บันทึกความประทับใจงานเลี้ยงอำลาของค่ายขนมปังดนตรี
ปิดฉากความอบอุ่นที่เต็มอิ่มไปด้วยความประทับใจเสียเหลือเกิน กับมหกรรมคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ของค่ายเล็กๆ เบเกอรี่มิวสิค ที่ใช้ชื่อว่า "เบเกอรี่ มิวสิค อินดิเพนเดนท์ เดย์" หรือ "บี.เดย์" (B.Day) เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2547 ที่สนามรัชมังคลากีฬาสถาน อลังการงานสร้างด้วยเวทีขนาดใหญ่และจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดยักษ์ อีกทั้งคนดูเกือบ 50,000 คน ที่มาร่วมบันทึกความทรงจำครั้งนี้
การเดินทางของคอนเสิร์ต B.Day เริ่มต้น 19.05 น. พอดี เวลาของการรอคอยก็มาถึงด้วย Interlude เพลง "ฤดูที่แตกต่าง" เพียงแค่นี้ก็ทำเอาแฟนเพลงกรี๊ดดีใจส่งเสียงกันดังสนั่นสนาม ประเดิมเวทีก่อนเลยด้วยวง "Soul After Si"x กับเพลงหวานๆ อย่าง " ากคิดจะรักก็รั " " ห็นฉันไห " และ " ู " ก่อนจะยิ้มและโบกมือเดินลงจากเวทีไป
คราวนี้มาถึง 3 หนุ่มวง "Tea for Three" ที่ออกมาพร้อมเพลงอย่าง "ผู้ชายในเงาจันทร์" และต่อด้วยเพลงที่เหมาะกับเดือนนี้ (ธันวาคม) อย่าง "ลมหนาว" ที่ถือว่าเป็นเพลงอมตะไปแล้ว หันไปสังเกตทางฝั่งคนดูเห็นได้ชัดว่าตอนนี้เครื่องเริ่มติดแล้ว เพราะเริ่มมีเสียงร้องตามด้วยจากแฟนๆ จนดังขึ้นเรื่อยๆ
เสียงกรี๊ดดังสนั่นแบบไม่หยุด เมื่อหนุ่มร่างอวบขี้อายอย่าง "บอย - ตรัย ภูมิรัตน" เดินขึ้นมาร้องเพลง "เขาไม่เกี่ยว" และส่งเพลงที่มีชื่อว่า "เพลงเศร้า" มาร้องด้วยอาการเขิน อาจจะเพราะตื่นคนมาเยอะมากเลยหลับตาร้องต่อจนจบเพลง คราวนี้ก็ถึงเวลาของหนุ่มร่างอวบไม่แพ้กัน พกพาเสียงอันหล่อเหลาและทรงพลังเดินขึ้นมาบนเวที จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก "เบน - ชลาทิศ ตันติวุฒิ" ที่มากับเพลงเจียมตัวอย่างเพลง "คนข้างล่าง" และอ้อนคนดูต่อด้วยเพลง "คะแนนแห่งชีวิต" ร้องจบก็ยิ้มทักทายคนดูและลงจากเวทีไป
ไฟบนเวทีดับลง อีกเพียงไม่นานก็เป็นการปรากฏตัวของสี่สาววง "Venus Butterfly" ที่มีนักร้องนำคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอย่าง "โหน่ง พิมพ์ลักษณ์" ที่มาในเพลงจังหวะสนุกๆ อย่างเพลง "Around Spinning" และไม่ลืมที่จะร้องต่อด้วยเพลงที่หลายคนชื่นชอบอย่างเพลง "คนเดียวจริงๆ" ที่คราวนี้มาในแบบร็อกๆ แปลกไปอีกแบบ แต่ก็ยังถูกใจคนดูร้องตามกันได้จนจบเพลง
