เทร็บเบอร์อิ๊กกี้ เปิดตัวผลงานเพลงที่ใช้เวลาบ่มนาน 15 ปี
แบล็คชีพ ในเครือ โซนี่ มิวสิค บีอีซี เทโร ฯ ส่งงานเพลงใหม่ล่าสุดมาทำความรู้จักกับนักฟังกันอีกแล้วจากหนุ่มเลือดผสมไทย-เวียดนาม ที่มีใจรักดนตรีอย่างแรง โดยใช้ชื่ออัลบั้มเป็นชื่อเดียวกับตัวเขาว่า Treborikki (เทร็บ-เบอร์-อิ๊ก-กี้) ที่มีที่มาจากการผสมคำว่า Robert (โรเบิร์ต) จากชื่อเล่นของเขา เข้ากับคำว่า Icky ที่แผลงมาเป็น ikki ซึ่งมีความหมายว่าโลกในด้านที่ไม่ดี โดยเขาเขียนคำว่า Robert เรียงกลับหลังให้กลายเป็น Trebor เพื่อนำมาบวกเข้ากับ ikki ให้เกิดเป็นคำใหม่ว่า Treborikki อ่านว่า เทร็บ-เบอร์-อิ๊ก-กี้ ขึ้นมา ซึ่งแปลว่าอีกด้านหนึ่งของโรเบิร์ตนั่นเอง โดย เทร็บเบอร์อิ๊กกี้ เปิดใจถึงการทำงานในครั้งนี้ว่า
"ผมใช้เวลาทำงานชุดนี้นานกว่า 15 ปีเต็ม เพลงที่อายุมากที่สุด คือ เพลง I'll be there มีอายุถึง 14 ปี แล้วครับ เป็นเพลงแรกที่ผมเริ่มต้นทำ และยังถือได้ว่าเป็น 1 ใน 3 เพลงของอัลบั้มชุดนี้ ที่ผมทำเป็นครั้งแรกในชีวิต ทำไมผมถึงต้องใช้เวลาถึง 15 ปี กว่าจะมีวันนี้ ผมตอบตรงนี้ได้เลยว่า เพราะตัวผมเองครับ ผมเองไม่กล้าเปิดใจรับว่าคนอื่นจะยอมรับเพลงของผม เพลงของผม 1 เพลง จะมีมากกว่า 1 เวอร์ชั่นขึ้นไป เพราะว่าผมเติมชีวิตให้กับมัน ค่อยๆ ทำมันอย่างใจเย็น
สำหรับชื่ออัลบั้มของผม ผมมีเหตุผลที่ใช้ชื่ออัลบั้มว่า Treborikki ก็เพราะว่าเพลงทุกเพลงในอัลบั้มของผม คือคำจำกัดความของคำว่า Treborikki นั่นเองครับ ชื่อนี้แสดงออกถึงเรื่องราวต่างๆ ในอีกมุมมองหนึ่งของผม ผ่านทางเพลงทั้ง 11 เพลงในอัลบั้มที่มีแนวดนตรีที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดจะถูกครอบคลุมอยู่ในโทนเดียวกันบนพื้นฐานของความเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลป๊อปทั้ง 11 เพลง แบ่งออกเป็นเพลงบรรเลง 1 เพลง ภาษาอังกฤษ 7 เพลง ภาษาไทย 3 เพลง
ผมคิดว่าการเขียนเพลงคือการค้นพบตัวเองมากขึ้นทำให้เข้าใจว่าตัวเราคือใคร แต่ละเพลงคืออารมณ์ที่เราแช่แข็งไว้ เป็นแถบบันทึกเสียงที่บันทึกชีวิตเราไว้ คนอื่นมีไดอารี่ แต่ของผมมีเพลง ทุกครั้งที่เราฟังเพลงนั้นใหม่ เราจะจำได้ทันทีว่าความรู้สึกตอนที่เราทำเพลงมันเป็นอย่างไร สำหรับผมมันดีกว่าภาพดีกว่ากลิ่น ผมเชื่อว่าสามารถนำเรากลับเข้าไปสู่อดีตได้
งานในอัลบั้มนี้ผมทำเองกับมือทุกขั้นตอน ตั้งแต่สร้างไอเดียในการทำงาน ทำดนตรี เขียนเนื้อร้อง เล่นดนตรีทุกชิ้นเอง ผมเคยฝันที่อยากจะมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง อาจจะแค่ทำเก็บไว้ดูเก็บไว้ฟังเฉยๆ ไม่ต้องนำออกมาวางขายก็ได้ ไม่เคยคิดว่าฝันของผมจะเป็นความจริง แต่วันนี้ผมได้รับโอกาสนั้นแล้ว ความเป็นจริงมันให้เรามากกว่าที่เราฝันอีกครับ
สำหรับวันนี้ ผมมีเพลงซิงเกิ้ลแรกอย่างเพลง I Don't Care มาให้ทุกคนได้ฟัง เพลงนี้มีอายุ 2 ปี แล้วครับ ผมคิดว่าเพลงมีอายุของการถือกำเนิด แต่เพลงไม่มีอายุขัยในการจำกัดเวลาที่เราจะได้รับฟัง เพลงนี้ถูกทำเป็น 2 ภาคครับ ครั้งแรกผมทำเพลงนี้ออกมาเป็นเนื้อภาษาอังกฤษ แล้วก็นำเพลงนี้ไปอยู่ในอัลบั้ม Black Album เมื่อต้นปี วันนี้ผมทำอีกเวอร์ชั่นออกมาเป็นภาษาไทย แต่ตัวของผมเองไม่ค่อยถนัดในเรื่องการใช้ภาษาไทยมากนัก ถ้าจะเขียนเนื้อเพลงนี้เป็นภาษาไทยคนเดียวก็คงไม่ดีแน่ ก็เลยได้เพื่อนรักของผม คุณโตน วงโซฟา มาช่วยเขียนเนื้อร้อง
เนื้อหาของเพลงนี้เป็นเพลงที่เกี่ยวกับความรักที่ไม่มีข้อแม้ ขอเพียงแค่ฝ่ายหญิงเปิดใจตอบสนองความรักนั้นกลับมาเท่านั้น ทุกอย่างก็จะสมปรารถนา ไม่แคร์ในเรื่องของอดีตที่ผ่านมา ปัจจุบันที่เป็นอยู่ หรือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ในส่วนของดนตรีสไตล์ของเพลงนี้ เป็นการผสมผสานระหว่างดนตรียุค 80's ในแบบฉบับของนิวเวฟ ที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีทางฝั่งอังกฤษ ผมนำมาผสมเข้ากับเสียงของเครื่องดนตรีสังเคราะห์อย่างซินธิไซเซอร์ในยุคปัจจุบัน จนออกมาเป็นดนตรีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเพลงนี้ครับ"