นภ เปิดใจเรื่องชีวิตคู่ พร้อมแง้มโครงการทำเพลงในอนาคต
หายหน้าหายตาไปนานหลายเดือนกับผู้ชายเสียงนุ่ม "นภ พรชำนิ" เขาหายไปไหน และทำอะไรมา นภ เปิดใจให้สัมภาษณ์ พร้อมทั้งจัดมินิคอนเสิร์ตให้แฟนๆ ที่คิดถึงได้ฟังกัน เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา อีกทั้ง นภ ยังได้เปิดเผยถึงชีวิตคู่กับ "เพลิน ประทุมมาศ" อย่างหมดเปลือก รวมทั้งโครงการด้านงานเพลงในอนาคตที่กำลังทำอยู่อีกด้วย
เล่าเรื่องชีวิตคู่ให้ฟังบ้าง
นภ "ก็เหมือนเดิมครับ เราได้มีโอกาสไปอยู่อเมริกามา 6 เดือน เพราะน้องเพลินไปเรียนปริญญาโทครับ ผมไปทำหน้าที่เป็นพ่อบ้าน ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาที่ซานฟรานซิสโก ก็ดูแลเพลินอย่างเดียว ขับรถไปส่ง ซักผ้า ถูบ้าน เป็นพ่อบ้าน แต่ทำกับข้าวไม่เป็นนะครับ ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนที่จะตั้งหลักอยู่ที่โน่นได้ ก็ใช้เวลาพอสมควรเลยครับ เพราะเราต้องอยู่ที่โน่น 2 ปี ตอนนี้ก็เริ่มปรับตัวได้แล้วครับ"
แล้วต้องอยู่ที่อเมริกาเลยหรือเปล่า
นภ "ก็ต้องอยู่อย่างน้อย 2 ปีครับ โชคดีที่ผมเคยไปอยู่ที่นั่นตอนไปเรียนครับ พอเพลินไปครั้งนี้ เราก็เลยทำหน้าที่ตรงนั้นได้ดี รู้ว่าจะต้องเช่าบ้านที่ไหน ซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ไหน พาเค้าไปทานข้าวที่ไหน เราก็รู้อยู่แล้ว อีกอย่างเราถนัดการเดินทางก็เลยสบายครับ ตอนนี้เลยรู้สึกว่าเหมือนเป็นคนซานฟรานซิสโกแล้ว"
นอกจากทำหน้าที่พ่อบ้านแล้ว ทำอะไรอีกบ้าง
นภ "ที่จริงก็เป็นพ่อบ้านอย่างเดียวเลยครับ คนจะไม่ค่อยทราบและไม่ค่อยมีโอกาสเหมือนผม คนข้างบ้านก็จะมาถามว่าเราทำอะไร เราก็บอกว่าเป็นพ่อบ้านจริงๆ ทุกคนก็หัวเราะกันหมดเลยครับ แต่ปรากฏว่าพ่อบ้านมีงานทำเยอะมากเลยครับ ทั้งซักผ้า เก็บผ้า ดูดฝุ่น ล้างจาน เลี้ยงหมา จ่ายตลาด ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้ทำหน้าที่นี้ ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะครับว่ามันไม่ใช่งานง่ายๆ เลย อยู่ที่เหมือนไทยก็มีคนทำให้ตลอด พออยู่ที่โน่นทุกอย่างต้องทำเองหมด และผมก็อยากให้เพลินเรียนอย่างเดียว เพราะเขาตั้งใจเรียนมากและเรียนหนักมาก เหนื่อยมาก ตั้งแต่ไปเรายังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย วิชาที่เพลินเรียนเป็นวิชาที่โหดอยู่แล้วครับ"
เพลิน เรียนเกี่ยวกับอะไร
นภ "เป็นวิชาเกี่ยวกับการสอนเด็กพิเศษ เช่น เด็กออทิสติก ซึ่งที่เมืองไทยไม่มี นั่นคือสาเหตุว่าทำไมต้องไปเรียนที่นั่น และเพลินเค้าชอบทำงานกับเด็ก ผมก็เลยอยากให้เขาตั้งใจเรียนเต็มที่"
