การรวมตัวของ 12 วงร็อก นำเพลงเก่ามาเล่นใหม่ใน Play

ถือเป็นหนึ่งในโครงการพิเศษที่ฉลองครบรอบ 25 ปี ของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ สำหรับโครงการที่ชื่อว่า "เพลย์" (Play) ซึ่งเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของวงร็อกชื่อดังถึง 12 วง ด้วยกัน ได้แก่ "แฮงแมน" "บิ๊กแอส" "บอดี้สแลม" "แคลช" "โปเตโต้" "ซีล" "พาราด็อกซ์" "กะลา" "โนโลโก้" "สวีท มัลเลท" "เรทโทรสเปค" และ "โน มอร์ เทียร์" โดยเปิดตัวกันไปแล้ว เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา ณ เพลย์เฮาส์ เซ็นทรัลเวิลด์ ท่ามกลางแฟนคลับนับร้อยที่มาร่วมให้กำลังใจ

ความพิเศษของโครงการนี้ อยู่ที่แต่ละวงนำเพลงเก่าของ แกรมมี่ 12 เพลง มาเรียบเรียงใหม่ในมาดร็อก และแบ่งปันความสุขสนุกสนานมาให้เหล่าแฟนเพลงด้วย ซึ่งงานนี้ได้นักร้องนำของแต่ละวงมาเป็นตัวแทนพูดคุยถึงเพลงที่เลือกกันมา

เริ่มจาก "โต - ณัฐพล พุทธภาวนา" ตัวแทนจาก แฮงแมน พูดถึงที่มาที่ไปของโครงการนี้ว่า "ตอนแรกเป็นชื่อ 25 ปี แกรมมี่นะครับ แต่ฟังดูแก่ ผมก็เลยไม่อยากจะเรียก พอเค้าเปลี่ยนชื่อเป็น เพลย์ ก็อยากเรียกขึ้นมา ทุกวงที่ทำเลือกเพลงอะไรก็ได้ อยากจะทำอะไรก็ได้ ไม่ว่ากัน อย่างแฮงแมน เราก็ชอบเอาเพลงคนอื่นมายำให้เละอยู่แล้ว ก็เลยเลือกมาเพลงหนึ่งมาทำโปรเจ็กต์เพลย์"

ส่วนเพลงที่ แฮงแมน เลือกมาทำใหม่นั้น คือเพลง "บุญคุณปูดำ" ของวง นูโว ซึ่ง โต เผยว่า "โดยส่วนตัวแล้วผมเป็นแฟนของนูโวตั้งแต่เด็ก พอผมโตขึ้นมาแล้วทำเพลง ทางพี่โจ (จิรายุส วรรธนะสิน) ก็เป็นแฟนเพลงของผมด้วย ทางดนตรีก็ค่อนข้างจะถูกคอกัน อย่างดนตรีในช่วงยุค 80 และ 90 ตอนต้น ก็เลยหยิบเพลงนี้ขึ้นมา เป็นเพลงซึ่งไม่ค่อยจะดังเท่าไหร่ เราก็นำมาทำในแบบของตัวเองครับ"

ด้านวง ซีล ที่เลือกเพลง "ไม่ต้องการเห็นบางคน (ที่ไม่รักกัน)" ของ ตู่ - นันทิดา แก้วบัวสาย ก็ได้ หนุ่ม "เป๊กซ์ - ปราชญ์ พงษ์ไชย" มาเล่าว่า "ตอนแรกที่ได้รับโจทย์ พวกเราก็มานั่งวิเคราะห์กันว่าเราจะเล่นเพลงอะไรดี และเราอยากจะทำเพลงของผู้หญิงให้เป็นเพลงของผู้ชายบ้าง เพลงของพี่ตู่เพลงนี้ ด้วยภาษามันมีความเป็นร็อกได้ และเป็นเพลงที่ยังไม่เคยมีใครนำมาคัฟเวอร์ด้วย ก็น่าสนใจครับ ใครได้มีโอกาสฟังในเวอร์ชันเก่า จะเห็นว่าเป็นเพลงป๊อปที่มีจังหวะกลางๆ เราก็เลยต้องนำมายำกันใหม่ ทำให้ตัวดนตรีและสีสันเป็นแบบซีล ก็เลยออกมาอย่างที่ฟังกันครับ"

