ฉลองครบรอบ 30 ปี อัลบั้ม Parallel Lines ไปกับ บลอนดี้
"Parallel Lines" อัลบั้มชุดที่ 3 ซึ่งเคยทำยอดจำหน่ายมากกว่า 20 ล้านแผ่นทั่วโลกให้กับ "บลอนดี้" (Blondie) วงร็อกอเมริกันที่โด่งดังในยุค 70 ในฐานะวงที่บุกเบิกดนตรีพังก์ร็อกและนิวเวฟในอเมริกา จะถูกนำมาจำหน่ายอีกครั้ง ในโอกาสฉลองครบรอบ 30 ปีนับแต่วางขายอัลบั้มนี้ไปในปี 1978
"เด็บโบร่าห์ แฮร์รี่" (Deborah Harry) นักร้องนำ กล่าวว่า "ตอนนั้นเราดังไปทั่วโลก ทั้งในยุโรป ในสหราชอาณาจักร ในออสเตรเลีย" เธอเล่าถึงอดีต "แต่การเป็นที่นิยมที่บ้านเกิดของเราเอง หลังจากเดินทางแสดงสดอยู่นานถึง 3 ปีน่ะ เป็นเรื่องสำคัญมากเลยสำหรับเรา"
ทั้งนี้ วงไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มการฉลองครบรอบ 30 ปี เด็บโบร่าห์ เล่าพลางหัวเราะ "ค่ายอีเอ็มไอชอบทำแบบนี้บ่อยๆ พวกเราไม่ได้มานั่งนับวันนับชั่วโมงกันแบบนั้น" แต่เธอและเพื่อนๆ ในวง ต่างก็มีความสุขกับโอกาสนี้
อัลบั้ม Parallel Lines ฉบับครบรอบ 30 ปี จะวางแผงวันที่ 24 มิถุนายน 2008 โดยมี 12 เพลงครบถ้วนเหมือนฉบับดั้งเดิม แถมใจดีเพิ่มให้อีก 4 เพลง ได้แก่ "Heart of Glass" ในแบบซิงเกิล 7 นิ้ว "Sunday Girl" ฉบับภาษาฝรั่งเศส รวมถึง "Fade Away And Radiate" และ "Hanging On The Telephone" ในแบบรีมิกซ์ นอกจากนี้ยังมีดีวีดีที่รวมมิวสิกวิดีโอและการแสดงสดในรายการ ท็อป ออฟ เดอะ ป๊อปส์ ของสถานีโทรทัศน์ บีบีซี ด้วย
นอกจากอัลบั้มที่นำมาวางขายใหม่แล้ว ในโอกาสเดียวกันนี้ บลอนดี้ จะการเปิดการแสดงสด "Parallel Lines 30th Anniversary Tour" ในหลายที่ โดยเริ่มแสดงวันแรกที่บัลติมอร์ ในวันที่ 5 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ และตระเวนไปทั่วสหรัฐอเมริกา ยุโรป รัสเซีย และ อิสราเอล โดยทางวงตั้งใจไว้ว่าจะเล่นเพลงในอัลบั้มยอดนิยมนี้ให้ครบทุกเพลง "มีสองสามเพลงที่เราอยากเล่นให้ฟังดูพังก์ขึ้นกว่าเดิม" เด็บโบร่าห์ กล่าว แต่ปฏิเสธที่จะระบุว่าหมายถึงเพลงใด
หลังจากที่แตกวงไปในปี 1982 บลอนดี้ ก็กลับมารวมตัวกันใหม่ในปี 1997 และออกอัลบั้ม "No Exit" ในปี 1999 กับอัลบั้ม "The Curse of Blondie" ในปี 2004 ดังนั้นแฟนเพลงจึงคาดหวังว่าการตื่นตัวครั้งนี้อาจทำให้พวกเขาได้ฟังเพลงใหม่ๆ ของวงอีกครั้ง เด็บโบร่าห์ ซึ่งออกอัลบั้มเดี่ยว "Necessary Evil" ในปี 2007 เองก็เห็นว่างานนี้ทำให้สมาชิกวงกลับมาใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่เธอไม่มั่นใจว่าจะทำให้ บลอนดี้ มีงานใหม่ๆ ตามออกมาอีกหรือไม่
"ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าบลอนดี้จะมีงานใหม่ๆ ออกมาอีกไหม เราเปิดรับโอกาสที่จะได้ทำอะไรใหม่ๆ กันอยู่แล้ว แต่ก็ขึ้นกับอุตสาหกรรมดนตรีด้วย มันค่อนข้างยาก โดยเฉพาะสำหรับวงที่หายหน้าไปนานอย่างเรา" เด็บโบร่าห์ อธิบาย "คนในอุตสาหกรรมดนตรีไม่ได้คาดหวังอะไรใหม่ๆ จากเราแล้ว มันก็เลยทำให้พวกเรารู้สึกเหมือนค้างอยู่ที่เดิม เราจะรอดูแล้วกันว่าจะเป็นยังไงต่อไป"