออกมาเป็นโทนสีและเอ็มวีแบบนี้ มีไลน์เต้น ไลน์แอ็กชัน แล้วก็อีกหลายอย่างที่ต้องไปดู"
เข้าไปมีส่วนร่วมในการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอด้วย
"มีเยอะครับ เหมือนกับเราเป็นทีมงานคนนึงเลย เหมือนเราไม่ใช่ศิลปิน เราเป็นทีมงานคนนึงที่เข้าไปคุยกับเขาว่าอันนี้น่าจะเหมาะกว่านะ อันนี้ดูไม่เหมาะนะ เรามีไอเดียยังไงเราก็เสนอไป ทางพี่ๆ ทีมงานเขาก็ถามเราว่าเราอยากได้ยังไง แจ็คก็เอาภาพรวมถึงโทนสีหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เขาคิด ให้เขาเห็นเหมือนที่แจ็คเห็นภาพไปให้เขาดู รวมถึงพูดคุยกันในเรื่องสัดส่วนการเต้น สัดส่วนเนื้อเรื่อง ตอนนี้ยังไม่เห็นทั้งหมด แต่เท่าที่ดูก็พอใจ แฟนเซอร์ไพรส์แน่นอน ต้องลองไปดู"
สัดส่วนของเพลงในอัลบั้ม
"ตอนนี้ยังไม่ได้สรุปแน่นอนชัด เพราะว่าค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ก็จะมีทั้งเพลงเร็ว เพลงช้า มีเดียมผสมกันไปตามสัดส่วน"
แจ็ค เข้าไปมีส่วนร่วมทุกขั้นตอน
"เรียกว่าเข้าไปมีส่วนร่วมทุกขั้นตอนเลยก็ว่าได้ โชคดีที่ทางทีมงานอยากให้เรามีส่วนร่วมและที่เขารับฟังไอเดียของแจ็ค ไม่ได้หมายความว่าแจ็คเอาแต่ใจตัวเองในการทำงาน แจ็คแค่ต้องการให้งานออกมาแล้วทุกคนมองว่าเป็นศิลปะที่มีทั้งดีทั้งเสีย ข้อดีคืออะไรเราก็พยายามเติมตรงนั้น เอาข้อดีมากลบข้อเสีย"
พอกลับมาทำงานเพลงอีกครั้ง ต้องฟื้นตรงไหนบ้างไหม
"เรียกว่าเป็นช่วงแล็กมากกว่า อารมณ์เหมือนคนขึ้นเครื่องบินแล้วลงมามีอาการเจตแล็ก ตอนเข้าไปเต้นคลาสแรก คลาสสอง เอ๋อเลย จะมีช่วงที่เรียนก่อนที่จะเข้าท่าเข้าเพลงจะมีการปรับเบสิกก่อนก็ยังโอเค แต่พอเข้าไปซ้อมพร้อมกับแดนเซอร์ ซ้อมครั้งแรกไปไม่เป็นเลย มูฟไม่ถูก จินตนาการตัวเองไม่ถูกว่าท่าที่เต้นออกไปอินเนอร์ต้องคิดอะไร มันคือความไม่ชินมากกว่า แต่พอหลังจากครั้งที่ 3 ครั้งที่ 4 ไปเรื่อยๆ ก็จะสบายขึ้น"
เรื่องการเต้นเป็นยังไง
"แดนเซอร์เต้นเก่งทุกคน แล้วเราไม่ใช่คนที่มีพื้นฐานเบสิกการเต้นแน่นมาตั้งแต่เด็กๆ แจ็คเป็นคนชอบเต้นก็จริง แต่ว่าไม่ได้ถึงขั้นไปลงเรียนคอร์ส แค่ตอนนั้นอยากเต้นอะไรก็เต้นออกมา แต่คราวนี้เหมือนเราได้เอาความเป็นตัวเองออกมาใส่พร้อมเข้าไปกับเบสิกเลยออกมาเป็นส่วนผสมตามที่ต้องการ ค่อนข้างจะยาก"
หลังจากปล่อยภาพเปิดตัวออกมา กระแสจากแฟนคลับเป็นยังไงบ้าง
"ทุกคนก็ยังไม่หายหน้าหายตาไปไหน ก็ยังคอยติดตามเราอยู่ เขาก็บอกๆ กันว่าชอบนะ รู้สึกเปลี่ยนไปดี เป็นอีกด้านที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยเห็นทำแบบนี้เลย ยังชอบอยู่ เป็นอะไรที่ค่อยข้างเซอร์ไพรส์นิดนึง เขาคิดกันว่าแจ็คน่าจะเหมาะกับเพลงช้า ไม่เคยคิดว่าแจ็คจะทำเพลงเร็วได้ ตอนแรกก็เครียดเหมือนกันว่าจะมีคนฟังเพลงเราอยู่รึเปล่า ตอนนี้ก็ค่อยๆ คลายไปทีละเปาะ"
ฝากผลงาน
"ก็ฝากถึงแฟนๆ ทุกคน อยากให้ลองไปฟังเพลง เลิฟ มี อีฟ ยู แคน ของแจ็คครับ เพลงนี้เป็นสไตล์ที่ทุกคนไม่เคยคิดว่าจะออกมาเป็นแนวนี้ได้ เป็นสไตล์ดนตรีที่ค่อนข้างโมเดิร์นมาก อยากให้ลองไปฟังดู เพราะว่ามันคือความเป็นตัวแจ็ค เป็นนิสัยแจ็ค ฟังแล้วก็อยากจะให้ลองติดตามดูเอ็มวีที่กำลังจะออกตามมาเร็วๆ นี้"
สามารถติดตามฟังเพลงเปิดตัว เลิฟ มี อีฟ ยู แคน กับการกลับอีกครั้งในมาดใหม่ของ แจ็ค ได้ตามคลื่นวิทยุทั่วประเทศ ส่วนใครที่รอชมมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ก็อดใจรอกันอีกนิด แว่วๆ ว่าปลายเดือนนี้ แจ็ค จะปล่อยความโลดโผนออกมาให้ได้ดูกันอย่างแน่นอน