แล้วอนาคตเรื่องทำเพลงล่ะ
นภ "มีครับ แต่อนาคตการทำเพลงของผม จะเปลี่ยนรูปแบบ คนฟังอยากฟังอะไร เราก็จะเขียนเพลงขึ้นมา อย่างผมมีโอกาสแต่งเพลงให้สมเด็จพระพี่นางฯ เราก็ร้องจบแล้วถวายท่าน ปรากฏว่าเพลงๆ นี้ ได้ไปถูกใช้ในอีกด้านหนึ่ง ไม่ได้ตั้งใจจะทำเพลงนี้มาร้องในงานพระศพของท่าน เราตั้งใจทำเพื่อเฉลิมฉลองพระชนมายุ 84 พรรษา แล้วพอมีคนให้ผมมาร้องตอนนี้ ผมร้องไม่ได้ เพราะเป็นคนละความรู้สึกกัน ตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้วก็ร้องลำบากครับ"
หลังจากที่ เพลิน จบแล้วจะกลับมาอยู่เมืองไทยหรือเปล่า
นภ "เพลินจะจบประมาณกลางปีหน้าครับ ความตั้งใจของเพลินเค้าอยากจะสอนเด็กที่มีปัญหาทางสมอง แต่ที่เมืองไทยยังไม่มีคนที่ทำด้านนี้อย่างจริงจัง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพลินจะทำได้แค่ไหน แต่เรามีความตั้งใจว่าเราอยากกลับมาช่วย ช่วยในที่นี้คือไม่ต้องจ่ายเงินก็ได้ ต้องช่วยจริงๆ ช่วยยังไงให้พ่อแม่ของเค้าอุ่นใจ แต่บ้านเราก็ยังไม่ค่อยรู้เลยว่ามีเด็กพิการกี่ชนิดในโลกนี้ จริงๆ แล้วมีเยอะมาก ใครไม่มีรายได้ พอมีลูกพิการก็เอาไปทิ้งไว้ที่บ้านปากเกร็ด ซึ่งในการดูแลแบบนี้ต้องใช้เงินเยอะ เพลินเค้าเสียสละเรื่องนี้ครับ ทั้งเวลาไปเรียน เรื่องเงินทอง เรายินดีที่จะลงทุนเพื่อกลับมาทำอะไรที่เป็นประโยชน์"
ไปอยู่เมืองนอกมานาน ไม่กลัวแฟนเพลงคิดถึงบ้างหรือ
นภ "อย่างที่ตอบไปแล้วว่าสิ่งที่เลือกทำก็คือชอบที่จะทำ ผมไม่ค่อยสนใจว่าใครจะคิดอย่างไร แต่ก็รู้ว่าทุกคนอยากฟังเพลงเรา ก็ได้อาศัยเวลาที่อยู่เมืองนอกเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แล้วเขียนเพลงขึ้นมา รับรองว่าดีแน่นอน"
แล้วเริ่มมีโครงการบ้างแล้วหรือยัง
นภ "ก็มี บอย กับ นภ ครับ เป็นภาคต่อของ Simplify เป็น Simplify 2 คงจะเสร็จประมาณปีหน้าครับ ถ้าเคยฟังชุดแรกจะเป็นอาร์แอนด์บี ชุดนี้จะร้องคนเดียวเลย ซึ่งผมเคยบอกพี่บอยว่าชุดนี้ขอร้องคนเดียวครับ รับรองว่าเจ๋งแน่นอน ตอนนี้เขียนไปประมาณ 5 เพลงแล้วครับ เพลงของผมจะเป็นเพลงที่ไม่ว่าใครจะทำอาชีพอะไร ก็สามารถใช้เพลงเราในการดำเนินชีวิตได้ ผมรู้เลยว่าพวกเขาต้องการฟังเพลงของเราอยู่ ซึ่งยังไม่เคยทำสักที ผมก็เลยคิดว่าชุดนี้จะทำให้คนฟังใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข ผมเชื่อว่าทุกคนต้องการกำลังใจซึ่งกันและกันครับ และปกติคนทำงานเพลงก็จะมี 2 ส่วนเสมอ คือ เพื่อขายหรือเพื่อศิลปะ แต่ของผมไม่ใช่ทั้งสองอย่าง แต่จะเป็นเพลงเพื่อคนฟัง ทำอย่างไรก็ได้ให้คนฟังมีความสุข ให้อิ่มกับการฟังเพลงครับ"
