เจาะลึกเรื่องราวของ เทอิ นักร้องหนุ่มเสียงนุ่มจากเกาหลี
เป็นหนึ่งในศิลปินที่เดินทางมามอบความสุขต้อนรับปีใหม่ให้กับแฟนๆ ชาวไทย ในงาน "Siam Center & Siam Discovery The Spirit of Fun Concert 2009" นั่นคือนักร้องหนุ่มเสียงนุ่มจากเกาหลี "เทอิ" (Tei) หรื " คิมโฮคยอง" (Kim Ho Kyoung) ก็ไม่พลาดที่จะเปิดโอกาสให้แฟนๆ ได้ทำความรู้จักกับเขามากยิ่งขึ้น โดย เทอิ ได้ให้สัมภาษณ์เจาะลึกเรื่องราวของเขาอย่างเป็นกันเอง เมื่อวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา
แนะนำตัว
"สวัสดีครับ ผมเทอิครับ ขอบคุณมากที่วันนี้ทุกคนมาร่วมสัมภาษณ์ในวันนี้"
ผลงานของ เทอิ มีอะไรบ้าง
"ที่เกาหลีตอนนี้ผมมีผลงานเพลงออกมาแล้วทั้งหมด 5 อัลบั้ม ส่วนใหญ่เป็นแนวเพลงบัลลาด เวลาอยู่เกาหลีคนมักจะเห็นผมในรูปแบบนักร้อง แต่ว่าที่เมืองไทยคนจะเห็นผมในรายการวาไรตีโชว์ อย่างรายการ X-Man มากกว่าครับ"
เริ่มเข้าวงการได้ยังไง
"ผมเข้าวงการมาโดยไม่ได้ผ่านการออดิชันครับ จะต่างจากศิลปินคนอื่น แต่ผมได้รับการคัดเลือกมาจากการร้องเพลงคาราโอเกะออนไลน์บนอินเตอร์เน็ต แล้วคลิปที่ผมเข้าไปร้องเพลงนั้นก็ไปเข้าตาต้นสังกัด ก็เลยได้รับการชักชวนเข้าวงการมาเป็นนักร้องครับ"
ผลงานอื่น นอกจากเป็นนักร้อง
"นอกจากงานร้องเพลงแล้ว ผมก็มีโอกาสได้ทำงานเป็นดีเจในคลื่นวิทยุมาประมาณ 1 ปีแล้ว นอกจากนี้ก็ยังมีงานโชว์ตัวตามรายการวาไรตีต่างๆ อย่างรายการ X-Man ที่ทุกคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีครับ"
งานที่ชอบมากที่สุด
"ผมเป็นนักร้องครับ งานที่ชอบที่สุดก็คือการร้องเพลง เวลาที่ร้องเพลงแล้วมีความสุขที่สุดเลย ความฝันอีกอย่างนึงของผมก็คือการเป็นดีเจ นักจัดรายการวิทยุ ดังนั้นเลยเป็นงานอีกอย่างที่ผมชอบเหมือนกัน เป็นงานที่มีความสุขเช่นเดียวกันครับ"
จะมีโอกาสได้เห็น เทอิ ในผลงานอื่นๆ บ้างไหม
"ความฝันอีกอย่างนึงคือการเป็นดีเจครับและมีโอกาสได้ทำแล้ว ช่วงนี้ก็มีข้อเสนอในเรื่องเกี่ยวกับการแสดงเข้ามาเยอะเหมือนกัน ก็กำลังพิจารณาอยู่ และกำลังกังวลอยู่ด้วยว่าจะทำได้ดีหรือเปล่า"
แนวเพลงที่ถนัด
"แนวเพลงที่ชอบร้องที่สุดก็คือแนวบัลลาดครับ เพราะรู้สึกว่าเพลงบัลลาดเหมาะกับผมมากที่สุด แต่ว่าตอนอยู่ม.ปลายเคยมีโอกาสได้อยู่ในวงดนตรีร็อกที่เล่นกันเองกับเพื่อนๆ ก็เลยรู้ว่าไม่ใช่แค่เพลงบัลลาดอย่างเดียวที่ชอบ แต่มีหลายๆ แนวที่ชอบด้วย แนวอิเล็กทรอนิกส์ก็ชอบครับ"
พูดถึงอัลบั้ม The Note
"คอนเซปต์เหมือนกับสมุดโน้ตของผม ที่เขียนถึงเรื่องราวประสบการณ์ของผม ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ เรื่องราวต่างๆ เนื้อหาที่อยู่ในเพลง และในอัลบั้มนี้ผมได้มีโอกาสแต่งเนื้อเองด้วย เป็นเนื้อเพลงที่มาจากประสบการณ์ชีวิตของผมครับ"
