กรุงเทพมาราธอน สู้อุปสรรคลุยถ่ายมิวสิกวิดีโอ มันอยู่ที่ใจ
อัลบั้มชุดที่ 2 ที่มีชื่อว่า "7912" ของ 4 คนร็อกในนาม "กรุงเทพมาราธอน" ใกล้คลอดเต็มที ซึ่งทั้ง 4 หนุ่ม ประกอบด้วย "เต้ - สันต์ ภิรมย์ภักดี" (ร้องนำ) "ปาย - กอบชัย ข่วงอารินทร์" (กีตาร์) "นะ - ธนวิตร พงษ์เจริญ" (เบส) และ "อู๋ - ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์" (กลอง) ขอส่งเพลง "มันอยู่ที่ใจ" ที่มีเนื้อหาความหมายดีๆ ให้กำลังใจ เหมาะกับสถานะการณ์ปัจจุบัน มาเป็นซิงเกิลเปิดตัว ซึ่งได้ฤกษ์งามยามดีปล่อยเพลงให้ฟัง พร้อมทั้งรีบลงมือทำถ่ายทำมิวสิกวิดีโอออกมาให้ทันได้ดูพร้อมๆ กันในวันดีของวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009 ที่ผ่านมาด้วย
ในส่วนของการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ ทีมงานยกกองไปปักหลักกันไกลถึงกลางทุ่งกว้าง ย่านหนอกจอก ซึ่งบรรยากาศการถ่ายทำในช่วงสายแดดแรงจัด แต่ทีมงานและศิลปินทุกคนก็ไม่หวั่นกับอากาศที่ร้อนระอุ ถ่ายทำท่ามกลางแดดจ้ากว่าครึ่งค่อนวัน ฉากแรกเริ่มลุยกันกลางแดด นักแสดงสมทบยอมลงทุนให้ทีมงานละเลงโคลนให้เปรอะเปื้อนไปทั่วร่างกาย พร้อมเดิน วิ่ง ล้มลุกคลุกคลานกันไปทั่ว เป็นเหมือนตัวแทนของคนที่เจอปัญหาอุปสรรคต่างๆ งานนี้นักแสดงทุกคนทุ่มฝีมือแสดงกันสุดใจ ทำงานกันอย่างสมจริง ทำให้ถ่ายทำเสร็จอย่างรวดเร็ว
ฉากต่อมา 4 หนุ่มของเราต้องรับบทหนัก กับการถ่ายทำเส้นร้องกลางแดดจ้ากันอยู่หลายรอบ จนตัวแดงไหม้ไปตามๆ กัน กว่าจะได้ภาพที่ถูกใจทั้งผู้กำกับและศิลปิน แต่แล้วก็เกิดอุปสรรคขึ้นจนได้ เมื่อจู่ๆ บรรยากาศก็กลับเต็มไปด้วยเมฆฝนครึ้มดำทะมึน และฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาในช่วงบ่าย เล่นเอาคนทั้งกองถ่ายเหนื่อยใจ จนต้องพักกองกันไปนานพอสมควร ซึ่งนอกจากมีฝนตกหนักมากยังไม่พอ ยังมีฟ้าผ่าเป็นระยะๆ เล่นเอาคนทั้งกองเกิดอาการเสียว
และแล้วก็มาถึงอีกฉากที่ทั้ง 4 หนุ่ม กรุงเทพมาราธอน ต้องไปยืนบนหน้าผากลางที่โล่งแจ้ง พร้อมร้องเพลงถ่ายทำกันต่อ แต่จู่ๆ ก็เกิดฟ้าผ่าลงเปรี้ยงบริเวณใกล้ๆ กับกองถ่าย ทำเอาหนุ่มๆ กรุงเทพมาราธอน ถึงกับหน้าถอดสี โดย เต้ ถึงกับออกปากให้ทุกคนในกองปิดมือถือ ปิดเครื่องมือทุกอย่างที่จะมาเป็นสื่อล่อฟ้าได้ แต่ก็ไม่ล้มเลิกการถ่ายสั่งเดินหน้าลุยต่อจนเสร็จ
หลังเสร็จกองถ่ายทั้ง 4 หนุ่ม กรุงเทพมาราธอน ได้เล่าถึงบรรยากาศและความรู้สึกในการถ่ายทำให้ฟังว่า "เรามาถ่ายทำกันตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึงหัวค่ำเลยครับ สนุกดี วันนี้เหมือนมี 3 ฤดู เช้ามาร้อนมาก บ่ายๆ ฝนก็ตกหนักมาก พอช่วงเย็นๆ อากาศก็เริ่มเย็นๆ คุ้มจริงๆ แต่ก็ต้องขอขอบคุณทีมงานและน้องๆ นักแสดงที่ช่วยกันถ่ายทำจนเสร็จ ถือได้ว่าเป็นผู้ร่วมสร้างความสำเร็จนี้ให้เกิดขึ้นได้ สมกับเพลง มันอยู่ที่ใจ จริงๆ
เนื้อหาเพลงนี้ได้กล่าวถึงการคิดจะทำอะไรนั้นมันอยู่ที่หัวใจ ไม่ว่าจะเจออุปสรรคปัญหาใดๆ ทุกอย่างแก้ไขได้ ตราบใดที่หัวใจยังเรายังมีแรงที่จะคิดสู้ คิดทำ เราต้องทำมันต่อไปให้ดีที่สุด เราจึงมองภาพเปรียบเทียบเนื้อหาของเพลงไปถึงชีวิตมนุษย์ ที่ต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้กับบางสิ่งบางอย่างที่เราเจอในทุกๆ วัน เราก็เลยเสนอออกมาเป็นภาพคนโดนโคลน โดนน้ำ โดนสิ่งแวดล้อมตัวเราทำร้าย แทนการเจอปัญหาหนักๆ และพวกเราก็ได้พบเจอกับอุปสรรคกันจริงๆ ในวันนี้"