งานเพลงชุดใหม่ที่จะพาคนฟังก้าวสู่เส้นทางของ ฟาเรนไฮต์

"ฟาเรนไฮต์" (Fahrenheit) วงร็อกคุณภาพที่มีแนวทางดนตรีเป็นของตัวเองอย่างชัดเจน กับสมาชิกในวงซึ่งเชื่อมั่นในฝีมือได้อย่าง "ใหญ่ - กิตติศักดิ์ โคตรคำ" (กลอง) อดีตสมาชิกจากวง โลโซ "เชษฐ์ - พิเชษฐ์ เครือวัลย์" (กีตาร์) อดีตสมาชิกจากวง วายน็อตเซเว่น และสาวเพียงหนึ่งเดียวในวง "ทราย - พิราพร พรานพนัส" (ร้องนำ) ซึ่งการกลับมาในชุดที่ 2 พวกเขาก็ยังมีสมาชิกคนใหม่ ที่ประสบการณ์ทางดนตรีไม่ใหม่มาแนะนำกันด้วย คือ "เอก - อาคม นุชนิล" (เบส) ซึ่งเป็นอดีตสมาชิกจากวง แท็กซี่

อัลบั้มลำดับ 2 ของพวกเขามีชื่อว่า "Fahrenheit Way" ซึ่งในความหมายที่จะบ่งบอกได้ว่าบนถนนสายนี้ พวกเขากำลังจะก้าวเดินไปในทิศทางใดนั้น คำตอบคงอยู่ที่การพูดคุยกับเหล่าสมาชิกทั้ง 4 นั่นเอง

มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกใหม่

ใหญ่ "ครับ มือเบสที่เข้ามาใหม่ จะแนะนำอย่างเป็นทางการนะครับ จริงๆ เอกก็มาเล่นกับฟาเรนไฮต์ได้หลายเดือนแล้วครับ เป็นสมาชิกใหม่นะครับ มาแทน รัฐ (อภิรัฐ สุขจิตร์) ที่ออกไป"

แสดงว่า แท็กซี่ ก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

เอก "แท็กซี่นี่ก่อนจะมีการออกอัลบั้มที่แล้วก็มีการคุยกันว่าเราจะหยุดพักก่อนครับ ก็แยกกันไปเลย พอดีผมซึ่งมีโอกาสไปเล่นให้พี่ป้อมกับพี่โต๊ะ ซึ่งใหญ่ก็ชวนไปเล่นก่อน หลังจากเล่นเสร็จแล้วทางวงฟาเรนไฮต์ก็ต้องการมือเบสใหม่พอดีครับ"

แล้วฟาเรนไฮต์ต้องมีการปรับตัวอะไรหรือเปล่า

ใหญ่ "ตอนนี้ก็ลงตัวที่สุดแล้วผมว่า เพราะว่าเอกเค้าจะมีในสิ่งที่เราขาดไป เช่น เรื่องของไอเดีย เรื่องของแนวเพลงที่มันแบบว่านำสมัย"

เอ� " แล้วก็หน้าตาที่ดี (หัวเราะ)"

ใหญ่ "ก็คงต้องบอกว่าไม่เลวร้ายลงไปแน่นอน ก็คือดีขึ้น ซึ่งจะมากน้อยก็แล้วแต่ครับ"

ความหมายของชื่ออัลบั้ม

ทราย "Fahrenheit Way ก็ตอนแรกคิดนานมากค่ะ กับคำนี้ แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็มาคิดกับทีมครีเอทีฟด้วย แล้วก็พวกเรา 4 คนเลยได้เกิดคำนี้มาว่าชุดนี้จริงๆ ทิศทางพวกเราก็ทำกันเอง ดูแลกันเอง และนี่ก็คือสิ่งที่เราอยากจะนำเสนอให้ทุกคนได้เห็นว่านี่ล่ะคือวิถีของ ฟาเรนไฮต์ ก็เลยเลือกเอาคำนี้แล้วกัน Fahrenheit Way แล้วพวกเราก็ อือๆ ใช่เลยค่ะ"