"แน็ป - ชนัทธา สายศิลา" จาก เรทโทรสเปค พูดถึงเพลง "ละครฉากสุดท้าย" ซึ่ง ตู่ เคยขับร้องไว้เมื่อก่อนว่า "ตอนแรกหาเพลงยากมากๆ คือเราเล่นดนตรีกันหนัก แล้วเราพยายามหาเพลงที่จะทำยังไงดีให้เข้าได้มากที่สุด จนสุดท้ายก็ได้เพลงนี้ พี่เต๋อ (เรวัต พุทธินันทน์) เป็นคนเขียน เพลงนี้มีความพิเศษ คือสร้างขึ้นเมื่อปี 2527 ซึ่งเป็นปีเกิดของเราพอดี ก็เลยหยิบขึ้นมา และเนื้อเพลงมีความเป็นจริงของชีวิต ความมืดมนนิดๆ ไม่ว่าเราจะรวย จะจน สุดท้ายทุกคนก็ต้องพบจุดจบอย่างเดียวกัน คือความตายครับ"

ฟาก "ตูน - อาทิวราห์ คงมาลัย" จาก บอดี้สแลม ก็พูดถึงเพลง "เสียดาย" ของ เบิร์ด - ธงไชย แมคอินไตย์ ที่นำมาทำใหม่ว่า "ตอนแรกที่เรารู้ว่าต้องทำเพลงเพื่อโปรเจ็กต์นี้ เราก็คิดถึงเพลงนี้เพลงแรกเลย เพราะว่าเป็นเพลงที่เราอยากจะเล่นคัฟเวอร์ในคอนเสิร์ตอยู่แล้ว พอลองทำไปก็พอดีเลย และอีกเหตุผลหนึ่งคือ ผมชอบความทันสมัยของเนื้อเพลงนี้ มันเป็นเพลงรักที่ไม่เชยและไม่มีวันตาย และผมคิดว่าใน พ.ศ.นี้ น่าร้องมากเลย กับคำว่า อยากเห็นท้องฟ้าเป็นอย่างวันนั้น ผมคิดว่าคนไทยกำลังโหยหาความสุขแบบวันเก่าๆ อยู่" โดย ตูน ยังเผยถึงด้านดนตรีว่า "ของบอดี้สแลม ผมคิดว่าเป็นแนวเก็บของ คือเราเหนื่อยกับการทัวร์การเล่นดนตรีมาแล้ว เพลงนี้ก็อยากจะผ่อนคลายให้มากที่สุด"

ฝั่งวงร็อกน้องใหม่ที่สีสันจัดจ้านอย่าง โน มอร์ เทียร์ ก็เลือกเพลง "บูมเมอแรง" ของ เบิร์ด เช่นเดียวกัน โดย "ฟักแฟง - ไปรยา มาลาศรี" กล่าวว่า "เพลงของพี่เบิร์ด เราฟังมาตั้งแต่เด็กๆ พอบอกถึงโปรเจ็กต์ 25 ปี เราก็จะนึกถึงเบอร์หนึ่งเลย คือ พี่เบิร์ด เป็นแบบฉบับของความคลาสสิกของค่ายแกรมมี่ก็ว่าได้ ก็เลยมาคิดว่าเพลงอะไรจะเข้ากับแนวทางของวงเรา และเพลงนี้อยู่เป็นอันดับแรกสุดเลยในหัวเรา ซึ่งตอนแรกเราก็งงว่าอะไร คือ บูมเมอแรง ต้องไปถามแม่ เค้าบอกว่าเป็นเครื่องเล่น พอขว้างไปแล้วมันจะกลับมา ซึ่งในเพลงจะสื่อความหมายว่า ถึงเธอจะผลักไสฉันไปยังไง ฉันก็จะกลับมาที่เดิม เหมือนกับ บูมเมอแรง"

ฟาก "แด๊กซ์ - เอกรัตน์ วงศ์ฉลาด" พูดถึงเพลงที่วง บิ๊กแอส หยิบมาทำใหม่ว่า "เพลงที่เลือก คือเพลง บันทึกหน้าสุดท้าย ของพี่เบิร์ด หลายๆ คนพอพูดถึงค่ายแกรมมี่จะนึกถึงพี่เบิร์ด และอีกคนที่นึกถึงคือพี่เต๋อ เราก็เลยเลือกเพลงนี้ เพราะเพลงนี้แต่งโดยพี่เต๋อ อีกอย่างที่เลือกเพราะทุกอย่างตรงข้ามกับบิ๊กแอสหมดเลย ทั้งภาษาและความรู้สึก และคนอย่างผมคงไม่ไปนั่งเขียนไดอารีอยู่ อยากลองทำสิ่งที่ไม่ใช่บิ๊กแอสดู เราทำเป็นดนตรีที่ฟังง่าย ฟังสบาย เพิ่มความกระฉับกระเฉงด้วยกลอง และถ้าเกิดเป็นพวกเราพูดในสิ่งที่บันทึกไว้ จะพูดในลักษณะยังไง ก็ใช้บุคลิกความเป็นบิ๊กแอสพูดครับ"

