เรียนรู้ตัวตนของชายหนุ่มผิวเข้มอารมณ์ดีที่มีชื่อว่า อาหรั่ง

"อาหรั่ง - อาณัติ สายทวี" ชายหนุ่มที่เป็นที่รู้จักในวงกว้างจากการเป็นนายแบบโฆษณาสินค้าคู่กับ แดน - วรเวช ดานุวงศ์ หนึ่งในสมาชิก ดีทูบี สร้างกระแสปากต่อปากถามไถ่ว่าเขาคนนี้คือใครกัน ซึ่งในวันนี้ทุกคนจะรู้จักเขาดีขึ้น กับอีกหนึ่งบทบาทที่เผยตัวตนของเขา ผ่านทางบทเพลงในอัลบั้มแรกที่ชื่อว่า "อาหรั่ง" ที่เปิดตัวด้วยเพลง "ทำบ้าอะไร" โดย อาหรั่ง จะมาเล่าให้ฟังกันว่ากว่าจะมายืนในเส้นทางสายดนตรีได้นี้ เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง และการทำงานเพลงในอัลบั้มชุดแรกนี้เป็นอย่างไร

ที่มาของชื่อ อาหรั่ง

"จริงๆ ชื่อ อาหรั่ง เลยครับ ไม่มีแบบว่ามาเติมคำว่า อา เพื่อออกอัลบั้ม แล้วจะได้กิ๊บเก๋ยูเรก้า คือว่าอาหรั่งแท้ๆ 100 เปอร์เซ็นต์เลยครับ คือจริงๆ อาหรั่งมีฝาแฝดที่ชื่อ อาบัง ซึ่งตอนที่เกิด แม่จะคลอดโดยการผ่า ถ้าการผ่าเนี่ยใครออกมาก่อนจะเป็นน้อง ไม่เหมือนกับถ้าเป็นการคลอดใครออกมาก่อนจะเป็นพี่ แล้วอาบังออกมาก่อน แล้วอาบังก็ดำมาก ปากเขียว ดำปิ๊ดเลย คุณพ่อคุณแม่ก็รวมหัวกันคิดว่าชื่ออาบังเลย เพราะเหมือนแขก อาบังขายถั่วครับ

แล้วพอคุณหมอเอาอาหรั่งออกมาบ้าง แล้วอาหรั่งขาวมาก ปากแดง หัวแดงอะไรเงี้ยครับ คุณพ่อคุณแม่ก็เลยตั้งชื่อว่าหรั่งเพราะว่าเหมือนฝรั่ง แล้วหรั่งคำเดียวก็ไม่ใช่แฝดสิ เพราะแฝดต้องมีอะไรที่เหมือนกันหน่อย เพราะผิวก็ไม่เหมือนกันแล้ว ทีนี้เอาคำว่าอานี่แหละ เลยเป็นอาบังกับอาหรั่ง แต่พอโตมาแล้วก็ดำเหมือนกันแหละครับ (หัวเราะ)"

เข้าวงการบันเทิงมาได้ยังไง

"เข้ามาประมาณ ม.4 ม.5 ครับ อาหรั่งอยู่ต่างจังหวัดที่อุตรดิตถ์ ทุกๆ ปิดเทอมก็จะเข้ามากรุงเทพฯ มาอยู่กับคุณยาย วันนั้นไปเดินเล่นกับเพื่อนที่ห้างแล้วมีโมเดลลิ่งมาติดต่อขอเบอร์ครับ ให้ไปถ่ายรูปเก็บไว้ที่โมเดลลิ่ง แล้วเค้าก็ส่งไปให้แคสต์โฆษณา ก็เลยเริ่มเข้าวงการจากงานโฆษณาครับ แล้วช่วงปี 2004 มีประกวดพานาโซนิกสตาร์ชาเลนจ์ หรั่งก็ได้ไปประกวดครับ ก็ได้แชมป์ภาคเหนือ รางวัลนักร้องยอดเยี่ยมของภาคเหนือ ก็เลยได้เป็นตัวแทน 8 คนสุดท้ายของประเทศ ซึ่งเป็นที่มาของการเซ็นสัญญากับบริษัทอาร์เอสครับผม"

มีความสามารถในการเล่นจะเข้ด้วย

"เล่นตอนประถมครับ ตอนนั้นมีการเรียนวิชาดนตรีไทย อาจารย์ให้เล่นอะไรก็ได้ แต่พอลองจับจระเข้ อาจารย์ก็บอกว่าเล่นได้นี่หว่า อาจารย์ก็เรียกให้เป็นนักดนตรีไทยของโรงเรียน ก็เลยได้เล่นดนตรีไทย คือวงของโรงเรียนครับ แล้วก็ถูกส่งไปประกวดเรื่อยมา ส่วนกีตาร์ก็เล่นได้ แต่ไม่เก่งเหมือนในโฆษณา อันนั้นเก่งเกินไปครับ เก่งเว่อร์"