ชุดนี้ทรายได้มีโอกาสแต่งเพลงด้วย

ใหญ่ "ครับ ก็ต้องเท้าความกันนิดนึง วงฟาเรนไฮต์นี่กว่าจะตั้ง กว่าจะอะไรขึ้นมาได้ก็ลำบาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการหานักร้อง เรื่องของชีวิต เรื่องอะไรต่างๆ เพราะว่าผมกับพี่เชษฐ์เนี่ยเป็นคนตั้งวงนี้ขึ้นมา ทีนี้เราก็หาอีกคนที่เป็นนักร้อง เราเองก็ต้องแต่งเพลงด้วย อย่างทราย เราขอให้เค้าผ่านในเรื่องของการเป็นนักร้องก่อน ซึ่งในชุดแรกทรายเค้ายังไม่ได้แต่งเพลง ยังไม่ได้ร่วมทำเพลงกับเรา ให้ร้องอย่างเดียวก่อน"

ทราย "ก็คือพี่ๆ เค้ามีเพลงพร้อมอยู่แล้ว ทรายมาก็แค่มาร้องแค่นั้นเอง แต่ในชุดนี้จะแตกต่าง คือทรายได้ร่วมคิดไปด้วย ได้คิดเมโลดี้ร่วมกัน แล้วก็ยังมีแต่งเพลงด้วย คือเรา 4 คนจะปรับเข้าหากัน ไม่ใช่ว่าทรายปรับเรื่องการทำงานนี้อย่างเดียว พี่ๆ เค้าก็ปรับ คือต่างคนต่างปรับน่ะค่ะ ด้วยลักษณะการใช้ชีวิต ด้วยอะไรต่างๆ ที่ต่างกันน่ะค่ะ คงไม่ใช่อะไรที่มาปุ๊บแล้วลงล็อกทันที ต้องมีปัญหาบ้าง แต่เป็นอะไรที่เล็กน้อยมาก แล้วเราก็สามารถคุยแล้วก็เข้าใจกันได้ง่าย คือ 4 คนเราจะค่อยๆ ปรับ เลยกลายมาเป็นอะไรที่ดีค่ะ"

พูดถึงเพลงที่ทรายแต่งหน่อย

ทราย "สำหรับชุดนี้ เพลงที่ทรายเขียนจริงๆ เลยเนี่ยมีแค่เพลงเดียว คือทรายจะมีแต่งทำนองเพลงหนึ่ง แต่งเนื้อเพลงหนึ่ง ชื่อเพลง ภาพเธอ เพลงนี้ลักษณะดนตรีจะเป็นอะคูสติกน่ะค่ะ คือฟังง่าย แล้วก็แบบมีกลิ่นของคันทรีนิดๆ นอร่า โจนส์ อะไรแบบนี้นิดๆ น่ะค่ะ เนื้อเพลงเนี่ย ทรายก็แต่งเหมือนกับว่าเรามีความรู้สึกชอบผู้ชายคนหนึ่ง คือเหมือนกับเป็นการพร่ำพรรณนาของเราน่ะค่ะ คอนเซ็ปต์คือเราชอบผู้ชายคนหนึ่ง แต่สุดท้ายผู้ชายคนนี้ก็เป็นแค่ภาพๆ หนึ่งที่อยู่ในห้องของเราเท่านั้นเอง แล้วก็ผู้ชายคนนี้เค้าก็มีแฟนแล้วด้วยอะไรแบบนี้"

ใหญ่ "แล้วเพลงนี้ก็มีความน่าสนใจตรงที่ว่าเป็นเพลงที่ไม่มีท่อนฮุก ก็คือตอนที่เราแต่งเมโลดี้ออกมา ก็รู้เลยว่าน่าจะทำเป็นแบบว่าเล่าอะไรออกมาเรื่อยๆ แต่ต้องสรุปได้ ก็เป็นโจทย์ที่ยากอยู่เหมือนกันสำหรับคนที่แต่งเนื้อครั้งแรก"