แล้วตอนนี้พร้อมมีลูกแล้วหรือยัง
นภ "ตอนนี้ยังครับ เพราะมีความสุขมาก และพอมีความสุขมากๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้เรารู้ว่ามันยากเหมือนกัน ที่วันนึงเราจะต้องจากกัน พอรักกันมาก แต่วันนึงก็ต้องจากกัน แล้วยิ่งช่วงนี้เป็นช่วงของการสูญเสีย อย่างเพลินก็เพิ่งเสียคุณปู่ หลายๆ คนก็เริ่มเสียญาติมิตร เราก็เริ่มรู้ว่าการเกิดก็คือการจาก มันเป็นความเศร้าอย่างหนึ่งด้วย เป็นเรื่องของธรรมะ ที่เราต้องเอาชนะตรงนี้ให้ได้ก่อน ผมยังรู้สึกยึดติดกับมันอยู่ครับ มันไม่ดีเท่าไหร่ ที่พอเรามีลูก แล้ววันนึงต้องจากกัน มันเป็นความเศร้ามากกว่าความยินดี"
หลังจากผ่านการสัมภาษณ์เดี่ยวของ นภ ไปแล้ว ก็มาถึงบทสัมภาษณ์ของคู่รักกันบ้าง
เล่าถึงตอนอยู่ที่อเมริกาให้ฟังบ้าง
เพลิน "สนุกมากๆ เลย เพราะเป็นอะไรที่ใหม่เหมือนกัน ตอนแรกก็ตื่นเต้น เพราะไม่เคยได้อยู่ด้วยกันที่เมืองนอกมาก่อน แต่เพลินเรียนหนังสือ ก็หนักเหมือนกัน ส่วนพี่นภจะคอยช่วยตลอดเลยค่ะ"
นภ "เป็นการอยู่ 2 คนจริงๆ ครั้งแรก ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าดูแลซึ่งกันและกันครับ และก็มีหมาอีกตัวนึง ซึ่งถือเป็นตัวที่ทำให้เรามีความรับผิดชอบ คอยแพลนว่าเราจะทำอะไรกันดี เพราะจะต้องมีเค้าไปด้วยทุกครั้ง พาไปทุกที่ เพราะที่อเมริกาให้หมาไปได้ทุกที่อยู่แล้ว ก็สนุกดีครับ"
เพลินเรียนเรื่องเด็กแล้วไม่อยากมีลูกหรือ
เพลิน "เพลินชอบเด็กนะคะ เวลาอยู่กับเค้าไม่เหมือนอยู่กับผู้ใหญ่ ก็อยากจะมีลูกนะ แต่ก็คงยังไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ เพราะอยู่ที่โน่นก็ไม่มีเวลาทำอะไรเลย ถ้าจะมีลูกคงต้องมีเวลาเยอะๆ"
นภ "สิ่งที่เพลินทำตอนนี้ เพลินเครียดมากนะครับ เพราะตอนเช้าต้องไปทำงานในสถานที่ที่มีน้องๆ ป่วยเป็นโรคทางสมอง ผมว่าความเครียดตรงนั้นอาจไม่เหมาะกับการมีลูกในตอนนี้ เพราะเพลินต้องทำงานหนัก ทั้งยกเด็ก พาเด็กเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม ซึ่งผมประทับใจมากที่เพลินทำได้ครับ"
แสดงว่าถ้ามีลูกของตัวเองคงพร้อมแน่นอน
นภ "พร้อมแน่นอนครับ เลี้ยงลูกตัวเองคงสบาย เพราะเค้าเลี้ยงลูกให้คนอื่นแล้ว ผมมั่นใจว่าถ้าเป็นพ่อแม่ต้องเป็นพ่อแม่ที่ดีแน่ๆ แต่เพลินยังไม่พร้อมครับ ถ้าเค้าเครียดแล้วเดี๋ยวลูกในท้องจะเครียดตามไปด้วยครับ"
ทำไมเพลินถึงเลือกเรียนด้านนี้