จากนั้นอินโทรเพลง "ปล่อยไปตามหัวใจ" ก็ขึ้นแบบตามมาติดๆ แทบจะไม่ต้องเดาเลยว่าวงใดเล่นเป็นวงต่อไป "คิว - สุวีระ บุญรอด" ก็ออกมากับเพื่อนๆ นามวง "ฟลัว" และร้องเพลง "ปล่อยไปตามหัวใจ" แบบเต็มๆ ก่อนจะกระชากอารมณ์ให้ร้องตามกันอีกแล้วกับเพลง "เปลี่ยน" จบเพลงแล้ว โหน่ง ก็เดินออกมาร้องต่อคู่กับ คิว ในเพลง "ระหว่างเรา" โดยทั้งคู่เป็นตัวแทนในการถ่ายทอดเพลงของ อรอรีย์ ที่วันนี้เธอไม่สามารถมาได้
ศิลปินคนถัดมาเธอมีเสียงร้องที่มีพลังเกินคำบรรยาย ที่ถือว่าเป็นศิลปินเบอร์แรกๆ ของค่ายเบเกอรี่มิวสิคก็ว่าได้ นั่นคือ "ริค วชิรปิลันทร์" ที่ออกมาด้วยการแต่งกายที่โดดเด่นคงความเป็นเธออย่างไม่แปรเปลี่ยน กับเพลงแรกที่ไม่มีเสียงของดนตรี แต่เป็นเสียงของเธอเปล่าๆ ที่ต้องใช้ใจฟังอย่างเพลง "น้ำตาของไข่มุก" และเพลงในอัลบั้มใหม่ 2 เพลงรวดอย่าง "ติชิลา" และ "คณิตศาสตร์ฟิสิกส์" โดย ริค บอกกับคนดูว่า "เวลาริคร้องเพลง ริคเอาหัวใจนำเสียงค่ะ" ทำเอาคนดูปรบมือทึ้งในความสามารถของเธอจริงๆ
วง "ซีเปีย" ที่ดูเหมือนจะมาไม่ครบทีม ก็ออกมาสร้างสีสันต่อด้วยเพลง "กรองทอง" และเพลง "ปู๊นปู๊น" ในทำนองสนุกๆ ด้วยเนื้อหาของเพลงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาของเมืองไทยในปัจจุบันอย่างปัญหาภาคใต้ ที่วงซีเปียหยิบนำมาแต่งเป็นเพลงขึ้นโชว์ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ เรียกความประทับใจไปไม่น้อยเลย
จนกระทั่งเวลาดำเนินมาเรื่อยๆ วงต่อไปนั้นคือวง "เครสเชนโด้" (Crescendo) ที่เดินออกมาพร้อมกับเพลง "ยอมได้ไง" ต่อด้วยเพลงที่กำลังมาแรงอยู่อย่างเพลง "ความจริงในใจ" และตบท้ายด้วยเพลง "วีนัส" ก่อนจะหยอดคำหวานว่าพวกเขาทั้งหมดรักค่ายเบเกอรี่ฯ มาก และจะเก็บภาพประทับใจนี้ไว้ในใจตลอดไปเสียงกรี๊ดของคนดูจึงดังขึ้นอีกระลอกหนึ่ง
และแล้วคนดูก็เริ่มนั่งไม่ติด เมื่อหนุ่มที่มีลีลาการเต้นเป็นเอกลักษณ์อย่าง "โป้ โยคีเพลย์บอย" เดินขึ้นมาทักทายคนดูบนเวที พร้อมส่งมีจังหวะสนุกๆ ปนความโรแมนติกในเพลง "พรหมลิขิต" ด้วยท่าเต้นจอมสะบัดก้น จากนั้นก็ร้องต่อด้วยเพล "ยิ้ม" และ "คืนนี้ขอหอม" ต่อทันทีด้วยวงที่หลายคนรอคอย กรู๊ฟไรเดอร์ ที่มากับเพลงรักอย่าง "แค่เธอก็พอ" และ "หยุด" คราวนี้ บุรินทร์ นักร้องนำไม่ยอมแพ้วาดลวดลายการเต้นแบบไม่หยุดส่งเพลง "คนใจร้าย" และ "ฮอร์โมน มาเอาใจสาวๆ งานนี้เล่นกันแบบนอนสต็อปก็ว่าได้
