คอนเสิร์ตศิลปินระดับโลก ไมเคิล โบลตัน ไลฟ์ อิน แบ็งคอก
ไมเคิล โบลตัน ศิลปินมากความสามารถจากรัฐคอนเน็คติกัต สหรัฐอเมริกา เจ้าของรางวัล อเมริกัน มิวสิก อวอร์ดส์ และรางวัลเกียรติยศอื่นๆ มากมาย และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล แกรมมี่ อวอร์ดส์ ในสาขานักร้องชายยอดเยี่ยมถึง 2 ครั้ง
ผลงานเพลงของเขามีออกมาแล้วมากกว่า 20 อัลบั้ม ตั้งแต่ปลายยุค 80 จนถึงปัจจุบัน มีเพลงดังระดับโลกหลายเพลง เช่น "How Am I Supposed To Live Without You" "Said I Loved You...But I Lied" "When A Man Love A Woman" และอีกมากมายที่ล้วนแล้วแต่เป็นเพลงอมตะที่ประทับใจแฟนๆ รับประกันด้วยยอดขายผลงานเพลงที่มากกว่า 52 ล้านแผ่นทั่วโลก
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ไมเคิล โบลตัน ก็ได้เดินทางมาเยือนเมืองไทย เพื่อเตรียมตัวเปิดคอนเสิร์ต "ไมเคิล โบลตัน ไลฟ์ อิน แบ็งคอก" (Michael Bolton Live in Bangkok)
ดังนั้นพอมาถึงเมืองไทยปุ๊บ ไมเคิลก็ได้เปิดห้องแถลงข่าวให้ทำการสัมภาษณ์แบบสดๆ ร้อนๆ ทันที เรียกได้ว่าลงจากเครื่องบินไม่ทันไร ก็ออกมาปรากฏตัวทักทายสื่อมวลชนชาวไทยแล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้มีการสัมภาษณ์แบบเป็นกันเอง ในท่าทีแบบสบายๆ และน่ารักสมกับเป็นศิลปินที่มีคนชื่นชอบมากมาย
ไมเคิลเริ่มการพูดคุยด้วยการเผยว่าตัวเขาเคยมาเมืองไทยเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว และในวันนี้พอได้มาเยือนที่นี่อีกครั้ง ก็รู้สึกดีใจมาก การมาครั้งนี้นั้น เป็นการมาทัวร์คอนเสิร์ตประเทศในเอเชีย 30 ประเทศ สิ่งที่เขาได้เห็น ก็คิดว่าเอเชียเปลี่ยนไปเยอะ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี มีการพัฒนา
เมื่อพิธีกรได้ถามเรื่องทรงผม ซึ่งไมเคิลได้ไว้ผมยาวมานานแล้วนั้น ก็ได้คำตอบว่า "ตอนนี้อยากลองไว้ผมสั้นบ้างครับ ก็เลยตัด ส่วนผมที่ตัด ไม่ได้เอาไปทิ้งนะ แต่เอาไปทำการกุศลด้วยครับ"
สำหรับอัลบั้มชุดใหม่ของเขา "Till the End of Time" ไมเคิลได้พูดถึงอัลบั้มนี้ว่า "เป็นอัลบั้มพิเศษครับ คือจะมีทั้งเพลงเก่าในแบบบันทึกการแสดงสดและเพลงใหม่ 7 เพลง เพลงแรก Till the End of Time เป็นเพลงพิเศษที่ผมแต่งให้ลูกสาวครับ เนื่องจากผมมีประสบการณ์หย่าร้างมาก่อน ก็เลยแต่งเพลงในแบบที่ว่าถึงจะแยกทางกันแล้ว แต่ความรักที่มีนั้นก็ยังคงเหมือนเดิม และลูกสาวก็ยังคงเป็นที่รักเหมือนเดิมด้วย"
สิ่งที่ไมเคิลอยากฝากบอกแฟนเพลงที่จะเข้าชมคอนเสิร์ต คือ "เพลงในคอนเสิร์ตจะเป็นการรวบรวมเพลงฮิตดังๆ ตั้งแต่สมัยก่อน คนที่ไปดู ก็คงมีหลายกลุ่มอายุ ทั้งเด็กๆ ที่ฟังจากพ่อแม่ และแฟนเพลงของผมที่เป็นผู้ใหญ่หน่อย อยากรู้ด้วยว่าแฟนคนไทยจะมีการตอบรับยังไง จะนั่งเฉยๆ หรือ จะตอบสนองแบบอื่น ถ้าผลตอบรับดีก็จะกลับมาอีกครับ"
จบการสัมภาษณ์แล้วก็มีการมอบดอกไม้ต้อนรับอย่างเป็นทางการให้แก่ ไมเคิล โบลตัน และจากนั้นก็ให้เขาได้ขอตัวไปพักผ่อน เพื่อเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตที่หลายคนรอคอยในวันรุ่งขึ้น
เมื่อถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน ณ บีอีซีเทโรฮอลล์ สถานที่จัดคอนเสิร์ต ก็เต็มไปด้วยผู้คนที่มารอฟังเพลงจากหนุ่มโรแมนติก ขวัญใจคอเพลงรักยุค 90 ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในวัยทำงาน
ล่วงเลยผ่านเวลา 20:00 น. ไมเคิล โบลตัน ก็ออกมาเรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดาแฟนๆ ด้วยเพลงจังหวะเร็วๆ "Love Is A Wonderful Thing" เป็นเพลงแรก และเขาก็ได้แดนเซอร์สามสาวมาโยกย้าย เรียกบรรยากาศให้คึกคักยิ่งขึ้น เมื่อจบเพลงแล้ว ประโยคแรกที่ไมเคิลได้บอกกับคนดู คือ "ดีใจที่ได้กลับมาที่เมืองไทยอีกครั้ง ประเทศที่ผมเคยมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว นานมากๆ เลย ขอบคุณทุกคนจริงๆ ครับ ที่มาชมคอนเสิร์ตของผมในวันนี้"
เพลงต่อมา "Soul Provider" เพลงช้าๆ โชว์พลังเสียง และก่อนเพลงต่อไปจะเริ่ม ไมเคิล ก็พูดขึ้นมาว่า "รู้สึกว่ามีผู้หญิงมาดูเยอะเลยครับในวันนี้ (หัวเราะ) เรามาย้อนเวลากันเอามั้ย ผมจะนำคุณกลับไปยังเพลงคลาสสิก เพลงนี้หากคุณร้องได้ ก็ช่วยผมร้องด้วยนะครับ" ไมเคิลนั่งลงบนเก้าอี้ตัวกลมพร้อมกับกีตาร์ในมือ และพอเสียงอินโทรของเพลง "To Love Somebody" ดังขึ้นทุกคนในฮอลล์ก็พร้อมใจกันปรบมือเสียงดัง แล้วร้องคลอตามไปด้วย
จากนั้น ไมเคิล ได้ร้องเพลง "Sitting On The Dock Of The Bay" ต่อด้วย "Hold On, I'm Coming" ที่เปลี่ยนอารมณ์เป็นจังหวะคึกคักกันบ้าง
ไมเคิล ได้กล่าวแนะนำเพลงที่จะร้องต่อไปว่า "เพลงนี้ผมเคยเล่น เมื่อตอนอายุ 14-15 ปี โดยเล่นในคลับที่อเมริกา ซึ่งตอนนี้ผมก็อายุ 50 ปี แล้วครับ" ประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูทั้งฮอลล์ เขาก็เลยพูดแก้เขินให้ตัวเองว่า "มันตลกมากใช่มั้ยล่ะ (หัวเราะ)" ซึ่งเพลงนั้น คือ "You Don't Know Me" นั่นเอง
ลำดับต่อมา ก็เป็นเพลงที่มีเนื้อหาปลอบใจอย่าง "Summer Time" ที่เสียงเพราะๆของไมเคิล ยังคงสะกดคนฟังได้ต่อเนื่อง จากนั้น "Georgia On My Mind" เพลงดังระดับโลก ที่ทำให้ไมเคิลนึกถึงเพื่อนนักร้องที่ชื่อ ริชาร์ด ซึ่งเคยร้องเพลงนี้ด้วยกัน และกลายเป็นประสบการณ์ที่ดีมากสำหรับเขา ต่อด้วย "Go The Distance" เพลงจากภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องดัง เฮอร์คิวลิส (Hercules) และ "Nessen Dorma" ที่ไมเคิลโชว์พลังเสียงจนคนดูนิ่งฟังเหมือนถูกสะกดอีกครั้ง
ถึงเวลาพักเหนื่อยหลังจากจบไปแล้ว 10 เพลง ด้วยการบรรเลงเพลงจากวงดนตรีของไมเคิลเอง แต่ก็เพียงไม่นานเท่านั้น คนดูก็ต้องเฮกันเสียงดัง เมื่อไมเคิลที่เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์แล้ว ได้ปรากฏตัวท่ามกลางคนดู พร้อมกับร้อง "When a Man Loves a Woman"
แต่ยังไม่ถึงครึ่งเพลงดีนัก เจ้าของคอนเสิร์ตในวันนี้ก็กลับขึ้นบนเวทีอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แฟนๆ ได้ลุกจากที่นั่งตามเขาไปด้วย หน้าเวทีตอนนี้จึงแน่นขนัดไปด้วยแฟนๆ ที่ต่างพากันยื่นมือ เพื่อไปสัมผัสกับขวัญใจของพวกเขา ซึ่งความเป็นกันเองจึงทำให้ ไมเคิล จับมือตอบคนดูที่หน้าเวทีตลอดเวลา งานนี้คงได้หัวใจแฟนชาวไทยกลับไปได้อีกเยอะทีเดียว
เพลงต่อมาก็เป็นจังหวะแบบมันๆ ของ "How Can We Be Lovers" และสนุกกันต่อด้วย "Steel Bars" จนมาถึงเพลง "Time, Love and Tenderness" ซึ่งหลังจากเพลงนี้ ไมเคิลก็กล่าวขอบคุณแฟนเพลง กับบรรยากาศที่ดูเหมือนว่าคอนเสิร์ตนั้นได้จบไปแล้ว
เสียงเรียกร้องหานักร้องขวัญใจของคนดูในวันนี้จึงดังไปทั่วฮอลล์ ในที่สุดไมเคิลเลยต้องปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเพลง "Rock Me Baby" ที่เสียงกีตาร์ไฟฟ้าสีน้ำเงินเข้มจากเขาทำให้เพลงมีสีสันขึ้นอีกมาก และเพลงที่เป็นเพลงสุดท้ายอย่างแท้จริง "How Am I Suppose To Live Without You" เพลงเพราะติดหูที่หลายคนชื่นชอบเป็นพิเศษ พร้อมกับประโยคที่ไมเคิลบอกว่า "ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ ครับ ขอบคุณเมืองไทย"
ภาพหนึ่งที่จะติดตาคนดูในวันนั้นไปแสนนานเลย คือ ภาพที่ ไมเคิล โบลตัน ศิลปินระดับโลกคนนี้ ไหว้ขอบคุณแฟนเพลงชาวไทยนั่นเอง