ส่วนหนุ่ม "โดม - ปกรณ์ ลัม" แห่งวง โนโลโก้ ขอเลือกเพลงของ เบิร์ด อีกเพลงกับ "อย่าต่อรองหัวใจ" ซึ่ง โดม เผยว่า "คงต้องบอกว่าชอบ อันดับแรกเพลงนี้ขึ้นต้นมาพี่เบิร์ดจะพูด สมัยนั้นท่อนแรกที่ไม่มีทำนอง มันมีน้อยตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนพี่เบิร์ดพูดมา เราก็ฟังว่าพูดอะไร แต่พอมาถึงท่อนฮุก ก็รู้สึกว่าเป็นเมโลดีที่ติดหูเลยครับ ตรงนี้เป็นจุดหนึ่งที่พวกเราโนโลโก้จะเอาทำนองมาใส่ได้ตรงท่อนพูดนี้ และคงไว้ในท่อนฮุก ผมว่ามันเปิดกว้างที่จะปู้ยี่ปู้ยำอย่างเต็มที่ ส่วนดนตรีจริงๆ แล้วเป็นร็อกนะครับ เป็นร็อกแบบโนโลโก้ มีซินธิไซเซอร์ มีดรัมแมชชีน"

ด้านวงร็อกที่หายหน้าไปนานอย่าง พาราด็อกซ์ ก็เลือกเอาเพลง "เพียงชายคนนี้ (ไม่ใช่ผู้วิเศษ)" ของ เพชร โอสถานุเคราะห์ กลับมาทำใหม่ ซึ่ง "ต้า - อิทธิพงศ์ กฤดากร ณ อยุธยา" นักร้องนำ เล่าถึงเหตุผลที่เลือกเพลงนี้ว่า "จริงๆ เลือกหลายเพลงมากครับ คือคนจะมองว่าเราจะเลือกเพลงเร็ว เอามาทำแล้วกลัวจะเละ ก็เลยเลือกเพลงนี้เพราะว่าเป็นเพลงช้า และก็ทำเป็นใหม่เพลงช้าด้วย เพราะว่าเราไม่ค่อยได้เล่นเพลงช้า เลยจะเลือกไว้เป็นบางเพลงเพื่อที่จะมาเล่นคอนเสิร์ตบ้าง และเนื้อเพลงค่อนข้างแปลก เพลงนี้ฟังมาตั้งแต่เด็ก ยังไม่ใครเคยคัฟเวอร์ รู้สึกอยากจะเอามาปัดฝุ่นใหม่ให้คนสมัยนี้ได้รู้จักกันมาขึ้นด้วยครับ เรื่องดนตรีจะเน้นความเป็นร็อกเพิ่มขึ้น มีเสียงกีตาร์แตกเพิ่มขึ้น มีเสียงเห่าหอนด้วย"

เพลงของ เจ - เจตริน วรรธนะสิน ก็มีรุ่นน้องวงร็อกนำกลับมาทำใหม่เช่นกัน อย่างวง กะลา ซึ่ง "หนุ่ม - ยุทธพงษ์ แสงสุวรรณ" ก็พูดถึงเพลง "แววตา" ที่เลือกมาทำใหม่ว่า "ต้องบอกว่าเป็นความชอบส่วนตัว จริงๆ ผมเป็นคนชอบเพลงป๊อปมาก ก็เลยตอบสนองนีดตัวเอง และเอามาเปลี่ยนวิธีร้อง แต่ผมจะคงของเดิมไว้ให้มากที่สุด เพราะว่าของเก่าเค้าเพราะมากอยู่แล้วครับ"

มาที่วงร็อกหนักหน่วงอย่าง สวีท มัลเลท ก็หยิบเพลง "ฝากเลี้ยง" ของ เจ เช่นกัน โดยนักร้องนำ "เต๋า - ดุลยเกียรติ เลิศสุวรรณกุล" เล่าว่า "จริงๆ แล้วตอนสมัยเด็กๆ พวกเราใน สวีท มัลเลท ชอบพี่เจกันหมดเลย แล้วในเพลงฝากเลี้ยงมันเหมือนว่าเพลงเค้ามีเอกลักษณ์มาก ที่พวกเราทำเพลงของพี่เจก็ค่อนข้างเคารพต้นฉบับอยู่บ้าง เหมือนเอามาหารครึ่งกัน ให้คงแบบเดิมด้วยและใส่ความเป็นตัวของพวกเราลงไป พยายามคงของเดิมและพยายามใส่ความทันสมัยในยุคนี้เข้าไปด้วย และยังมี สิงห์เหนือเสือใต้ ช่วยมาแร็ปในเพลงนี้ คือเค้าคิดขึ้นมาใหม่เลย ก่อนอัดเลย เค้าจะมาฟังก่อนอัด และนั่งเขียนเนื้อกันตรงนั้น"

