แดน ตัดสินใจย้ายบ้าน เซ็นสัญญาเข้าชายคา โซนี่ บีเอ็มจี
ปล่อยให้สงสัยกันอยู่นานว่าหลังจากหมดสัญญากับบ้านเก่าอย่างอาร์เอสแล้ว หนุ่ม "แดน - วรเวช ดานุวงศ์" อดีตคู่หูของ "บีม - กวี ตันจรารักษ์" จะตกลงเซ็นสัญญาต่อหรือเปลี่ยนต้นสังกัดไปอยู่ที่ไหน วันนี้ก็ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วว่า แดน ตัดสินใจเซ็นสัญญาเป็นนักร้องให้กับค่ายเพลง โซนี่ บีเอ็มจี มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนต์ โดยจัดงานแถลงข่าวเซ็นสัญญาพร้อมทั้งเปิดตัวเป็นศิลปินใหม่ ภายใต้งานที่มีชื่อว่า "More Dan's Words" เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา
พอมาถึง แดน ได้กล่าว สวัสดี พร้อมทั้งบอกว่า "ไม่ได้เจอกันนาน ตื่นเต้นมากครับ หายไปเกือบปีก็ไปเรียนเกี่ยวกับ ออดิโอ เอ็นจิเนียริง เรื่องการมิกซ์เสียง การใช้อุปกรณ์ทั้งหมดในสตูดิโอ การอัดเสียง เพราะว่าเราก็อยากเอามาพัฒนางานที่เราทำในปัจจุบันนี้ เดือนนี้ก็จะจบแล้วก็จะกลับมาลุยงานได้เต็มที่" ก่อนจะมาเข้าเรื่องสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้กัน
ทำไมถึงตัดสินใจย้ายค่าย
"บางคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องของเงิน แต่ว่าอันนี้ไม่มีเกี่ยวอย่างแน่นอน เป็นเรื่องของการทำงาน โซนี่เป็นค่ายเพลงที่มีความเป็นกลางมากๆ พร้อมที่จะให้เราทำงานให้กับทุกๆ ที่ ทุกๆ ค่าย รวมถึงให้อิสระในเรื่องของการแสดง ก็มีการติดต่อทาบทามแล้วมีการพูดคุยกันตั้งแต่ช่วงกลางปี ก่อนหมดสัญญากับอาร์เอส แต่ว่าใกล้ๆ หมดสัญญาก็ยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์นะครับว่าจะอยู่ที่นี่ พอหมดแล้วสักพักนึง คุยกันทุกอย่างลงตัวก็ตกลงเซ็น การต้อนรับที่นี่อบอุ่นมาก อบอุ่นทั้งผู้บริหาร ทั้งเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ร่วมค่ายทุกคนให้เป็นกันเองมากครับ บางวงก็เป็นเพื่อนผมตั้งแต่เรียนสมัยบดินทร์ก็โอเคครับ"
ตัดสินใจยากไหมที่จะเลือกค่ายโซนี่ บีเอ็มจี
"ยากมากครับ เพราะว่าที่เก่าก็คิดถึง อยู่มา 6-7 ปีกับทีมงานที่รักกันและให้ความอบอุ่นกัน แต่ว่าวันนี้ทุกคนก็ยังส่งเมสเสจ โทรหากันว่าโชคดีนะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก กับพี่บีมก็เพิ่งโทรคุยกันเมื่อวานครับ พี่บีมอยู่โรงพยาบาล เขาก็บอกว่าโชคดีแล้วกัน เดี๋ยวมีอะไรให้ช่วยก็บอก"
อาจถูกมองว่าอกตัญญู