เพลิน "เพราะมีโอกาสไปทำงานกับเด็กพิเศษประมาณ 3 ปีแล้วค่ะ ตอนเริ่มทำงานก็ไม่รู้เลยว่าเป็นยังไง เพราะมันยังใหม่มาก คนที่เรารู้จักก็ไม่มีคนที่เป็นแบบนี้ พอได้ทำงานก็หลงรัก และอยากจะไปช่วยค่ะ ก็เลยตัดสินใจไปเรียนต่อทางด้านนี้ ตอนนั้นที่ไปทำงานก็ทำได้ แต่ยังไม่มีความรู้พอที่จะช่วยเด็กอย่างลึกซึ้งค่ะ"
แล้วจะกลับอเมริกาไปอีกเมื่อไหร่
นภ "คงหลังจากเสร็จงานคอนเสิร์ต บอย ป๊อด ครับ ประมาณต้นเดือนสิงหาคมครับ ไปอยู่อีก 6 เดือนและบินกลับมาใหม่ กลับมาอีกก็คงทำการกุศลครับ ผมตั้งใจไว้ว่าอยากทำอะไรให้สังคมเยอะๆ ครับ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเมื่อไหร่"
อยากฝากอะไรกับแฟนๆ ที่รอให้พี่นภกลับมาบ้าง
นภ "ผมก็คล้ายๆ ทุกคนครับ ยังทำงานที่ตัวเองรักอยู่เหมือนเดิม ยังตั้งใจผลิตผลงานเพลงอยู่เหมือนเดิม ถ้าคนยังคิดถึงงานของผม ปีนี้ผมยังมีงานเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง ความสุขของกะทิ ครับ ซึ่งรับรองว่าออกมาไพเราะสุดยอดแน่นอน ตอนนี้กำลังทำกันอยู่ แต่ถ้าเป็นเพลงทั้งอัลบั้มที่ผมร้องคงเป็นต้นปีหน้าครับ รับรองว่านภโตขึ้นเยอะมาก เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว อยากจะสร้างผลงานที่มีคุณค่าต่อสังคมไทย และช่วยเหลือสังคมเท่าที่พอจะทำได้ครับ ขอให้รอฟังผลงานของบอยกับนภปีหน้าด้วยนะครับ เป็นของขวัญแน่นอนครับ"
เมื่อเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ นภ และผองเพื่อนก็ร่วมกันจัดคอนเสิร์ตเล็กๆ ริมถนนพหลโยธิน ที่ไม่มีเครื่องเสียงมากมาย นอกจากวงดนตรี 1 วง และคนร้องอีก 1 คน โดย นภ ยังชวนคนที่มาแวะฟัง ร่วมทำบุญในโครงการสร้างโรงเรียนเพื่อเด็กปัญญาอ่อนของเพื่อนซี้ "ก้อ - ณฐพล ศรีจอมขวัญ"
นภ เริ่มด้วยเพลง "ฤดูที่แตกต่าง" ที่ถือว่าเป็นเพลงเปิดตัวเขาสู่สายดนตรีอย่างเต็มตัว ต่อด้วยเพลง "ดอกไม้" และมาถึงเพลงที่ไม่ได้ฟังกันมานานอย่างเพลง "ดาว" ก่อน นภ จะชวน "แชมป์ - ศุภวัฒน์ พีรานนท์" มาร่วมร้องในเพลง "เจ้าหญิง" ก่อนจะนำเพลงดังของ พี.โอ.พี. "ที่แห่งนี้" กลับมาร้องอีกครั้ง ต่อด้วยเพลง "ห่างไกลเหลือเกิน"
นอกจากนี้ นภ ยังได้ชวนพี่ชายเจ้าของผลงานเพลงเกือบทั้งหมดที่เขาร้องในวันนี้อย่าง "บอย โกสิยพงษ์" มาร้องคู่กันในเพลง "โฮม" บนเก้าอี้ไม้สีขาวท่ามกลางบรรยากาศสบายยามเย็น ก่อนจะปิดท้ายกับเพลง "ลมหายใจ" ที่ได้ แชมป์ มาร่วมร้องอีกครั้ง จากนั้นสมาชิกครอบครัวและคนสนิทของ นภ ก็ออกมาถ่ายรูปร่วมกัน ซึ่ง นภ ได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่มาฟังเพลงในวันนั้น รวมทั้งขอบคุณผู้ที่ช่วยบริจาคเงินสมทบทุนสร้างโรงเรียน ถือเป็นการชมมินิคอนเสิร์ตที่สร้างอบอุ่นและความสุข แล้วยังได้อิ่มบุญกันถ้วนหน้าอีกด้วย