สนุกเกินคำบรรยายกับคอนเสิร์ตใหญ่ของ 5 หนุ่มวง แคลช
ผ่านไปแล้วกับความสนุกสุดขั้วในคอนเสิร์ต "Seed Live Concert : First Clash " (ซี้ด ไลฟ์ คอนเสิร์ต : เฟิร์ส แคลช) กับ 5 หนุ่มวง "แคลช" (Clash) ประกอบด้วย "แบงค์ - ปรีติ บารมีอนันต์" (ร้องนำ) "พล - ธนะพล ฤกษ์สมผุส" (กีต้าร์) "แฮ็ค - ฐาปนา ณ บางช้าง" (กีต้าร์) "สุ่ม - สุกฤษณ์ ศรีเปารยะ" (เบส) และ "ยักษ์ - อนันต์ ดาบเพ็ชรธิกรณ์" (กลอง) ที่จัดขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม 2549 ที่ อินเดอร์สเตเดี้ยม (หัวหมาก) งานนี้มีแฟนขาร็อกตามมาให้กำลังใจกันเพียบ
เปิดงานด้วยความอลังการเมื่อไฟบนเวทีสว่างขึ้นเห็นทั้ง 4 หนุ่ม ในชุดสีฟ้าดูเหมือนนักอวกาศเข้ากับรูปแบบของเวที ก่อนที่หนุ่มแบงค์จะขึ้นมาจากข้างล่างเวทีร้องเพลง "กอด" เพลงช้าในอัลบั้มแรก One ที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักกับพวกเขา ก่อนที่อุณภูมิความร้อนแรงของคอนเสิร์ตจะปะทุขึ้น เมื่อมีไฟพุ่งขึ้นมาจากรอบๆ เวที เพื่อเข้าเพลง "ไฟรัก" ตามติดมาด้วยเพลง "รักจริงรักปลอม"
จบเพลงหนุ่มแบงค์ได้พูดว่า "วงแคลชเคยเกือบที่จะไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ เพราะสมาชิกในวงของเราคนนึง นั่นคือ พี่พล จะต้องออกไปรับผิดชอบภาระหน้าที่การงานทางบ้าน แต่ด้วยความที่พวกเรารวมตัวกันเป็นวงแคลช ด้วยสมาชิก 5 คน ถ้าเราออกอัลบั้มเราก็จะต้องมีสมาชิกครบทั้ง 5 คน ถึงจะเป็นวงแคลช จากเหตุการณ์นั้นทำให้ผมนึกถึงเพลงนี้ครับ" แล้วเสียงเพลง "หยุดฝันก็ไปไม่ถึง" ก็ถูกนำมาเล่นหลังจากแบงค์พูดจบ และลดอารมณ์เพลงลงมาด้วยเพลงช้าอย่าง "ไออุ่นรัก" ที่แบงค์บอกว่าเพลงนี้มอบให้สำหรับคนที่มีความรักทุกคน
ความพิเศษแรกของงานเริ่มต้นขึ้นโดย "โอ๊บ - เพิ่มศักดิ์ พิสิษฐ์สังฆการ" (โอ๊บ วงไทม์) ขึ้นมาเล่นเปียโนให้แบงค์ร้องเพลง "ละครรักแท้" ที่ฟังแล้วไพเราะมากทีเดียว แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจที่สุด นั่นคือ การปรากฏตัวของสาว "วิกกี้ - สุนิสา เจทท์" ที่ได้หอบดอกไม้ช่อโตมามอบให้แบงค์ทางด้านล่างเวที หลังจากที่แบงค์รับดอกไม้ไปแล้วได้พูดว่า "ผมขอแก้ข่าวนิดนึงว่าผมกับวิกกี้ ชื่นชอบในผลงานของกันและกันเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ หลังจากคอนเสิร์ตนี้จบ ขอให้ข่าวผมกับวิกกี้จบตามไปด้วยนะครับ"