เริ่มทำอัลบั้มนี้เมื่อไร

"ถ้ารวมการเตรียมตัวด้วยก็คงจะประมาณปีกว่าๆ นั่นแหละ เพราะตั้งแต่ที่ผมเข้ามาทำสัญญากับอาร์เอส ก็ได้มาเข้าคอร์สกับทางบริษัทที่ได้จัดไว้ให้ มีเรียนร้องเพลง เรียนแอ็กติ้ง เรียนเต้น เรียนพูด เรียนการแสดง ทุกอย่างเลย คือศิลปินทุกคนต้องมีการพัฒนาด้านนี้ด้วย คือต้องให้พร้อมก่อนถึงจะได้มาทำเพลง แล้วระยะเวลาที่ได้มาทำเพลงจริงๆ จังๆ หนักๆ เลยก็คือช่วง 4 เดือนหลังครับ ที่ต้องเข้าห้องอัด ถ่ายรูปปกเทป ถ่ายเอ็มวีอะไรต่างๆ"

ทุกวันนี้ยังประหม่าตอนขึ้นเวทีรึเปล่า

"ก็ขาสั่นตลอดแหละครับ จะสั่นเฉพาะช่วงท่อนเอของการร้องเพลง คือดนตรีเนี่ยจะมีท่อนขึ้นที่เป็นท่อนช้าๆ แล้วก็จะมีท่อนก่อนฮุก แล้วก็จะมีท่อนฮุก แล้วก็จะมีท่อนบีที่เล่าเรื่องราว แล้วก็จะก่อนฮุก แล้วก็ท่อนฮุกอีกทีถึงจะจบเพลงครับ แล้วช่วงท่อนเอทุกครั้งจนถึงตอนออกเทปแล้วเนี่ย ก็ยังจะสั่นอยู่เลยครับ ก็จะซ่าแบบสั่นๆ ครับ เหมือนกับการที่เราได้ขึ้นมายืนตรงจุดใหม่ ทุกเวทีไม่เหมือนกัน จะรู้สึกใหม่ตลอด คนดูก็ไม่เหมือนกัน แต่พอจบท่อนเอแล้วก็โอเค"

นอกจากถ่ายโฆษณา ร้องเพลง แล้วยังมีงานละครด้วย

"ครับ เรื่องเพื่อนแซ่บสี่คูณสี่ เล่นเป็นตัวละครที่ชื่อว่าเบย์ เล่นละครก็สนุกครับ หรั่งก็ชอบทั้งร้องเพลงทั้งเล่นละครล่ะครับ ทุกอย่างทำแล้วได้เงินเหมือนกันน่ะครับ (หัวเราะ) ไม่ใช่ครับ คือทำแล้วสนุกอ่ะครับ ทำแล้วมีความสุข ทำแล้วเหมือนไม่ได้ทำงานมากกว่า เหมือนเราได้มาเล่นกับเพื่อน การร้องเพลงก็เหมือนมาร้องเพลงคาราโอเกะ ได้ไปโชว์ ได้ผ่อนคลาย เราก็เล่นตลอด แต่อยู่ในขอบเขต ก็บิ๊วท์อารมณ์ตามบทตามเพลงน่ะครับ"

คาดหวังในอัลบั้มชุดแรก

"ทุกคนที่ทำเพลงคงคาดหวังล่ะครับ หวังว่าจะประสบความสำเร็จ หวังว่าคนดูจะตอบรับ หวังว่าเออ มันนี่คงวิ่งมาหาเราเยอะๆ หน่อย อาหรั่งก็คิดว่าอัลบั้มนี้ก็คาดหวังอยู่พอสมควร ให้คนฟังรู้สึกคุ้มค่ากับการที่ได้ซื้ออัลบั้มของเราไป บอกตรงๆ ว่าอัลบั้มนี้เราทำแบบเต็มที่จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นในการร้อง การแสดงเอ็มวี เรื่องของการมีส่วนร่วมในเพลง เรื่องการถ่ายปก อาหรั่งเองก็พยายามพรีเซนต์เต็มที่ พี่เค้าบอกถ่าย 10 รูป เราก็ พี่ครับขออีก 5 รูป คิดท่าใหม่ๆ ได้ ก็อยากให้ผู้ฟังผู้ชมคุ้มค่ากับมัน"

