อัลบัม Recovery - Eminem

อัลบั้มเต็มชุดที่ 7 ของขาแร็ปมาดกวน เอมิเนม (Eminem) หรือ มาร์แชลล์ แมเธอร์ส (Marshall Mathers) ที่ลดเนื้อเพลงแนวจิกกัดล้อเลียนคนดังให้น้อยลง และถ่ายทอดเนื้อหาส่วนตัวที่ซื่อสัตย์และสุขุมมากขึ้น อัลบั้มนี้ไม่มีสคิต (skit - เรื่องแต่งเพื่อล้อเลียนแบบสั้นๆ) แทรกปนอยู่เหมือนอัลบั้มที่ผ่านมา ทำให้มีจำนวนเพลงอัดแน่นจุใจมากขึ้น โดยผ่านมือโปรดิวเซอร์หลายคน อาทิ อเล็กซ์ ดา คิด (Alex da Kid) จัสต์ เบลซ (Just Blaze) บอย-วันดา (Boi-1da) จิม จอนซิน (Jim Jonsin) ดีเจ คาลิล (DJ Khalil) และ ด็อกเตอร์ เดร (Dr. Dre)

เดิม เอมิเนม ตั้งใจทำอัลบั้มนี้เป็นภาคต่อจาก Relapse อัลบั้มก่อนหน้าของเขาและใช้ชื่อว่า Relapse 2 แต่หลังจากผลงานออกมาเป็นรูปเป็นร่าง เจ้าตัวกลับมองว่าดนตรีของอัลบั้มนี้แตกต่างจากอัลบั้มที่แล้วเกินไป อีกทั้งยังเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ลึกซึ้งกว่า มันจึงควรมีชื่ออัลบั้มเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ ผลงานในอัลบั้มนี้ยังสื่อถึงชีวิตใหม่ของ เอมิเนม หลังจากการฟื้นตัวจากยาเสพติด เอมิเนม จึงตั้งชื่ออัลบั้มนี้ว่า Recovery ซึ่งแปลว่าการฟื้นตัว

เปิดตัวด้วยซิงเกิล Not Afraid มีเนื้อหาเกี่ยวกับการต่อสู้กับปัญหาชีวิตของ เอมิเนม แต่ก็เป็นเพลงที่มองโลกในแง่ดีและให้กำลังใจ ซิงเกิลถัดมา Love the Way You Lie เล่าเรื่องของคู่รักที่ทำร้ายกัน ซึ่งทั้ง เอมิเนม และนักร้องสาว ริอานนา (Rihanna) ที่มาช่วยร้องเพลงนี้ ต่างเคยมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเรื่องราวความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างคนรักด้วยกันทั้งคู่

ซิงเกิลที่ 3 ได้แก่ No Love ที่ ลิล เวย์น (Lil Wayne) มาช่วยแร็ปตอบแทนน้ำใจ หลังจาก เอมิเนม ไปร่วมงานในเพลง Drop the World ในอัลบั้มของเขา เพลงนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้คนที่เคยทำร้าย เอมิเนม และ ลิล เวย์น มาเมื่อในอดีต โดยมีการหยิบยืมบางส่วนของเพลง What Is Love ของ แฮดดาเวย์ (Haddaway) มาเสริมในเพลงด้วย

ศิลปินรับเชิญอีกรายคือสาว พิงก์ (Pink) ในเพลง Won't Back Down เนื่องจาก เอมิเนม นึกถึงเสียงของเธอคนนี้ขึ้นมาหลังจากบันทึกเสียงส่วนของตนเองเสร็จ ส่วนนักร้องแร็ป โคบี (Kobe) นั้นมาช่วยร้องในเพลง Talkin' 2 Myself ในเพลงนี้ เอมิเนม สารภาพอย่างจริงใจว่าเคยรู้สึกอิจฉาเพื่อนร่วมอาชีพอย่าง ลิล เวย์น และ คานเย เวสต์ (Kanye West) จนเกือบแต่งเพลงโจมตีพวกเขามาแล้ว แต่ก็ดีใจที่ไม่ได้ทำลงไป

Cinderella Man คือเพลงที่ เอมิเนม แต่งเพื่อปลอบใจ สคริปต์ เชปเพิร์ด (Script Shepherd) หนึ่งในโปรดิวเซอร์ของอัลบั้มและผู้ร้องประสานเสียงในเพลงนี้ ที่ต้องเสียพี่ชายไปจากการถูกคนร้ายแทงต่อหน้าคุณแม่ของเขา อีกเพลงที่มีความหมายลึกซึ้งในทำนองเดียวกันอย่าง You're Never Over อุทิศให้แก่ พรูฟ (Proof) นักร้องแร็ปและเพื่อนสนิทของ เอมิเนม ที่ถูกฆาตกรรมในปี 2006

การแขวะคนดังที่เคยเป็นเอกลักษณ์ของ เอมิเนม ยังคงหลงเหลืออยู่ในเพลง Cold Wind Blows ที่เขาแร็ปกระทบถึง มารายห์ แครีย์ (Mariah Carey) ส่วน 25 to Life นั้นบรรยายถึงความรักและความทุ่มเทที่ เอมิเนม มีต่อดนตรีฮิปฮอป