ปลดปล่อยความสนุกกับคอนเสิร์ต 9 หน้ากากร็อก Slipknot
นับว่าเป็นปรากฏการณ์เขย่าวงการเพลงร็อกบ้านเราให้สั่นสะเทือนอีกครั้ง ที่ได้มีโอกาสสนุกแบบสุดๆ กับการเดินทางมาเยือนไทยเป็นครั้งแรกของวงร็อกหน้ากากปีศาจชื่อก้องโลกอย่างวง สลิปน็อต (Slipknot) เจ้าของสัญลักษณ์ หน้ากากปีศาจ กับคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกในประเทศไทยที่มีชื่อว่า "Slipknot Live In Bangkok" ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2547 ณ ลาน Aktiv Square เมืองทองธานี โดยแฟนเพลงขาร็อกทั้งหลายต่างก็มารอชมโฉมหน้าของหน้ากากปีศาจกันอย่างแน่นขนัดตา
สมาชิกของวงสลิปน็อต ที่ประกอบไปด้วย "Shawn Crahan" (เพอร์คัสชัน), "Corey Taylor" (ร้องนำ),Mick Thomson (กีต้าร์), James Root (กีต้าร์), Joey Jordison (กลอง), Paul Gray (เบส), Sid Wilson (ดีเจ), Chris Fehn (เพอร์คัสชัน) และ Craig Jones (แซมเพิ้ลส์) ที่ต่างขนทัพกันมาสำหรับคอนเสิร์ตในครั้งนี้อย่างพร้อมหน้า
ก่อนที่คอนเสิร์ตครั้งนี้จะมีขึ้น ได้มีการจัดงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2547 เมื่อถึงเวลาวง Slipknot ส่งตัวแทนสมาชิกในวง 5 คน ได้แก่ Corey Taylor, Shawn Crahan, James Root, Joey Jordison และ Chris Fehn มาปรากฏโฉมและใส่หน้ากากเดินออกมาทักทายสื่อมวลชน พร้อมพูดคุยและสัมภาษณ์ถึงการเดินทางมาเมืองไทย ก็อดถามไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของหน้ากากของแต่ละคนที่พวกเขาต้องใส่อยู่ตลอดเวลาแสดงคอนเสิร์ต
Corey นักร้องนำ เป็นตัวแทนกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า "การใส่หน้ากาก เป็นการสื่อถึงบทเพลงและความพิเศษของตัวพวกเรา เวลาอยู่ที่บ้านก็จะถอดออก เพราะการที่จะใส่ทั้ง 24 ชั่วโมงเป็นอะไรที่โง่มาก และไม่มีใครที่พิเศษที่จะสามารถเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของพวกเราได้
หากบางคนไม่เชื่อว่าพวกเราจะเป็นตัวจริง อยากบอกว่าแฟนเพลงของพวกเราสำคัญเกินไปที่หลอกหรือโกหกกัน ภายใต้หน้ากากมันคือตัวตนของพวกเราอย่างแท้จริง ต้องไว้ใจกันเท่านั้น และวงเรามีศักดิ์ศรีในเรื่องของดนตรี และการใส่หน้ากากก็เป็นศิลปะต่างๆ ที่สามารถสื่อถึงเรากับแฟน ไม่มีทางทำให้แฟนๆ ทุกคนผิดหวัง"
Shawn Crahan มือหวดเพอร์คัสชัน เล่าถึงความรู้สึกที่ได้มาเยือนไทยเป็นครั้งแรกว่า "เป็นอะไรที่พวกเราทุกคนชอบมากที่ได้มาทัวร์คอนเสิร์ตในเอเชีย ในเมืองไทยมันเป็นสิ่งสําคัญที่ทําให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมของคนไทย ที่เราเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก เราจึงอยากใช้ที่นี่เป็นการปิดท้ายการทัวร์เอเชีย เพื่อเป็นการเก็บเอาประสบการณ์จากที่นี่กลับไป
เราค่อนข้างจะตื่นเต้นน่ะ สำหรับคอนเสิร์ตที่จะเกิดขึ้น เราชอบอาหารไทย คนไทย และสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากจริงๆ เราก็ไม่คิดว่าจะมีคนตามฟังงานของเราเยอะขนาดนี้ และแฟนๆ ทั้งในบ้านเรา และที่นี่ทุกคนเป็นเหมือนสิ่งที่พิเศษสุดของเรา"
