อัลบัม Red - Dia Frampton

น้ำเสียงใสๆ ของ เดีย แฟรมป์ตัน (Dia Frampton) เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เมื่อเธอเข้าร่วมประชันฝีมือในรายการ The Voice ฤดูกาลที่ 1 ของสหรัฐฯ และคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 มาครอง เดีย ที่สั่งสมประสบการณ์ทั้งจากเวที The Voice และการออกอัลบั้มร่วมกับวง เมก แอนด์ เดีย (Meg & Dia) ที่ก่อตั้งกับพี่สาว เม็ก แฟรมป์ตัน (Meg Frampton) ก็พร้อมแล้วที่จะมอบ 10 เพลงป๊อปที่เธอมีส่วนร่วมในการแต่งเนื้อร้องเองทุกเพลงจากอัลบั้ม Red ผลงานเดี่ยวๆ ชุดแรกของเธอให้แฟนเพลงได้ฟังกันแล้ว

นักร้องสาวเปิดตัวอัลบั้มแรกของเธอด้วย The Broken Ones ซิงเกิลป๊อปจังหวะปานกลางที่ถ่ายทอดเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในมุมมองของ เดีย ส่วนซิงเกิลถัดมา Don't Kick the Chair ในแนวแดนซ์ป๊อปย้อนยุคนิดๆ โดย เดีย พยายามรักษาสมดุลระหว่างความตึงเครียดด้วยดนตรีสดใส ซึ่งช่วยคุมโทนการมองโลกในแง่ดีไว้ และได้แร็ปเปอร์ คิด คัดดี (Kid Cudi) มาร่วมแร็ปสั้นๆ

เดีย ยังคงใช้ดนตรีป๊อปจังหวะร่าเริงมาสร้างทำนองให้เพลงที่มีเนื้อหาหนักหน่วงสะเทือนใจอย่างซิงเกิล Walk Away ที่แต่งจากเรื่องจริงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นเหยื่อทางสังคม ฟังเผินๆ อาจผิวปากตามจังหวะหรือร้องคลอไปกับท่อนติดหู แต่แล้วก็ต้องชะงักกับสิ่งที่เธอกำลังสื่อและเรื่องราวเบื้องหลังเพลงนี้ สำหรับ I Will เป็นซิงเกิลป๊อปคันทรีช้าๆ ว่าด้วยมิตรภาพที่ได้ เบลก เชลตัน (Blake Shelton) ผู้ฝึกสอนของเธอจากเวที The Voice มาร่วมร้องด้วย

อีกเพลงช้าๆ จากอัลบั้มคือ Daniel เพลงอะคูสติกเกี่ยวกับคนพิเศษของ เดีย ที่เธอถ่ายทอดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้แม้แต่จะเปลี่ยนชื่อของคนๆ นั้น ขณะที่ Isabella เป็นเพลงที่ เดีย เขียนขึ้นเพื่อให้กำลังใจน้องสาวที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกับคุณพ่อคุณแม่ ขณะที่พวกท่านกำลังเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบากที่ชีวิตแต่งงาน โดยเลือกใช้จังหวะดนตรีสนุกๆ ควบคู่ไปกับเรื่องราวที่จริงจังนี้

ส่วน Bullseye เพลงจากการแต่งเนื้อร้องของ เดีย ร่วมกับสาว อิซาเบลลา ซัมเมอร์ส (Isabella Summers) จากวง ฟลอเรนซ์ แอนด์ เดอะ แมชชีน (Florence and the Machine) โดดเด่นสุดที่เครื่องเพอร์คัสชันจัดๆ และเสียงร้องของ เดีย ที่แบ่งการร้องเป็นช่วงๆ ขณะที่ Billy the Kid เป็นเพลงที่ เดีย เขียนเนื้อหาร่วมกับ มาร์ก ฟอสเตอร์ (Mark Foster) และ ไอซอม อินนิส (Isom Innis) สองสมาชิกจาก ฟอสเตอร์ เดอะ พีเพิล (Foster the People)