ผลตอบรับของเพลงเป็นอย่างไรบ้าง

"ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่เห็นในข่าวก็ว่าเป็นวลีติดปากที่ว่า ทำบ้าอะไรเนี่ย อย่างพี่สาวหรั่งไปนั่งมอเตอร์ไซด์ ไปซื้อกับข้าวหน้าปากซอยบ้าน ก็มีมอเตอร์ไซด์วินใหญ่เลยนะ เค้าก็เปิดวิทยุฟัง แล้วก็เปิดเพลงทำบ้าอะไร แล้วมอเตอร์ไซด์ทั้งวินก็ร้องเลยนะ ทำบ้าๆ อะไร พี่หรั่งขนลุกเลยนะ ด่าเราเปล่าวะๆ (หัวเราะ) ก็ไม่ใช่ครับ เค้าร้องกันเล่นๆ กัน ก็คิดว่ามันเป็นคำที่จำง่ายนะ พอฟังครั้งแรก ก็จำคำนี้ได้เลย"

เพลงไหนที่แทนตัวอาหรั่งได้ชัดเจนที่สุด

"คงจะเป็นเพลง ไม่ได้มาบอกรักครับ เพราะว่าหรั่งเป็นคนที่คุยกับคนง่าย เฟรนด์ลี่เหมือนกัน เพลงนี้ก็เกิดขึ้นเพราะว่าไปเล่าเรื่องๆ หนึ่งให้กับคนแต่งเพลงฟัง คือเวลาหรั่งกลับต่างจังหวัด หรั่งก็จะนั่งรถทัวร์ พอเห็นคนที่ไม่รู้จักกันนั่งข้างๆ กัน ก็จะชอบนั่งนิ่งเป็นอนุสาวรรีย์ชัยฯ คือเค้าจะไม่คุยกันเลย จะนิ่งกริ๊บเลย แล้วพอต้นขาขยับมาชนกันนิดนึงก็จะเด้งหนีๆ ตลอด

มีครั้งหนึ่งหรั่งนั่งคู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ซักพักขาเค้าก็มาชนขาผม ก็เอาเลย เด้งเหมือนโดนไฟลวก หรั่งก็ คุณครับไม่เป็นไรหรอกครับ ยังต้องนั่งกันอีกไกลครับ สีหน้าเค้าเหมือนกับว่าเราจะไปจีบเค้ารึเปล่า ก็อยากจะบอกเค้าไปนะว่าเราไม่ได้จีบหรอกครับ ก็คุยกันไปดีกว่านั่งเงียบนะครับ ผมว่าการคุยกันเป็นสิ่งที่ดี ก็เป็นที่มาของเพลง ไม่ได้มาบอกรัก คือใครชวนคุยก็อย่าไปขึ้นว่าเค้าจะมาจีบเลยครับ อยากให้คุยกันครับ คือถ้าไม่คุยกันก็จะไม่รู้ว่าใครเป็นยังไง"

ฝากถึงอัลบั้มชุดนี้

"อัลบั้มอาหรั่งเนี่ย ก็ใช้ชื่อเล่นของอาหรั่งจริงๆ เลย ถ้าชอบก็ไปซื้อกันนะครับ ตอนนี้ก็ออกทั้งซีดี วีซีดีคาราโอเกะแล้ว ถ้ายังไม่เคยก็ไปฟังตามเว็บไซต์ต่างๆ นะครับ ก็มีให้ฟังกัน ถ้าชอบจริงๆ ก็มาซื้อกัน หรือถ้าไม่ชอบกัน ก็ยังมีศิลปินอีกมากมายในค่ายอาร์เอสนะครับ หรือไม่ก็ในค่ายอื่นก็มีเหมือนกัน ให้เลือกซื้อกัน แต่อีกอย่างหนึ่งคืออย่าซื้อของปลอมนะครับ เพราะของปลอมจะทำให้ศิลปินหมดแรงในการทำงาน หมดแรงในการทำอัลบั้มใหม่ๆ ฝากอัลบั้มอาหรั่งด้วยนะครับ ผมเต็มที่ในการทำเพลงจริงๆ ครับ"

ติดตามผลงานเพลงชุดแรกของผู้ชายกวนๆ ติดจะขี้เล่นคนนี้ กับชื่ออัลบั้มว่า อาหรั่ง ซึ่งมีที่มาจากชื่อเล่นของเจ้าตัว ได้ตั้งแต่ 30 มีนาคม เป็นต้นไป