หลังจากที่วิกกี้เดินลับไปด้านหลังเวทีและวงแคลชได้กล่าวขอบคุณ โอ๊บ วงไทม์ ที่มาเป็นแขกรับเชิญคนแรกในงานวันนี้แล้ว ไฟบนเวทีก็หรี่ลงจนมองเวทีเห็นแค่เพียงเลือนลาง ก่อนที่ไฟจะสว่างอีกครั้งท่ามกลางเสียงกรี๊ดเพราะแขกรับเชิญคนถัดไป คือ "น้อย - กฤษฎา สุโกศล" (น้อย วงพรู) ได้ออกมายืนหน้าเวทีร้องเพลง "หนาว" ด้วยลีลาท่าเต้นอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ในบรรยากาศที่ดูเหมือนหิมะสีขาวตกโปรยปรายลงมา หลังจบเพลงแบงค์ได้กล่าวขอบคุณและบอกว่า พี่น้อย และ วงพรู เป็นศิลปินที่วงแคลชชื่นชอบมาก
จากนั้นพวกเขาก็ได้เล่นเพลง "อีโมชั่น" และเพลง "เลิฟ ซีน" ซึ่ง 2 เพลงนี้ แบงค์ชวนให้คนดูกระโดดตามกันสุดเหวี่ยงจนจบเพลง แบงค์ก็ได้เดินออกไปหลังเวทีปล่อยให้เป็นช่วงการแสดงฝีมือทางดนตรีของแต่ละคนโดยเริ่มจาก ยักษ์ ในการตีกลอง ไล่มาด้วย สุ่ม ในการเล่นเบส ต่อด้วย พล และ แฮ็ค ในการเล่นกีตาร์
ในระหว่างที่ แฮ็ค กำลังโซโล่กีตาร์อยู่ ได้มีเสียงกีตาร์อีกตัวหนึ่งดังมาจากทางด้านหลังเวที ก่อนเจ้าของเสียงกีตาร์ตัวนั้นจะเดินออกมาหน้าเวทีเผยให้เห็นว่าเป็น "ช.อ้น ณ บางช้าง" ที่ขึ้นมาร่วมเล่นกีตาร์เพลง "สัจอธิษฐาน" โดยตอนท้ายของเพลง ช.อ้นยังได้แสดงลีลาการโซโล่กีตาร์ด้วยปากเป็นการแถมท้ายอีกด้วย
แล้วไฟบนเวทีก็ดับลงอีกครั้งพร้อมภาพบนจอวีทีอาร์ที่บอกเล่าความเป็นมาของวงแคลช ตั้งแต่เริ่มต้นจนกลายมาเป็นวงแคลชที่ทุกคนรู้จักกันอย่างในทุกวันนี้ ชั่วเพียงอึดใจไฟบนเวทีก็สว่างขึ้นทำให้เห็นวงออร์เคสตร้าของ BKK Live Orchestra ทางด้านซ้ายของเวที และวงโยธวาทิตของโรงเรียนราชวินิต มัธยม ทางด้านขวาของเวที ต่างก็ช่วนกันบรรเลงเพลง "เธอคือนางฟ้าในใจ" ที่หนุ่มแบงค์ออกมาร้องเพลงนี้ด้วยชุดสูทสีขาวลายผีเสื้อ และร้องเพลง "เจ้าหญิงนิทรา" เป็นเพลงต่อมา
จากนั้นเป็นเพลงที่แบงค์บอกว่า "ผมเคยคิดว่าเพลงที่ผมจะร้องต่อไปนี้ เป็นเพลงที่ดีที่สุดในชีวิตที่ผมเคยแต่งเพลงมา แต่แล้วผมก็ได้รู้ว่าไม่มีเพลงไหนเป็นเพลงที่ดีสุด เพราะถ้าเรามีเพลงที่สุดเพลงหนึ่งแล้ว เพลงที่ดีที่สุดเพลงต่อไปมันก็จะไม่เกิด" แล้วแบงค์ก็ร้องเพลง "เพลงผีเสื้อ" ร่วมกับเสียงบรรเลงของอันไพเราะของเครื่องดนตรี