ด้าน สอง มือเบสจอมเก๋าแห่งวงพาราด็อกซ์ ก็ได้เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวในครั้งนี้ เปิดเผยความประทับใจที่มีต่อวง Slipknot ว่า "ส่วนตัวผมชอบวงนี้มากเป็นพิเศษเลย ติดตามผลงานพวกเค้าทุกชุด ไม่ว่าจะเป็นอัลบั้มเพลงทุกชุดหรือวีซีดีคอนเสิร์ตของเค้า ชอบเพราะเค้าเป็นวงที่เล่นสดได้มันมาก มีสมาชิก 9 คนเวลาแสดงทำให้ดูมีพลังมากๆ ซาวด์ดนตรีเค้าดุดัน ดนตรีเค้ามีท่อนฮุคที่ฟังแล้วจำได้ ทั้งที่เนื้อเพลงมันจะโหดหน่อยๆ แต่ฟังแล้วโดดเด่น
และพอทราบข่าวว่าพวกเค้าจะเดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตในเมืองไทยเป็นครั้งแรกก็รู้สึกดีใจมาก ตื่นเต้น และพรุ่งนี้ผมยังเป็น 1 ใน 11 วงที่ได้เล่นเป็นวงเปิดให้กับวง Slipknot ก็เป็นเกียรติมาก ตอนนี้พยายามฟิตพร้อมร่างกายอย่างเต็มที่ พรุ่งนี้คงต้องใส่ชุดเปรี้ยวๆ หน่อย" สอง กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ
เริ่มต้นงานคอนเสิร์ตด้วย 11 วงร็อกของไทย อย่าง "Cube" "Ebola" "Quake" "Dezember" "Paradox" "Canivora" "Rabbit Sun" "Cantaroot" "Growing Pain" "DD-Doomed Day" ที่ขนกันมาเขย่าความสนุกกันแบบไม่ยั้ง อุ่นเครื่องเพื่อรอคอยวินาทีสำคัญกับคอนเสิร์ตของวง Slipknot
เปิดฉากเวทีด้วยป้ายขนาดใหญ่รูปหน้ากากปากซิปจากหน้าปกอัลบั้ม Vol.3 (The Subliminal Verses) ของพวกเขาเริ่มเคลื่อนลงมาพร้อมอินโทรเพลง "Prelude 3.0" ก็ดังขึ้นมา ก็ยังไม่มีวี่แววการปรากฏตัวของ Slipknot
พอสิ้นสุดเพลงนี้เพียงไม่กี่อึดใจเพลงแรก "The Blister Exist" จากอัลบั้มชุดที่สาม ก็เริ่มต้นขึ้น ปลดปล่อยความสนุกพร้อมกับตัวเป็นๆ ของหน้ากากร็อกทั้ง 9 คน ที่เดินขึ้นพร้อมกันบนเวที และต่อด้วย 2 เพลงรวด "Sic" และ "Disasterpiece" ให้โยกกันแบบไม่มีหยุด ก่อนจะเข้าสู่เพลงในอัลบั้มชุดใหม่ "Three Nill" และ "Eyeless" "Left Behind" "Eyeore" หน้ากากทั้ง 9 ต่างวาดลีลาท่าทางสะบัดหัวแบบหมุนเป็นเข็มนาฬิกากันเลยทีเดียว
เพลงถัดมา คือ "Vermillion" เพลงประกอบภาพยนตร์ Resident Evil 2, "Pulse of the Maggots" จากนั้น Corey นักร้องนำก็ออกปากให้ทุกคนช่วยกันร้องเพลง "Iowa" "Heretic Anthen" ตามด้วยเพลงเปิดตัวชุดที่ 3 อย่าง "Duality" อยากบอกว่าเหล่าสาวก Slipknot ร้องตามกันได้จนจบเพลง มาถึงช่วงเด่นของคอนเสิร์ตโดนใจกันอีกเพลง "Spit It Out" ตอน Corey พูดชื่อเพลงนี้คนเฮกันทั้งนั้น
ส่งถึงช่วงท้ายของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ด้วยเพลง "People = Shit" พอจบเพลงนี้ดันกล่าวอำลาทุกคน นึกว่าจะจบจริงๆ แต่กลับร้องต่อด้วย "Wait & Bleed" "Surfacing" และ Corey ปิดท้ายคอนเสิร์ตด้วยคำหวานว่า "พวกเราจะกลับมาที่เมืองไทยอีก"
นับเป็นคอนเสิร์ตที่ดูแล้วใจสั่น เพราะตั้งแต่เพลงแรกถึงเพลงสุดท้าย ก็ยังอึ้งในความสามารถและบ้าพลังของทั้ง 9 หน้ากากปีศาจ นาม Slipknot อยู่เลย งานนี้ใครไม่ได้มาเสียดายแทน