"อันนั้นก็แล้วแต่คนมอง แดนว่าเป็นเรื่องของการย้ายที่ทำงาน อย่างผมเองก็อยากจะหาประสบการณ์ใหม่ๆ ผมว่าผมโตมากพอสมควรที่จะไปพบปะทีมงานที่เปลี่ยนทีมบ้าง หรือว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ศิลปินคนอื่นที่สามารถร่วมงานกันได้มาทำงานร่วมได้ นั่นก็คือเหตุผล ใครจะมองว่ายังไงก็แล้วแต่ เพราะว่าที่ผมออกมาก็ไม่ได้มีปัญหาใดๆ กับทางบริษัททั้งสิ้น ทางเฮีย (สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์) ก็มีการพูดคุยกันบ้าง แต่ว่าเมื่อผมเลือกที่จะออกมาทำงานของผม เฮียก็เคารพในการตัดสินใจ จากกันด้วยดีไม่มีอะไร ถ้าเกิดมีการร่วมงานกันอีกก็ไม่มีปัญหาอะไร พร้อมที่จะร่วมงานกันครับ"
ข้อตกลงระหว่างค่ายโซนี่
"เซ็นสัญญา 5 ปี ซึ่งอย่างน้อย 5 ปีก็เป็นระยะเวลาที่เหมาะสมที่เราให้โอกาสซึ่งกันและกัน เป็นระยะเวลาที่น่าจะโอเค ผมอยู่ทำงานที่ไหนแล้วก็ให้เวลาเขาเต็มที่ ไม่ใช่ที่นึงทำปีนึง ที่นึงทำ 6 เดือน มันจะดูแบบไม่จริงใจกับทุกที่ ซึ่งข้อตกลงสามารถรับงานแสดง หนัง โฆษณา เราสามารถตัดสินใจได้เอง หรือแม้แต่งานที่ทางค่ายรับมาในเรื่องของการร้องเพลง เขาก็จะปรึกษาเราก่อน ส่วนรายได้ก็เป็นมาตรฐานของศิลปินโซนี่ทุกคน"
ได้ข่าวมาว่าค่าตัวสูสี ทาทา ยัง
"ไม่ทราบ ผมไม่ทราบว่าทาทาได้ยังไงครับ ผมไม่ทราบของใครเลย แต่ทางโซนี่ก็บอกว่าได้ตามมาตรฐาน ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากคนอื่น แต่ก็ได้เยอะกว่าที่เก่านิดหน่อย"
แล้วยังงี้มาเบียด ทาทา ยัง กับ โต๋ - ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร รึเปล่า
"ไม่ครับเราเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกับครับ ช่วยงานกันครับ"
ส่วนหนึ่งที่เลือกค่ายนี้ เพราะมีโอกาสได้ไปทำงานต่างประเทศรึเปล่า
"อันนั้นไม่เป็นสาเหตุที่ผมมองไว้ตั้งแต่แรก ไม่เกี่ยวเลยครับ คือตัวผมเองก็ยังคิดว่าต้องมีการพัฒนาอีกค่อนข้างเยอะ ที่เราจะไปทำงานที่ต่างประเทศเพื่อไม่ให้อายชาวบ้านชาวช่องเขา เรื่องโกอินเตอร์ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันจริงจังครับ ก็พูดกันเล่นๆ แต่ได้ก็ดี ตอนนี้สิ่งที่กดดันและกำลังเครียดๆ อยู่ก็เรื่องอัลบั้มชุดแรกที่จะออกเป็นศิลปินเดี่ยวนี่แหละครับ โกอินเตอร์ในสัญญาก็ระบุไว้ แต่ไม่ได้บอกว่าต้องเมื่อไหร่ เป็นเรื่องของความเหมาะสม ถ้าเราศักยภาพพร้อมทางโซนี่ก็พร้อม"
อีกเหตุผลนึงคือสามารถรับงานนอกได้
"อยู่ในเงื่อนไขนึง เป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่ผมรู้สึกว่าก็แฟร์ๆ ดีครับ ผมค่อนข้างชอบความอิสระอยู่แล้ว ทางนี้ก็เปิดว่าอยากทำอะไรก็บอก กับที่เก่าก็ไม่ได้ปิด แต่เขาก็มีค่ายหนัง ค่ายละครของตัวเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะได้เล่น ได้เจอทีมงานอื่นๆ ก็ค่อนข้างยากเหมือนกัน"
อัลบั้มใหม่จะแตกต่างจากเดิมมากน้อยแค่ไหน
"แตกต่างแน่นอนครับ แต่ว่าจะเป็นแนวไหนขอคิดนิดนึงว่าควรจะเป็นแนวไหนดี ยังไม่ได้เริ่มทำเลยครับ ตอนนี้เรียนอยู่กำลังจะจบเดือนนี้ เดี๋ยวเรียนจบแล้วค่อยคิดเรื่องงานเพลง หาแนวดนตรีที่ชอบจริงๆ ก่อน เพราะว่าตอนนี้แนวดนตรีเปลี่ยนไป ถึงตอนนั้นค่อยดูก่อนว่าแนวดนตรีแนวไหนมา"