ในขณะที่ "แบงค์ - ปรีติ บารมีอนันต์" จาก แคลช ซึ่งเลือกเพลง "เสียใจได้ยินไหม" ของ ใหม่ เจริญปุระ มาร่วมโครงการนี้ บอกว่า "จริงๆ เราก็เลือกกันหลายเพลง แต่เกิดอาการตัน เพลงพี่เบิร์ดเค้าก็เลือกไปหมดแล้ว เราเลือกช้าไปหน่อย เราก็พยายามที่จะเลยไปหาเพลงที่ไปโฟกัสที่เนื้อร้องและเมโลดีที่เข้ากับวงแคลชเอง แล้วที่สำคัญที่สุด เพลงนี้ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆ สมัยคุณแม่ผมยังสาวๆ ก็มี พี่แอม (เสาวลักษณ์ ลีละบุตร) กับ พี่ใหม่ ที่เป็นฮีโรของคุณแม่ เป็นผู้หญิงที่ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น เรารู้สึกว่าถ้าเอาเพลงนี้มาทำในแบบแคลชคงจะดีอย่าง ตรงที่ว่าบางทีผู้ชายเจ้าชู้เวลารักใครจริง มันเจ็บกว่าผู้ชายดีๆ ที่อกหักอีก"

ด้าน โปเตโต้ ที่เลือกเพลง "พรุ่งนี้จะไปกับเธอ" ของ โบ - สุนิตา ลีติกุล ก็ได้หนุ่ม "ปั๊บ - พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข" มาเล่าว่า "ทางวงเราเลือกไว้เยอะมาก สุดท้ายมานั่งคุยกันว่าเราอินกับอะไรก่อน เรารู้สึกว่าเพลง พรุ่งนี้จะไปกับเธอ เป็นเพลงรักที่มีมุมมองที่สดใสและมีความเป็นผู้ใหญ่ อีกอย่างเราอยากร้องเพลงของพี่ที่เป็นผู้หญิง อย่างพี่โบ เราก็ใกล้ชิดด้วย เคยอยู่ในทีมโปรโมตเดียวกัน เคยไปทัวร์ ไปกินข้าวด้วยกัน เรารู้สึกว่าเพลงนี้มันอบอุ่น มันน่าจะให้ใครก็ได้" ปั๊บ ยังเสริมอีกว่า "ผมรู้สึกว่าโปรเจ็กต์นี้ดีตรงที่ว่าคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันเพลงเก่าๆ แล้ว จะได้กลับมาฟังเพลงกัน ซึ่งพวกผมคิดว่าเพลงสมัยก่อน โดยเฉพาะเนื้อหามันค่อนข้างมีวิญญาณมาก ฟังแล้วรู้สึกดี ส่วนดนตรีก็เล่นตามสไตล์เรา เป็นโมเดิร์นร็อก ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนครับ"

หลังจากพูดคุยถึงเพลงต่างๆ ในโครงการนี้แล้ว ก็มาถึงเวลาที่แฟนเพลงรอคอยกับการแสดงเพื่อเรียกน้ำย่อยความสนุก ประเดิมเรียกเสียงกรี๊ดด้วยวง โน มอร์ เทียร์ กับเพลง บูมเมอแรง ก่อนจะมาที่เพลง ฝากเลี้ยง ที่วง สวีท มัลเลท รับหน้าที่มาทำให้เป็นแนวร็อกเข้มข้นมากขึ้น ต่อด้วยเพลง ไม่ต้องการเห็นบางคน (ที่ไม่รักกัน) จาก ซีล ที่มันไม่แพ้กัน จากนั้นมาปิดท้ายความสนุกกันด้วยเพลง บุญคุณปูดำ จาก แฮงแมน ซึ่งหนุ่ม โต ยังได้ทิ้งท้ายให้ชาวร็อกได้ดีใจด้วยว่า "เห็นได้ข่าวปลายปีนี้อาจจะมีคอนเสิร์ต ท่าทางจะมันมาก เพราะทุกคนเค้าเต็มที่ แล้วก็มีหลายๆ วงร็อกในวงการเพลงไทย ให้คนดูได้สนุกกันครับ"

สำหรับโครงการ เพลย์ ไม่ได้ทำเป็นอัลบั้มเพื่อจัดจำหน่าย แฟนเพลงที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ในรูปแบบดิจิตอล