ร่วมลุ้นวินาทีสำคัญของเหล่านักล่าฝันในคอนเสิร์ต เอเอฟ 4
จากการขับเคี่ยวของ 12 นักล่าฝันที่อยู่กินร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในบ้านยาวนานถึง 3 เดือน จนเหลือ 6 นักล่าฝันที่เข้ามาชิงชัยในรอบสุดท้ายของคอนเสิร์ต อคาเดมี แฟนเทเชีย ฤดูกาลที่ 4 ซึ่งจัดขึ้น ณ อิมแพ็ก อารีน่า เมืองทองธานี เมื่อวันเสาร์ที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมีเหล่าบรรดาแฟนคลับตามมาเชียร์นักล่าฝันที่ตัวเองชื่นชอบกันอย่างล้มหลาม เรียกได้ว่าเป็นกองเชียร์กีฬาสีย่อยๆ กันเลยทีเดียว
เสียงกรี๊ดดังขึ้นภายในฮอลล์เพื่อต้อนรับความตื่นเต้นที่กำลังจะมีให้ชมตลอดเกือบ 3 ชั่วโมงหลังจากนี้ เมื่อพิธีกรดำเนินรายการ "ต้อย - เศรษฐา ศิระฉายา" ออกมากล่าวต้อนรับทักทายคนดูพร้อมแนะนำคอมเม้นต์เตเตอร์ 3 ท่าน คือ "ไก่ - สุธี แสงเสรีชน" "เอ๋ - นรินทร ณ บางช้าง" และ "ปั๋ง - ประกาศิต โบสุวรรณ" ก่อนจะบอกกับคนดูให้เต็มที่กับความสนุกสนานที่เหล่านักล่าฝันเตรียมเอาไว้ให้ทุกคนในค่ำคืนนี้
เปิดฉากคอนเสิร์ตเมื่อเหล่านักล่าฝันทั้ง 6 คน ประกอบไปด้วย "นัท - ณัฐ ศักดาทร" "พะแพง - ศุภรดา เต็มปรีชา" "มิวสิค - รัชพล แย้มแสง" "ต้อล - วันธงชัย อินทรวัตร" "ลูกโป่ง - ภคมน บุณยะภูติ" และ "ปอง - สิริเนตร ทำประโยชน์" ออกมาร้องเพลง "อคาเดมี แฟนเทเชีย" ร่วมกัน
หลังจากเพลงที่ทั้ง 6 คนร้องร่วมจบลง ก็ถึงเวลาของการร้องเพลงเดี่ยวของแต่ละคน โดยเริ่มจาก ปอง สาวน้อยที่ถูก นัท เลือกเข้ามาในบ้าน 2 สัปดาห์สุดท้าย ออกมาถ่ายทอดบทเพลงเก่าของ ติ๊นา - คริสติน่า อาร์กีล่า ในเพลง "หัวใจขอมา" โดยเพลงที่ ปอง เลือกมีนัยถึงการที่เธอได้กลับมาร้องเพลงบนเวทีนี้และขอสูดความฝันของตัวเองให้ชื่นใจอีกครั้งหนึ่ง
เรียกเสียงกรี๊ดได้สนั่นฮอลล์อีกครั้ง เมื่อลิงน้อย มิวสิค ออกมาโชว์พลังเสียงในเพลง "เธอผู้ไม่แพ้" ของ เบิร์ด - ธงไชย แมคอินไตย์ ที่ เอ๋ ยังเอ่ยปากชมว่า "มิวสิค เป็นคนที่มีเนื้อเสียงที่พระเจ้าให้มาและเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง" ทำเอาเจ้าตัวยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว ต่อด้วย นัท ที่สวมมาดผู้ชายสุขุมมาขับกล่อมบทเพลง "You Light Up My Life" ที่เขาหยิบยืมเวอร์ชั่นของ เวสต์ไลฟ์ มาร้องใหม่ สะกดคนดูให้ตราตรึงไปกับเสียงที่นุ่มนวลและทรงพลังของเขาได้ตลอด 3 นาที