แล้วจะเป็นโปรดิวเซอร์ให้อัลบั้มตัวเองรึเปล่า
"ไม่ครับ เท่าที่คิดไว้ตอนนี้ผมก็คงหาโปรดิวเซอร์สักคนมาดูแลงาน ผมคิดว่าผมยังไม่เก่งพอ ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เรื่องอัลบั้มคิดว่าน่าจะมีประมาณต้นปีหน้าครับ แต่คิดว่าจะเข้ามาดูแลด้วยตัวเองน่าจะเกือบหมด อย่างที่บอกว่าผมอยากโตขึ้น ผมอยากเจออยากได้ทำงานตรงนี้เต็มที่ เพราะฉะนั้นแต่ละงานผมคงเข้ามาดูค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอ็มวี เรื่องคอนเซ็ปต์ต่างๆ"
มีสิทธิ์ดึง พี่บีม มาร่วมงานไหม
"มีสิทธิ์ครับ คือผมคุยกับทางพี่บีมแล้ว กับทาง โซนี่ บีเอ็มจี ก็ไม่ติดปัญหาอะไรของค่ายอยู่แล้วอย่างที่บอก ก็รอความลงตัวอีกทีนึงครับ"
เปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่
"ตอนแรกผมยาวมากกว่านี้ ยาวถึงบ่าเลยครับ คนหาว่าติสต์ ตอนนี้ก็ตัดแล้วนะครับ น้ำหนักลดลง มันก็ควรดูดีบ้าง ออกกำลังกายเพื่อเตรียมตัวทำอัลบั้มใหม่"
ก่อนหน้านี้หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องหลบซุ่มนักข่าวขนาดนั้น
"ไม่ได้ขนาดนั้น มีงานนึงที่ผมไป เป็นงานเปิดตัวอัลบั้มพี่บีม ผมก็อยากให้งานนั้นเป็นงานพี่บีม ผมรู้ว่าผมหายไปก็มีคำถามมากมายที่จะถามผม ผมอยากไปให้กำลังใจพี่บีมจริงๆ วันนั้นผมก็อยากให้ทุกคำถามเป็นคำถามเกี่ยวกับอัลบั้มพี่บีม และก็เรื่องราวของพี่บีมที่เกิดขึ้น ผมขอโทษจริงๆ นะครับ"
คาดหวังกับบ้านใหม่อย่างไรบ้าง
"เรื่องความเปรี้ยงปร้างอะไรนี่ไม่คิดเลยครับ ยิ่งคิดยิ่งกดดันแน่ๆ ผมคิดว่าถ้างานมันดีมันจะพลาดได้ยังไง แต่ถ้ามันพลาดมันไม่เปรี้ยงปร้างอย่างที่ทุกคนบอกจริงๆ มันก็เป็นที่ตัวผมเอง ผมทำผิดเอง ผมทำงานไม่ดีเอง"
ฝากอะไรถึงแฟนคลับที่ตั้งหน้าตั้งตารอ แดน อยู่
"ก็ขอบคุณมาก ขอบคุณทุกคนนะครับ ที่ยังเป็นกำลังใจให้ ยังเหมือนเดิมทุกๆ อย่าง กำลังใจรับรู้ได้ครับ ทุกๆ คนที่รอจะได้เห็นหน้าเราอีก มากกว่าคำขอบคุณก็คงไม่มีอะไรนอกจากนี้แล้วนะครับ ต่อไปนี้ก็อยากขอกำลังใจให้แดนต่อไปล่ะกันนะครับ แดนก็จะตั้งในทำงานดีๆ ให้เต็มที่ที่สุดครับ ขอบคุณครับ"
ต่อจากนั้นก็ได้เวลาที่ แดน จะเซ็นสัญญาต่อนักข่าวเพื่อเป็นสักขีพยานในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ งานนี้ยังมีกำลังใจดีๆ จาก "บี - พีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา" ผู้บริหารค่ายมาร่วมต้อนรับ รวมถึงเพื่อนศิลปินอย่าง "โต๋ - ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร" "แบรนด์นิว ซันเซท" "ลิปตา" และ "เซเว่นซีน" มาร่วมต้อนรับและแสดงความยินดีกับ แดน ด้วย