คอนเสิร์ตครั้งนี้ยังคงมีความพิเศษอย่างต่อเนื่อง เพราะทันทีที่เพลง "โรคประจำตัว" ซึ่งถูกนำมาร้องเป็นเพลงต่อมาจนถึงท่อนสร้อย 3 หนุ่มฮิปฮอป "เวย์" "เดย์" "ขัน" แห่งวง "ไทยเทเนี่ยม" ขึ้นมาช่วยร้องจนจบ เรียกเสียงกรี๊ดกันสนั่น ก่อนที่วงแคลชจะยกเวทีให้ไทยเทเนี่ยมนำเพลงดังอย่าง "ทะลึ่ง" ขึ้นมาวาดลวดลายทั้งร้องทั้งเต้นบนเวที โดยมีนักร้องสาวรับเชิญอีกคน คือ "นาร่า" เปลี่ยนจากบรรยากาศเพลงร็อกให้กลายเป็นบรรยากาศของเพลงฮิปฮอปในพริบตา
หลังจากพักเหนื่อยกันไปแล้ว วงแคลช ก็กลับขึ้นมาอีกรอบ และไม่ยอมเสียเวลามอบความสนุกกันต่อกับเพลง "เมืองคนเหล็ก 2004" และ "หูเบา" 2 เพลงรวด แบงค์ยังได้บอกว่าถ้ารักวงแคลชจริง ต้องร้องเพลงตามให้ได้ โดยหยิบเอาเพลงยอดนิยมอย่าง "เขาชื่ออะไร" "ขอเช็ดน้ำตา" "รับได้ทุกอย่าง" มาร้องเป็นเพลงเมดเลย์ และต่อด้วยเพลง "ซบที่อกฉัน" ที่แฟนเพลงสามารถร้องตามกันได้หมด ต่อเนื่องความสนุกกันด้วยเพลงเร็วสะใจที่ทุกคนพร้อมใจกันกระโดดจนตัวลอยในเพลง "ไม่ตุ๊ดครับ" "สวรรค์ไม่มีตา" และเพลง "ใส่ร้ายป้ายสี"
บรรยากาศดำเนินมาถึงช่วงท้ายของงานคอนเสิร์ต แบงค์ได้บอกว่า "ผมมีบางอย่างที่อยากจะขอโทษแฟนเพลงของวงแคลช 4 อย่างนั่นก็คือ อย่างแรก ขอโทษที่ผมไม่ชอบโกนเครา อย่างที่ 2 ขอโทษที่ผมมีรอยสักเต็มตัว อย่างที่ 3 ขอโทษที่ผมผิวไม่ขาวอมชมพู และอย่างสุดท้ายขอโทษที่ผมหน้าไม่ตี๋ ผมมีข้อเสียเยอะขนาดนี้แล้ว คุณยังจะรักผมอีกมั้ย ถ้าคุณยังยืนยันที่จะรักผมอยู่ ผมก็อยากจะบอกว่าผมก็รักพวกคุณเหมือนกันครับ" สิ้นเสียงของแบงค์ ก็ทำให้เกิดเสียงกรี๊ดอย่างสนั่นหวั่นไหวจากแฟนเพลงลั่น อินเดอร์สเตเดี้ยม เลยทีเดียว
และแล้วเพลง "นางฟ้าคนเดิม" ก็ถูกนำมาเล่นเป็นเพลงสุดท้ายในค่ำคืนของงานคอนเสิร์ตในวันนั้น โดยเพลงนี้แม้จะเป็นเพลงพิเศษเพลงใหม่ที่พวกเขาเพิ่งจะทำขึ้นได้ไม่นาน แต่แฟนๆ ของวงแคลชก็สามารถร้องตามกันได้และโบกมือเป็นจังหวะซ้ายขวาอย่างพร้อมเพรียง เป็นภาพปิดท้ายงานคอนเสิร์ตที่สวยงามและน่าประทับใจมากก่อนที่พวกเขาจะลงจากเวทีไป
แต่ดูเหมือนแฟนเพลงทุกคนจะไม่ยอมให้ความสนุกของงานคอนเสิร์ตจบลงเพียงเท่านี้ เพราะพวกเขาต่างตะโกนเรียกชื่อวงแคลชและปรบมือพร้อมกันเป็นจังหวะ เพื่อเรียกร้องให้ศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบออกมาอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงออกมาจากหลังเวทีว่า "คิดถึงเหรอ ถ้าคิดถึงอยากให้ผมออกไปอีก ก็ต้องช่วยผมร้องด้วยนะ" แล้ววงแคลชทั้งวงก็ออกมาตามคำเรียกร้องจริงๆ เพื่อเล่นเพลง "หนาว" เพลงช้าสุดซึ้งที่แบงค์ร้องได้เพราะกินใจ