มาถึงนักล่าฝัน ต้อล มาในเพลง "เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป" ของวง แคลช ด้วยน้ำเสียงที่บาดลึกและกินใจ ตามมาด้วย สาวน้อยแสนซน พะแพง สลัดความห้าวออกมาครวญเพลง "รักครั้งสุดท้าย" ของ โบ - สุนิตา ลีติกุล ได้อย่างเศร้าซึมลึก เรียกเสียงปรบมือจากคนดูไปเต็มๆ
และฝ่ายหญิงคนสุดท้ายที่ได้ออกมาร้องเพลงช้าปิดช่วงแรก คือ ลูกโป่ง นักล่าฝันผู้ได้ฉายาเป็นหนึ่งในตัวแม่ของบ้านเอเอฟ คราวนี้เธอมาขอพ่นไฟในเพลง "And I'm Telling You I'm Not Going" ของ เจนนิเฟอร์ ฮอลลิเดย์ ซึ่งเธอโชว์พลังเสียงและความทุ่มเทจนทำเอาคนดูทั่วทั้งฮอลล์จดจ้องเธอเป็นจุดเดียว ถึงขนาด ปั๋ง ยังพูดว่า "โชว์นี้เป็นโชว์ที่ดีที่สุดในค่ำคืนนี้" ทำเอา ลูกโป่ง หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
มาถึงช่วงที่ 2 ของคอนเสิร์ต เมื่อบรรดานักล่าฝันทั้ง 6 คนจะต้องออกมาร้องเพลงเร็วกันอีกคนละ 1 เพลง โดยเริ่มจากชายหนุ่มกันบ้าง เมื่อ นัท ออกมาสร้างความคึกคักให้คนดูด้วยเพลง "ต้องดีกว่าเก่า" ของ ตั้ม - สมประสงค์ สิงหวนวัฒน์ ตามด้วย สาวปอง มาพร้อมกับความร่าเริงสดใสในเพลงเกาหลี "Never Say Goodbye" ของ มาริโอ แอนด์ เนสตี้ ซึ่งเป็นเพลงประกอบละครเกาหลีเรื่อง My Girl แม้จะมีผิดคีย์ไปบ้าง แต่ ปอง ก็ทำออกมาได้อย่างน่ารักน่าหยิก
ปลุกเร้าความมันให้ทะลุปรอทเมื่อ พะแพง ทุ่มสุดตัวกับเพลง "Bring Me To Life" ของวง อีวาเนสเซนส์ ได้อย่างมันสะใจ จน เอ๋ ถึงกับชมว่า "จากเอเอฟทั้ง 4 ซีซั่น พะแพง เป็นผู้หญิงคนเดียวที่เหมาะกับเพลงร็อก และพี่ขอมอบตำแหน่งร็อกเกอร์สาวคนต่อไป เพราะพี่แก่แล้ว" สร้างรอยยิ้มให้กับสาวห้าวคนนี้เป็นกอง
ต่ออารมณ์ความมันกันต่อด้วยเพลงร็อกหนักๆ "ส้มหล่น" ของวง ไมโคร ที่ได้ ลูกโป่ง นำกลับมาร้องใหม่ในแบบของเธอ ปลุกคนดูให้ลุกขึ้นเต้นและร้องตามกันไปทั่วทั้งฮอลล์ ตามมาด้วย ต้อล ที่ออกมาลดระดับความแรงลงด้วยเพลงจังหวะปานกลางเรียกคะแนนสาวๆ ด้วยเพลง "โปรดส่งใครมารักฉันที" ของวง อินสติงค์
ทำเอาคนทั้งฮอลล์ใจหาย เมื่อ ต้อย บอกกับทุกคนว่า มิวสิค ไม่สบายมากและเป็นลมจนต้องฉีดยาถึง 2 เข็ม แต่ไม่ว่าอย่างไร มิวสิค ก็สวมวิญญาณศิลปินลุยต่อไปแม้ร่างกายไม่พร้อม ในเพลง "เพียงพอ" ของวงโปเตโต้ ซึ่งเขาก็ร้องได้อย่างมันสะใจจนคนดูโยกหัวและกระโดดตามกันเป็นทิวแถว เท่านั้นไม่พอ มิวสิค ยังถอดเสื้อแจ็กเก็ตและกระโดดไปตามจังหวะเพลงจนไมโครโฟนหล่น สร้างเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือให้กับน้ำใจนักกีฬาของเขาในวันนี้ เป็นการปิดท้ายช่วงที่ 2 อย่างสมบูรณ์แบบ