ใครจะไปคาดคิดว่าวงต่อไปจะเป็นวง " ี.โอ.พ " ที่มากันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาทั้ง นภ พรชำนิ, ก้อ และ โต้ง กับเพลงมีจังหวะอย่าง " ค่ได้พบเธ " " รั้งนี " และชวนคนดูเต้นต่อกับเพลง " วล " ทำเอาคนดูนั่งไม่ติดลุกขึ้นเต้นตามกันใหญ่ ก่อนที่ นภ ก็ตะโกนออกมาว่า " ี.โอ.พี.. เนเว่อร์ดา " ทำเอาคนดูกรี๊ดกันสนั่น
จากนั้น โป้ โยคี เพลย์บอย และ " ุรินทร " ก็กอดคอกันออกมาร้องเพลง " ัญญ " ต่อด้วยบุรินทร์แบบเดี่ยวๆ ในเพลง " ักที่เพิ่งผ่านพ้นไ " อีกคู่ถัดมา บอย ตรัย กับ โหน่ง ก็ออกมาร้องต่อเพลง " ักของเธอมีจริงหรือเปล่ " บี เครสเชนโด้ และ ริค มาในเพลง " ้อควา " จากนั้น วง Soul After Six ก็เดินออกมาพร้อมศิลปินทุกวงที่ขึ้นร้องในช่วงแรกของคอนเสิร์ตก็มาร่วมกันร้องในเพลง " ้อนหินละเม " และหลังจากนั้นก็พักเวที 10 นาที
หมดเวลาพักแล้วกลับเข้าสู่ช่วงที่ 2 ของงาน เสียง Interlude 10 Year Bakery Music ก็ดังขึ้น วงที่จะขึ้นเล่นต่อไป นั่นคือ วง " ร " และทั้งหมดก็เดินออกมา น้อย ร้องนำดูจะโดดเด่นเป็นพิเศษด้วยชุดที่ใส่ดูจะหล่อเอาการ เรียกเสียงกรี๊ดได้ถล่มทลาย และมากับเพลงรักสุดซึ้งอย่าง " รมิโอ & จูเลีย " ต่อด้วยเพลง " หม " ประกอบกับท่าเต้นบัลเล่ต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา
เวทีเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว ด้านหน้ามีเครนขนาดใหญ่เลื่อนออกมา น้อยก็เดินตามทางและทักทายคนดูด้วยเพลง " ุกสิ่ " สุกี้ก็ไม่ธรรมดาติดสปอร์ตไลต์ไว้ที่ตัวกีต้าร์แล้วสาดแสงไปทางคนดู เห็นแล้วเก๋ไปอีกแบบ และปิดท้ายด้วยเพลงประจำวงอย่างเพลง " ร " จบเพลงน้อยทำเซอร์ไพร์สด้วยการกล่าวชื่นชมสุกี้พี่ชายของเขาพร้อมกับเดินเข้าไปจูบ และบอก " อ เลิฟ ย " ทำเอาคนดูปรบมือให้ดังสนั่น
และแล้วเวลาของสาวๆ ค่าย โดโจ ซิตี้ ก็เริ่มต้นขึ้นทั้ง สาวๆ ทั้งหมดในค่ายต่างผลัดกันออกมาทั้งร้องและเต้นแบบน่ารักๆ พร้อมด้วยทีมแดนซ์เซอร์ชุดใหญ่ คนดูก็ลุกฮือขึ้นเต้นตามไปด้วย ส่งเมดเล่ย์เพลงสนุกๆ ของ โปรเจ็กต์ เอช มากับเพลง " อ " ส่วนวง " ี " (Niece) มาในเพลง " ีบมื " และ " ิ " ต่อด้วย ออย กับเพลง " ่อให้ใครไม่รั " และ 2 สาว มิสเตอร์ ซิสเตอร์ (Mr.Sister) กับเพลงน่ารักๆ อย่าง " าม่าด "
ปิดท้ายด้วยความซึ้งกับ โบ ไทรอัมส์คิงดอม ที่งานนี้ไม่มีคู่หูอย่าง จอยซ์ มาด้วย เลยร้องเดี่ยวเพลง " ันและกั " แบบเหงาๆ และทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ก่อนทักทายคนดูและทั้งหมดก็เดินลงจากเวทีไป