ชุดนี้การร้องของทรายดูจะสบายขึ้นหรือเปล่า

ทราย "สบายขึ้นมั้ยเหรอ ทรายว่าชุดนี้จริงๆ นะ ถ้าใจทราย ทรายว่าชุดนี้ร้องยากกว่าชุดที่แล้ว แต่ว่าชุดนี้มีความเป็นตัวตนมากกว่าชุดที่แล้ว วิธีการร้องเหมือนกับเป็นตัวเรา แต่การร้องเนี่ยยากกว่าชุดที่แล้วค่ะ"

ใหญ่ "ยกตัวอย่างนะอย่างชุดที่แล้ว เราได้ยินเสียงของทรายไม่ว่าจะเป็นเพลงช้าหรือเพลงเร็ว เสียงจะเป็นเหมือนเดิมหมดเลย เหมือนกับบีบออกมาเพื่อให้มันใหญ่ แต่ชุดนี้บางเพลงจะร้องใสๆ เลย คือตามอารมณ์ของเพลง"

ความแตกต่างของชุดนี้กับชุดที่แล้ว

เอก "ผมว่าทั้งหมดเลย เพราะยังไงภาพลักษณ์ก็ต้องเปลี่ยนครับ เพราะว่ามือเบสเปลี่ยนแล้ว ชุดนี้ผมว่ามันอิสระกว่า แล้วก็ธรรมชาติกว่า ไม่ได้ว่าอะไรจะดีกว่ากันนะ แต่รู้สึกว่าเปลี่ยนไปเลย"

เชษฐ์ "เราได้ดูแลตัวเอง ทำกันเอง ได้โปรดิวซ์กันเอง ตัดสินใจกันเองด้วย หาแนวทางเอง"

ใหญ่ "เพลงชุดที่แล้วเราก็แต่งเองทำกันเองอยู่แล้ว แต่ว่าต้องมีคนมาโปรดิวซ์ คือคนที่เค้ามาตัดขอบ เค้ามาดูแลต่างๆ เค้าเหมือนจะมีวิธีของเค้าอยู่แล้ว เพลงมายังไง ก็รู้สึกว่าจะต้องบีบให้อยู่ในกรอบของเค้า"

ฝากอัลบั้มกับแฟนเพลง

ทราย "ชุดนี้พวกเราก็มีโอกาสทำงานด้วยตัวเอง เต็มที่มากๆ ก็อยากให้พี่ๆ สื่อแล้วก็ผู้ฟัง แฟนเพลงทุกคนลองฟัง ติดตามผลงานของพวกเราแล้วกัน 11 เพลงค่ะ ทรายเองก็มีโอกาสได้แต่งเนื้อกับแต่งทำนองด้วย ชุดนี้ก็สุดๆ เลยอยากให้ฟังกัน แล้วก็ไม่อยากให้ซื้อของปลอมเท่าไร เพราะว่ากว่าจะได้แต่ละเพลงของเราเนี่ย ก็คือว่าค่อนข้างเหนื่อย แล้วก็ยากเหมือนกันกว่าจะคิดออกมาได้ เป็นความเหนื่อยของเรา แล้วก็ตั้งใจมากๆ ด้วย อยากให้เอาใจช่วยกัน แล้วก็อุดหนุนของแท้ดีกว่าค่ะ"

ใหญ่ "เรามั่นใจว่าของเรามีอะไรที่หลากหลาย แล้วก็มีความใหม่ที่จะเสนอมันออกมา แต่คือไม่ใช่ใหม่แบบหลุดโลกนะ บางเพลงจะเหมือนเพลงย้อนยุค บางเพลงก็เมทัลเลยนะ อยากให้ฟังกัน"

เชษฐ์ "อยากให้ฟังทุกเพลง ไม่ใช่แต่เพลงที่โปรโมตครับ ลองดูในนั้นว่ามีอะไรน่าสนใจ เราตั้งใจทุกเพลงครับ"

หากมั่นใจแล้วว่าอยากจะก้าวเข้าสู่ถนนชื่อ Fahrenheit Way สายนี้ ก็พบกับพวกเขาได้แล้วตั้งแต่ 26 กันยายน นี้เป็นต้นไปทุกแผง