ก่อนเข้าช่วงวินาทีสำคัญ ต้อย ถ่วงเวลาเพื่อให้เหล่าแฟนคลับกระหน่ำโหวตเทคะแนนให้นักล่าฝันที่ตัวเองชื่นชอบ โดยมีการแสดงพิเศษจาก 6 นักล่าฝันที่ออกจากบ้านไปแล้วมาคั่นเวลา ซึ่งพวกเขาออกมาร้องเพลง "รู้กันในใจ" เป็นเพลงที่เหล่านักล่าฝันช่วยกันแต่งเนื้อร้องและทำนองกันขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ
และแล้วช่วงเวลาบีบหัวใจก็มาถึงเมื่อผู้เชิญผลประกาศรางวัลเดินขึ้นมาบนเวทียื่นผลให้ ต้อย เป็นคนประกาศ โดยตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับห้าตกเป็นของ ปอง ก่อนที่จะประกาศผลรองชนะเลิศอันดับที่ 4 ซึ่ง ลูกโป่ง ได้รับตำแหน่งนี้ไปท่ามกลางเสียงฮือฮาไปทั้งฮอลล์ ขณะที่ มิวสิค คว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 3 ไปครอง
ง่วนเข้ามาทุกขณะ เมื่อเหลือนักล่าฝันอีก 3 คน คือ นัท ต้อล และ พะแพง ท่ามกลางความลุ้นระทึกของบรรดาแฟนคลับ และเสียงกรี๊ดก็ดังกระหน่ำฮอลล์อีกครั้งเมื่อ ต้อย ประกาศชื่อ พะแพง เป็นผู้ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 2 เหลือเพียงนักล่าฝันที่เป็นผู้ชายทั้งคู่
นัท และ ต้อล ยืนคู่กันเพื่อรอฟังผลชนะเลิศ ต้อย สร้างความตื่นเต้นให้ทั้งผู้แข่งขันและคนดูเข้าไปอีกด้วยการชูรางวัลขึ้นมาเหนือศีรษะของนักล่าฝันทั้งคู่ก่อนที่จะยื่นให้กับ นัท เป็นผู้คว้ารางวัลชนะเลิศบนเวทีประกวดอคาเดมี แฟนเทเชีย ฤดูกาลที่ 4 ได้สำเร็จ ท่ามกลางความปลื้มปิติและสร้างเสียงกรี๊ดจากคนดูทั่วทั้งฮอลล์ โดย ต้อล ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 ไป
หลังจากช่วงเวลาสำคัญผ่านพ้นไป งานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา เมื่อเหล่านักล่าฝันในบ้านทั้ง 12 คนออกมาร้อง เพลง "อคาเดมี แฟนเทเชีย" ร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย โดยมีครูผู้สอนขึ้นมามอบรางวัลให้กับทุกคนบนเวทีสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นชื่นมื่นและประทับใจไปทั่วงานคอนเสิร์ต
แต่คอนเสิร์ตยังไม่จบเพียงเท่านี้เมื่อไฟบนเวทีสว่างขึ้นอีกครั้งและเหล่านักล่าฝันจาก เอเอฟ 4 ทั้งหมด 20 คน ออกมาร้องเพลง "อคาเดมี แฟนเทเชีย" ด้วยกัน ทำเอาคนดูกรี๊ดกันจนเสียงแหบเสียงแห้ง เป็นการปิดฉากคอนเสิร์ต อคาเดมี แฟนเทเชีย ฤดูกาลที่ 4 ได้อย่างสวยสดและงดงาม อีกฤดูกาลหนึ่ง