เต็น เขียนเรียงความรัก 2 หน้ากระดาษเป็นเพลง นับหนึ่ง
ผันตัวเองไปทำงานเบื้องหลังงานเพลงของคนอื่นอยู่พักใหญ่ ล่าสุด เต็น - ธีรภัค มณีโชติ (อดีตสมาชิกสไมล์บัฟฟาโล่) กลับมาอยู่เบื้องหน้าจับไมค์ร้องเพลงอีกครั้งกับงานเพลงชุดแรก เต็น โซโล่ (Ten Solo) ใน กรีนไลท์โปรเจ็กต์ โครงการพิเศษภายใต้สังกัด กรีนบีนส์ เครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ฯ ที่มีเพลงเปิดตัว นับหนึ่ง เป็นที่ถูกใจแฟนๆ ซึ่ง เต็น พูดถึงการกลับมาทำอัลบั้มของตัวเองว่า
"ช่วงก่อนหน้าที่จะมาทำงานเพลงชุดนี้ ก็ไปเป็นนักแต่งเพลง จากนั้นก็ขยับมาเป็นโปรดิวเซอร์ และก็อัดเสียงกีต้าร์ให้กับศิลปินต่างๆ ซึ่งช่วงนั้นผมก็แต่งเพลงเก็บเอาไว้เรื่อยๆ เพื่อใช้ในโอกาสต่างๆ และเพลงที่แต่งไว้ก็จะเป็นเรื่องราวของผมเองทั้งหมด อย่างเจอคนที่เราชอบ ผมก็แต่งเพลงไปจีบเค้า ถ้าอกหักก็แต่งเพลงอกหัก
ตอนนั้นไม่ได้คิดจะทำออกมาเป็นอัลบั้ม แค่แต่งเก็บไว้ให้เพื่อนกับคนที่บ้านฟัง ซึ่งถือว่าตรงจุดนั้นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดอัลบั้ม เต็นโซโล่ บวกกับเรามีดนตรีแบบที่เรายังไม่เคยทำและทำค้างเอาไว้ เลยเป็นจุดที่ทำให้เราเริ่มอยากสานต่อทำงานอัลบั้มเพลงเป็นของตัวเอง แต่ผมยังยึดคอนเซ็ปต์เดิม คือ เรื่องราวเนื้อหาในเพลงทั้งหมดเป็นเรื่องราวของตัวเอง อย่างอารมณ์ตอนอกหักหรือแอบชอบใครบางคน เรื่องทั้งหมดเราประสบมากับตัวเอง หรือจากเพื่อนคนรอบข้าง ไม่ได้เกิดจากจินตนาการใดใดทั้งสิ้น
พอผมทำเพลงได้ประมาณนึงแล้วก็นำมาเสนอที่ กรีนไลท์ โปรเจ็กต์ เพราะผมรู้สึกถูกใจกับระบบการทำงานของที่นี่ คือเค้าจะไม่มายุ่งกับงานของเราเลย ปล่อยให้เราทำงานอย่างอิสระเต็มที่ทุกอย่าง ให้เป็นตัวเราเองมากที่สุด แต่มีข้อแม้ว่าทุกเพลงต้องออกมาดีมีคุณภาพ ซึ่งเค้าให้เกียรติเราในการทำงานมาก
นับหนึ่ง เพลงที่ส่งไปให้ฟังเป็นเพลงแรก เป็นเพลงที่ผมแต่งเองจากเรื่องราวตอนที่ผมอกหักจากผู้หญิงคนนึง และเป็นเพลงที่แต่งยากที่สุดด้วยครับ คือตอนนั้นผมรู้สึกว่าอยากแต่งเพลงอารมณ์นี้เก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงมันก็ไม่สามารถแต่งได้ เพราะเรากำลังเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่ เลยได้แต่เขียนออกมาเป็นเรื่องราว บรรยายความรู้สึกต่างๆ ออกมาถึงสองหน้ากระดาษเต็มๆ เหมือนเขียนบทภาพยนตร์ยังไงยังงั้น
พอผ่านมาระยะหนึ่งที่เริ่มทำงานเพลงชุดนี้ก็เลยไปหยิบเอาเรื่องราวที่เราเคยบันทึกไว้มาแต่งเป็นเพลง จนได้กลายเป็นเพลง นับหนึ่ง ครับ ซึ่งผมรู้สึกภูมิใจมากที่แต่งเพลงนี้สำเร็จจนได้ ถึงแม้จะใช้เวลายาวนานก็ตาม
พอมาถึงมิวสิกวิดีโอ จะไม่ค่อยเป็นเรื่องราวมากนัก เหมือนเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันซ้ำอยู่กับที่ไม่ได้เดินหน้าไปไหน คือต้องมานับหนึ่งใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ได้ไปไหนสักที ก่อนวันถ่ายผมได้เจอกับผกก. ก็มีพูดคุยกันว่าต้องทำอะไรหรือเจอกับอะไรบ้าง ก็เตรียมใจไว้แล้ว
พอถึงวันถ่ายจริงหนักมากครับ เพราะผมต้องเดินอยู่กลางแดดจัดตั้งแต่เช้าจนเย็น รู้สึกเหนื่อยอยากพักเหมือนกัน เพราะทุกคนสามารถเข้าไปหลบแดดได้ มีแต่ผมคนเดียวที่หลบไม่ได้ ใจก็อยากจะพักมันแต่มันก็จะทำให้เสียเวลาเข้าไปอีก เลยไม่พักจะดีกว่า หลังจากถ่ายมิวสิกฯ เพลงนี้ น้ำหนักลงไปสองกิโลเลยครับ เพราะผมเสียเหงื่อเยอะมาก เป็นมิวสิกฯ แรกที่อึดมากๆ แต่ก็สนุกดีครับ"