จากนั้นจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดยักษ์ก็ส่งข้อความขึ้นมาว่า " มขอโท " ทั้งหมดต่างเข้าใจเหมือนกันว่าต้องเป็นเจ้าพ่อเพลงแร็พเมืองไทยอย่างแน่นอน และแล้ว " จอี้ บอ " ก็เดินออกมาทันทีพร้อมกล่าวคำขอโทษคนดูกับเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นกับเขา จากนั้นก็ใส่เพลงแร็พเป็นชุดอย่าง " กมือขึ้ " " อโพ " " ั่งอยู่ตรงนี " " วัยว " และขอกีต้าร์มาโชว์เพลง " ม่คุ " และ " หลือข " ที่เขาเองเขียนขึ้นมอบให้กับแม่ของเขาและคนดูทุกคน
โจอี้ บอย ไม่รอช้าเลยเรียกคู่หูเพื่อนซี้ในอดีตอย่าง " ริสติ " ที่บินตรงมาจากอเมริกาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ รวมทั้ง " รวีน่ " และ " อ๋ สไตล์ริต จังเกิ้ " ออกมาร่วมร้องและเต็นแบบเมดเล่ย์ไม่มีหยุดกับเพลง " ักเธอไม่มีหม " " อยทะเ " " ัน ฟัน ฟั " " ากี่นั้ " และ " าละวั " ได้สนุกแบบถึงใจจริงๆ
หลังจาก โจอี้ บอย กับเพื่อนๆ ลงไปแล้ว คนดูเริ่มจะนั่งลงเพื่อพักเหนื่อย และบนเวทีก็เริ่มดำเนินต่อไปด้วยเสียงเปียโนของหนุ่มมากพรสวรรค์ " ต๋ - ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาภรณ " ที่มาบรรเลงเพลง "Prelude" และจากนั้นหนุ่มใหญ่กับกีต้าร์โปร่ง "ธีร์ ไชยเดช" ก็ออกมาส่งเพลงแรกเป็นภาษาอังกฤษชื่อว่า "My Life is Here" ที่เหมือนต้องการจะบอกว่าชีวิตของเขาอยู่ตรงนี้คือดนตรี เบเกอรี่มิวสิคก็คือที่ของเขา และต่อด้วยเพลง "ฝันไป"
จอโปรเจ็กเตอร์ก็ฉายภาพ "โจ้ อมรินทร์" ขึ้นบนจอภาพ กับเสียงของเขาในเพลง "สัมพันธ์" โดยยังมี ธีร์ ยืนเล่นกีต้าร์และร้องอยู่ด้วย เพื่อเป็นการระลึกถึงโจ้ที่จากไป คอนเสิร์ตดูเหมือนจะเริ่มเข้าสู่ช่วงของเพลงช้าแบบเศร้าๆ นภ พรชำนิ ที่เดินขึ้นมาร้องเพลง "ที่แห่งนี้" ต่อด้วยสาวเสียงสวย "รัดเกล้า อามระดิษ" ที่ออกมากับชุดสีแดงสด พร้อมเพลงรักอย่าง "โปรดเถอะ" และ "มาริสา สุโกศล แคลป์" ที่ออกมากับเพลงซึ้งๆ อย่าง "สักวันหนึ่ง"
ชายที่มีเสียงนุ่มลึกอย่าง "สายชล ระดมกิจ" ที่หยิบเพลง "ฝากรัก" มาฝากให้คนดูได้ยิ้มและร้องตาม และส่งเพลงที่อบอุ่นอย่างเพลง "Home" ตามมาทันที คราวนี้ถึงเวลาของนักร้องรุ่นใหญ่บ้างอย่าง "เศรษฐา ศิระฉายา" ที่ออกมาร้องด้วยเสียงมาตราฐานในเพลง "เหมือนเคย" ต่อด้วย "กมลา สุโกศล" กับเพลงที่ให้กำลังใจทุกคนอย่าง "Live & Learn" และเพลงมีจังหวะบวกกับเสียงร้องอันทรงพลัง "Music Is My Life" เธอยังแอบกระซิบว่าเพลงนี้เธอแต่งขึ้นเองแบบมั่วๆ ดูแล้วก็น่ารักไปอีกแบบ