เพลงไหนในอัลบั้มที่คิดว่าตรงกับบุคลิกของ เทอิ มากที่สุด
"น่าจะเป็นเพลงที่ชื่อว่าตี 3 (3 A.M.) ครับ คิดว่าเพลงนี้เหมาะและตรงกับคาแรกเตอร์ของผม แล้วความหมายของเพลงก็จะเศร้าๆ นิดนึงก็คิดว่าเพลงนี้น่าจะตรงมากที่สุดครับ"
แล้วเรื่องสาวๆ มีแฟนรึยัง
"ยังไม่มีครับ"
มุมมองความรักของ เทอิ
"เมื่อก่อนผมเชื่อว่าความรักคือการไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน แต่พอมาคิดดีๆ อีกทีก็คงไม่ใช่แค่นั้น สรุปแล้วก็คิดว่าความรักก็เป็นเหมือนกับปาฏิหาริย์ครับ"
สาวในอุดมคติ
"เมื่อก่อนมีเคยสเปก แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ผู้หญิงแต่ละคนก็มีเสน่ห์และสไตล์ในแบบตัวเอง แต่ถ้าพูดถึงนิสัยอยากได้คนที่นิสัยคล้ายๆ กับผม คนมีความคิดคล้ายๆ กันจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน ชอบคนที่ร่าเริง มีจิตใจที่ร่าเริง ไม่เศร้าครับ"
แล้วถ้าเจอคนที่ถูกใจอยากจะเข้าไปพูดอะไรกับเขา
"ตอนนี้ยังไม่ค่อยเห็น ไม่ค่อยเจอคนที่ถูกใจเลยครับ เลยยังไม่ได้มีโอกาสพูดอะไร แต่ว่าถ้าเจอ ผมเป็นคนตรงๆ เปิดเผย ก็คงเข้าไปบอกว่าผมรู้สึกยังไง แต่ไม่ถึงขนาดรุกหนักจนทำให้ผู้หญิงคนนั้นต้องรู้สึกอึดอัดใจครับ"
ดู เทอิ เป็นคนขี้อาย ถ้าได้ร่วมงานกับผู้หญิงที่ชื่นชอบจะทำตัวยังไง
"จริงๆ แล้วผมไม่ใช่คนขี้อายนะ ความขี้อายเป็นคอนเซปต์ต่างหาก (หัวเราะ) อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนตรงๆ เปิดเผย ถ้าเจอคนที่ถูกใจก็คงเข้าไปบอกเขาตรงๆ ครับ"
แฟนๆ ชาวไทยไปให้การต้อนรับที่สนามบินด้วย รู้สึกยังไงบ้าง
"ตอนแรกคิดว่าพอมาถึงสนามบินแล้วจะไม่เจอใครเลย แต่พอมาถึงก็เห็นแฟนๆ ถือป้ายที่เขียนชื่อ คำทักทายเป็นภาษาเกาหลีก็รู้สึกดีใจมากเลย แล้ววันนี้ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าตอนไปสัมภาษณ์มาแฟนๆ ก็คอยตามมาให้กำลังใจตลอดเวลา ก็รู้สึกดีใจมากครับ"
มีโอกาสที่จะได้กลับมาเมืองไทยอีกไหม
"เดี๋ยวต้องดูผลจากโชว์เคสก่อนครับ ถ้าประสบความสำเร็จก็จะกลับมาบ่อยๆ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จยังไง ผมก็จะกลับมาเที่ยวบ่อยๆ อยู่แล้วครับ เพราะผมชอบเมืองไทยมากครับ"
อยากจะฝากอะไรถึงแฟนๆ ชาวไทย
"ฝากขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามผลงานของผมครับ แล้วก็ขอบคุณนักข่าวทุกๆ ท่านที่วันนี้มาร่วมงาน แล้วก็หวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเกาหลีจะมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและทางด้านอื่นๆ อีกต่อไปมากยิ่งขึ้น แล้วที่เกาหลีเองก็หวังว่าจะมีโอกาสให้รับการต้อนรับศิลปินไทย รวมทั้งที่เมืองไทยก็หวังว่าจะได้มีการต้อนรับศิลปินเกาหลีมากขึ้นอีกครับ"