อัลบัม Overexposed - Maroon 5

ห่างหายไป 2 ปี นับจากอัลบั้ม Hands All Over เมื่อปี 2010 กลับมาคราวนี้ มารูน 5 (Maroon 5) โดยนักร้องนำ อดัม เลอวีน (Adam Levine) มือกีตาร์ เจมส์ วาเลนไทน์ (James Valentine) มือเบส มิกกี แมดเดน (Micky Madden) และ มือกลอง แมตต์ ฟลินน์ (Matt Flynn) เดินหน้าสร้างสรรค์ Overexposed อัลบั้มชุดที่ 4 พร้อมกับสมาชิกคนใหม่ พีเจ มอร์ตัน (PJ Morton) ซึ่งเข้ามาทำหน้าที่แทน เจสซี คาร์ไมเคิล (Jesse Carmichael) มือคีย์บอร์ดที่ขอพักวงแบบไม่มีกำหนด

ไม่ใช่แค่สมาชิกเท่านั้นที่เปลี่ยน แต่โฉมหน้าทางดนตรีของหนุ่มๆ นักดนตรีแนวป๊อปร็อกก็เปลี่ยนไปด้วย ดนตรีป๊อปเริ่มเข้ามากินพื้นที่ส่วนใหญ่ในอัลบั้มนี้มากขึ้น รวมกับแนวดนตรีหลากหลายทั้งฟังกี เรกเก้ เทคโน และ อิเล็กโทรป๊อป มาผสมผสานกัน สมชื่ออัลบั้ม Overexposed ที่ได้ทั้ง แม็กซ์ มาร์ติน (Max Martin) ไรอัน เทดเดอร์ (Ryan Tedder) เชลล์แบ็ก (Shellback) และ เบนนี บลังโก (Benny Blanco) มาร่วมโปรดิวซ์

ทางด้านเนื้อหานั้น หนุ่ม อดัม ยังคงโดดเด่นด้วยเรื่องราวของความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ โดยซิงเกิลแรกที่ มารูน 5 ส่งมาทักทายแฟนๆ มีชื่อว่า Payphone เพลงรักอกหักจังหวะปานกลาง ที่มีท่อนแร็ปของ วิซ คาลิฟา (Wiz Khalifa) มาช่วยเสริมอารมณ์เศร้าเล็กๆ อีกด้วย ซิงเกิลถัดมา One More Night เป็นเพลงป๊อปที่มากับจังหวะเรกเก้สนุกๆ จากเสียงเครื่องเพอร์คัสชัน ถือเป็นเพลงเด่นจะที่นำผู้ฟังไปสู่ภาพรวมของอัลบั้มที่มีจังหวะชวนให้โยกตาม

อีกเพลงที่ฟังแล้วลุกขึ้นเต้นก็คือ Lucky Strike เพลงจังหวะฟังกี้ที่โดดเด่นพอๆ กับซิงเกิลเปิดตัว ขณะที่ Tickets เป็นเพลงที่มีดนตรีเทคโนจัดจ้าน ส่วนคนที่ติดใจเพลงรักจังหวะติดหูแนะนำ The Man Who Never Lied หรือจะฟัง Sad บัลลาดเศร้าๆ คลอเสียงเดี่ยวเปียโนที่หาฟังได้ยากในงานของ มารูน 5 และบอกลาด้วยเพลงอะคูสติก Beautiful Goodbye ที่ผสมผสานกลิ่นอายดนตรีป๊อปยุค 60

สำหรับแฟนเพลงในไทยของวง มารูน 5 ที่อยากเก็บผลงานชุดนี้ไว้สะสม มีให้เลือกซื้อถึง 2 แบบด้วยกัน ทั้งฉบับธรรมดาที่ประกอบไปด้วย 12 เพลงหลัก แล้วแถมเพลง Moves Like Jagger ซิงเกิลจากอัลบั้ม Hands All Over ที่ร่วมร้องโดย คริสตินา อากีเลรา (Christina Aguilera) ขณะที่แบบดีลักซ์มีเพลงเพิ่มให้ฟังจากฉบับธรรมดาอีก 5 เพลง ได้แก่ Wipes Your Eyes, Wasted Years และ Kiss ซึ่งเป็นการนำเพลงในปี 1986 ของ พรินซ์ (Prince) กับ เดอะ เรฟโวลูชัน (The Revolution) มาร้องใหม่ และยังมีเพลงฉบับรีมิกซ์ของ Payphone ซึ่งมีทั้งแบบ Payphone Supreme Cuts Remix กับ Payphone Cutmore Remix