อัลบัม 4 - Beyonce Knowles
ศิลปิน: | Beyonce Knowles |
อัลบัม: | 4 |
จำนวนเพลง: | 12 เพลง |
แนวเพลง: | R&B / Pop |
วันที่ออกจำหน่าย: | 6 กรกฎาคม 2554 |
สังกัด: | Sony Music |
หลังจากพักงานเพลงไปในช่วงปี 2010 เพื่อใช้ชีวิตส่วนตัวและค้นหาแรงบันดาลใจในการทำผลงานใหม่ๆ ในที่สุดนักร้องสาวผิวสี บียอนเซ โนวล์ส (Beyonce Knowles) ก็ปล่อยอัลบั้มเต็มชุดที่ 4 ที่มีชื่อเรียบง่ายว่า 4 ออกมาให้แฟนๆ ได้ยลโฉม ซึ่งอัดแน่นด้วย 12 เพลงที่ยังคงความเป็นอาร์แอนด์บีเอาไว้และผสมผสานกับแนวอื่นๆ ให้ดูโดดเด่นขึ้นมา โดยมีเพลงดังอย่าง Run The World (Girls) รวมอยู่ในอัลบั้มด้วย
อัลบั้ม 4 เป็นผลงานชุดแรกของ บียอนเซ ที่ปราศจาก แมตธิว โนวล์ส (Mathew Knowles) ที่เป็นทั้งคุณพ่อและผู้จัดการของเธอ เนื่องจากทั้งคู่ได้ยกเลิกสัญญาในการทำงานร่วมกันในเดือนมีนาคม ปี 2011 โดย บียอนเซ ทุ่มเทกับอัลบั้มนี้เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากถ่ายทอดพลังเสียงลงในเพลงต่างๆ แล้ว เธอยังมีส่วนร่วมในการแต่งและร่วมโปรดิวซ์เองในหลายๆ เพลง
ส่วนชื่ออัลบั้มที่ได้ชื่อว่า 4 นั้น บียอนเซ ให้เหตุผลว่าเป็นเลขพิเศษ เพราะเป็นทั้งเลขวันเกิดของเธอ วันที่ 4 กันยายน ปี 1981 เลขวันเกิดของคุณแม่ และเพื่อนๆ ของเธอ และที่สำคัญยังรวมถึงวันแต่งงานของเธอด้วย คือ 4 เมษายน ปี 2008 นั่นเอง
เพลงดังที่แสดงถึงพลังของความเป็นผู้หญิงอย่าง Run The World (Girls) คือซิงเกิลแรกสำหรับเปิดตัวอัลบั้ม ซึ่งมาในแนวอาร์แอนด์บีและป๊อปผสมแดนซ์ฮอลล์ ที่ดึงเอาจังหวะกลองของเพลง Pon de Floor ของคู่หู เมเจอร์ เลเซอร์ (Major Lazer) มาใส่ไว้ในเพลง
Best Thing I Never Had เพลงบัลลาดจังหวะปานกลางที่ได้รับอิทธิพลของดนตรีแบบกอสเปล เน้นเครื่องดนตรีทำให้เสียงฟังดูลุ่มลึก ทั้งเปียโน กลองชุด และเครื่องสาย เนื้อเพลงกล่าวถึงความรู้สึกดีใจของฝ่ายหญิงที่พบว่าการยุติความสัมพันธ์เป็นทางออกที่เหมาะแล้ว โดยได้ เบบีเฟซ (Babyface) ซึ่งเคยร่วมงานกับ บียอนเซ ใน Broken-Hearted Girl จากอัลบั้ม I Am...Sasha Fierce รับหน้าที่เป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ของเพลง
สำหรับซิงเกิลที่สาม Countdown เป็นเพลงที่ บียอนเซ อยากลองสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยการผสมแนวดนตรียุค 70 และ 90 เข้าด้วยกัน อีกทั้งยังมีเครื่องดนตรีประเภทเป่า และการแทรกตัวของดนตรีแนวอัลโฟรบีต ซึ่งเป็นการรวมกันของดนตรีแจ๊ซ ฟังก์ และแนวเพลงของชาวโยรูบา ชนพื้นเมืองในประเทศเบนินกับไนจีเรีย
Love On Top เป็นอีกหนึ่งเพลงของ บียอนเซ ที่ย้อนรำลึกถึงดนตรียุคเก่าอย่างยุค 80 ซึ่งทำออกมาในรูปแบบอาร์แอนด์บีจังหวะเร็ว ว่าด้วยความรู้สึกไว้วางใจของผู้หญิงที่มีต่อผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเธอสามารถพึ่งพาเขาได้ตลอดเวลา แม้ในยามเศร้าโศกหรือยากลำบาก จนท้ายที่สุดทั้งคู่ก็ได้มอบความรักพร้อมความเคารพให้แก่กันและกันเป็นการตอบแทน
ขณะที่ Party เป็นเพลงอาร์แอนด์บีในจังหวะกลางๆ ที่มีส่วนประกอบของดนตรีฟังก์และโซล ซึ่งมีแร็ปเปอร์หนุ่ม คานเย เวสต์ (Kanye West) เป็นหนึ่งในผู้ช่วยเรียบเรียงเนื้อเพลง และมี อังเดร 3000 (Andre 3000) เป็นศิลปินรับเชิญร่วมแบ่งปันเสียงร้องในผลงานเพลงนี้
นอกจากนี้ ยังมีเพลงบัลลาดอาร์แอนด์บีช้าๆ อย่าง I Was Here ที่สื่อความปรารถนาอย่างแรงกล้าว่าอยากให้ผู้คนจดจำเธอได้แม้ว่าจะจากโลกนี้ไปแล้ว ซึ่ง บียอนเซ ได้นักแต่งเพลงเลื่องชื่อ ไดแอน วอร์เรน (Diane Warren) มาเขียนเนื้อเพลงหวานปนขมนี้ และมี ไรอัน เท็ดเดอร์ (Ryan Tedder) นักร้องนำจากวง วันรีพับลิก (OneRepublic) เป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์