จากนั้นแบงค์ก็ได้กล่าวขอบคุณแฟนเพลงพร้อมบอกว่า "ถ้าหากคุณรักพวกผม เพลงต่อไปซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายที่ผมจะร้องในงานคอนเสิร์ตวันนี้ ขอให้ทุกคนช่วยร้องท่อนสุดท้ายซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าพวกคุณจะหมดแรง เพื่อเป็นการแสดงว่าพวกคุณรักพวกผมจริง"
นั่นคือเพลง "เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป" ที่พอแบงค์ร้องมาถึงท่อนสุดท้าย แฟนเพลงทุกคนต่างก็พร้อมใจกันร้องท่อนที่ว่า "เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป ไม่ว่าอีกนานแสนนาน นานเท่าไรไม่ลืมเลือน ความทรงจำคอยย้ำและช่วยเตือน เราต่างผูกพันด้วยรักตลอดไป" ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น ทำเอาสมาชิกทุกคนในวงแคลชถึงกับน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจ และบอกว่าผมเชื่อแล้วว่าพวกคุณรักผมจริงๆ พร้อมทั้งร้องท่อนสุดท้ายของเพลงนี้อีกรอบจนจบเพลง
จากนั้นสมาชิกในวงทุกคนก็ได้ออกมายืนเรียงกันทางด้านหน้าเวทีเพื่อจับมือขอบคุณแฟนเพลงเป็นจำนวน 8 ครั้งตามคำบอกจากปากของแบงค์ว่าเลข 8 คือเลขที่ถูกโฉลกของวงแคลช แล้วก็มอบจานร่อนที่เป็นสีต่างๆ มอบให้กับแฟนเพลงที่มาในงาน
สิ่งที่พิเศษสุดๆ สิ่งสุดท้ายคือสาวผู้โชคดีที่ได้รับจานร่อนสีชมพู ซึ่งมีรูปกีตาร์อยู่ด้านหลัง ได้ขึ้นมารับกีตาร์สุดรักสุดหวงของพล โดยพลบอกว่ากีตาร์ตัวนี้เป็นสิ่งพิเศษสำหรับผม และผมก็อยากจะมอบสิ่งพิเศษนี้ให้กับแฟนเพลงพิเศษของวงแคลชเช่นกัน โดยสาวผู้โชคดีคนนี้ยังได้อ้อมกอดของแบงค์เป็นรางวัลพิเศษอีกด้วย ก่อนที่สมาชิกวงแคลชทุกคนจะถอดเสื้อผ้าและสิ่งของเครื่องประดับโยนแจกแฟนเพลง และวิ่งหายเข้าไปหลังเวทีเพื่อเป็นการบอกว่างานคอนเสิร์ตในวันนั้นได้จบลงแล้วจริงๆ
เต็มอิ่ม สะใจ สนุกสนานเหนือคำบรรยาย ล้วนเป็นคำที่พูดได้เต็มปากกับงานคอนเสิร์ต Seed Live Concert : First Clash สำหรับใครที่พลาดงานนี้ไป สาวกวงแคลชฝากมาบอกว่าต้องขอแสดงความเสียใจด้วยอย่างยิ่ง