จู่ๆ "บอยด์ โกสิยพงษ์" ก็เดินขึ้นมาบนเวทีสวมกอดคุณกมลา และส่งคุณกมลาลงจากเวทีไปก่อนจะสารภาพกับคนดูว่าตัวเองขึ้นมาผิดคิว แต่ไหนๆ ก็ขึ้นมาแล้วขอกีต้าร์เพื่อร้องเพลง "จะเก็บเธออยู่ในใจเสมอ" จนจบเพลง จากนั้นก็เชิญแขกรับเชิญคนพิเศษขึ้นมาร้องเพลง "ห่างไกลเหลือเกิน" ที่เจ้าตัวบอกว่าชื่นชอบคนนี้มานานแล้ว สักพักพอเพลงเริ่มขึ้น "ปุ๊ - อัญชลี จงคดีกิจ" ก็เดินขึ้นมาร้องด้วย ทำเอาแฟนเพลงส่งเสียงช่วยกันร้องตามจนจบเพลง
จากนั้นก็ถึงคิวของเจ้าพ่อเพลงแดนซ์นาม "MR.Z" หรือ สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์ ออกมาด้วยลีลาการมิกซ์เพลงที่เป็นมืออาชีพกับเพลง "เผลอ" โดยได้ นภ พรชำนิ ออกมาร้อง คนดูเริ่มลุกขึ้นขยับกันอีกแล้ว และต่อด้วยสาวน่ารักอย่าง "นาเดีย" ที่ออกมากับเพลงแบบฝรั่งเศส "Happy Anniversary" ต่อด้วย โบ ออกมากับชุดสุดเซ็กซี่ในเพลง "ใจกว้าง" และ รัดเกล้า มากับเพลง "ใจสองใจ" และ "I Will Survive" Mr.Z ก็ยังคงส่งเพลงต่อแบบไม่หยุด และทั้งหมดก็ร้องรวมกันในเพลง "YMCA" และเพลงดังตลอดกาล "ลมหายใจ"
พักเวทีได้เพียงไม่นาน เสียงกรี๊ดในสนามก็ดังขึ้นอีก คราวนี้ได้ยินพร้อมกับอินโทรว่า "แดดส่อง..น้ำนอง" ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นวง "โมเดิร์นด็อก" อย่างแน่นอน ไฟบนเวทีเปิดเห็นทั้ง 3 หนุ่ม ยืนประจำตำแหน่ง พร้อมกับปล่อยเพลงแรกอย่าง "แดดส่อง" และส่งเพลงเก่าๆ แต่ยังดังอยู่อย่าง "ก่อน" โดยคนดูแทบทั้งสนามก็ให้ความร่วมมือร้องตามกันเป็นอย่างดี จากนั้นก็ร้องต่อกับเพลง "ตาสว่าง" ต่อด้วยเพลงซึ้งๆ อย่าง "สิ่งที่ไม่เคยบอก" ปิดท้ายช่วงของโมเดิร์นด็อกกับความสนุกอย่างเพลง "บุษบา" และ "ติ๋ม"
แล้วจู่ๆ นอ มือกีต้าร์ และ บอส มือกลอง 2 อดีตสมาชิกวงพอส ก็เดินขึ้นมาแนะนำตัวกับคนดู พร้อมถามคนดูว่ายังจำเขาทั้ง 2 คนได้ไหม จากนั้นก็ส่งเพลงให้ร่วมกันระลึกถึง โจ้ อัมรินทร์ หรือ โจ้ วงพอส โดยใช้เสียงของโจ้เป็นคนร้อง และเขาทั้ง 2 ก็ยืนเล่นดนตรีเหมือนในสมัยที่โจ้ยังอยู่ เพลงที่มีความหมายดีและเคยได้รับความนิยมมากมายกับเพลง "ที่ว่าง" พร้อมมีภาพโจ้ ขนาดใหญ่ปรากฏที่จอโปรเจ็กเตอร์ เรียกความประทับใจจากคนดูได้ไม่น้อย
และแล้วสมาชิกวง "บีไฟว์" (B5) ทั้ง 5 ก็ขึ้นเวทีต่อทันทีแบบไม่รอช้าทั้ง โต๋ เบน เค้ก คิว และมาเรียม เสียงเปียโนของโต๋ ดังขึ้นเท่าไร เสียงกรี๊ดของคนดูก็ดังตามขึ้นเท่านั้น บรรเลงเพลงแรก "บางสิ่ง" จากนั้น โต๋ ก็ร้องต่อในเพลง "คนไม่พิเศษ" ก่อนส่งให้ มาเรียม ร้องเพลง "อยากจะขอ" คิว ต่อกับเพลง "เรื่องเดียว" เค้ก เลือกเพลง "อีกที" และเบนปิดท้ายด้วยเพลง "เปิด" ทำเอาคนดูตะโกนตามว่าเอาอีกๆ
เวลาของคอนเสิรต์ B.Day เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว คราวนี้จึงส่งเมดเล่ย์ปิดท้ายคอนเสิร์ตในครั้งนี้ เริ่มต้นที่ คริสติน ที่เดินเด่นออกมาทางด้านขวาของเวทีร้องเพลง "ดาว" เสียงปรบมือจึงดังขึ้น ทั้ง น้อย และ นาเดีย ก็ออกมาร้องเพลงกุ๊กกิ๊กหวานแหววอย่างเพลง "พอ" และ 3 หนุ่ม ได้แก่ โป้ โยคีเพลย์บอย, บอย ตรัย และ บุรินทร์ ก็ออกมาเอาใจสาวๆ ด้วยเพลง "ช่วงชีวิต"
ซึ้งกันต่อกับ 2 แม่ลูก กมลา และ มาริสา ที่ควงกันออกมาร้องเพลง "ลูกแม่" และป๊อดที่เดินมาดนิ่งออกมาร้องเพลง "ใคร" และส่งเวทีให้เป็นของ บอยด์ โกสิยพงษ์ แล้วบอยด์ก็เรียก นภ พรชำนิ ออกมาร้องเมดเล่ย์ปิดท้ายอย่างเพลง "ฤดูที่แตกต่าง"
งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา ปิดท้ายงานเลี้ยงอำลาในครั้งนี้ด้วยเพลงประจำคอนเสิร์ตเพลง "ส่งต่อความรัก Pass the Love Forward" ที่ บอยด์ โกสิยพงษ์เป็นคนแต่งขึ้น เมื่อดนตรีขึ้นแล้วนักร้องทั้งหมดของค่ายเบเกอรี่ฯ ต่างทยอยกันเดินขึ้นมาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาบนเวที และร่วมร้องเพลงนี้ด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย และน้ำตาของความประทับของศิลปินทุกคนก็เริ่มล้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ทั้ง 3 ผู้บริหารของค่ายเบเกอรี่มิวสิค ได้แก่ "สุกี้ - กมล สุโกศล แคลปป์" "บอยด์ - ชีวิน โกสิยพงษ์" และ "สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์" ก็กล่าวขอบคุณคนดูทั้งสนามและแฟนเพลงของพวกเขารวมทั้งศิลปินทั้งหมดก็ต่างโบกมืออำลา พลุจุดขึ้นเป็นรูปหัวใจหลายนัด ก่อนที่ทั้งหมดจะกอดกันร้องเพลงและร้องไห้ไปด้วย เชื่อว่าภาพเหล่านี้ก็ถูกบันทึกไว้ในใจทุกคนที่ได้ไปชมคอนเสิร์ตในวันนั้นอย่างแน่นอน
รับรองเลยว่าหลายคนที่ได้ไปชมคอนเสิร์ต B.Day ฉลอง 10 ปีของค่ายเบเกอรี่ในครั้งนี้ ก็ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันช่างคุ้มค่าแห่งการรอคอยจริงๆ ตลอด 8 ชั่วโมงมันคือความสุขที่สัมผัสได้ด้วยใจจริง และความทรงจำในครั้งนี้คงจะอยู่ในใจของทุกคนตลอดไป แม้วันข้างหน้าจะมีหรือไม่มีค่ายเบเกอรี่มิวสิคอีกต่อไปก็ตาม