อัลบัม The A List - a1
ศิลปิน: | a1 |
อัลบัม: | The A List |
จำนวนเพลง: | 15 เพลง |
แนวเพลง: | Pop |
วันที่ออกจำหน่าย: | 20 พฤศจิกายน 2543 |
สังกัด: | Sony Music |
สี่หนุ่มใส a1 (เอ-วัน) จากเกาะอังกฤษ อันได้แก่ เบน,พอล,คริสเตียน และ มาร์ก กลุ่มหนุ่มๆที่เป็นมากกว่าบอยแบนด์ เพราะพวกเขามีความสามารถทั้งร้อง เล่น(ดนตรี) เต้น และเขียนเพลง พร้อมแต่งทำนองได้ในเวลาเดียวกัน
ความสามารถของพวกเขาได้รับการพิสูจน์มาแล้วจากความสำเร็จในชุด Here We Come ซึ่งมีถึง 4 ซิงเกิ้ลที่ติดอันดับ Top Ten บน UK Chart และครองใจแฟนชาวไทยเช่นเดียวกัน ได้แก่เพลง Be The First To Believe, Summer Time of Our Lives, Everytime และ Ready or Not
นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถชนะใจแฟนเพลงชาวไทยด้วย การแสดงสดแบบไม่มีลิปซิงค์เมื่อครั้งที่มาเยี่ยมเยียนแฟนชาวไทยเมื่อกลางปีนี้ จากเพลงดังที่ได้รับความนิยมต่อเนื่องกันมาตลอดจากเพลงซึ้ง ตามด้วยเพลงหวาน จนมาเพลงสนุก ตั้งแต่กลางปีจนล่าสุดเพลง Take On Me ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้ม The A List ก็ยังคงความฮือฮาและพิสูจน์ความนิยมของแฟนๆได้อย่างไม่เสื่อมคลาย
Take On Me เป็นสามารถก้าวขึ้นอันดับหนึ่ง UK Chart เบียด Madonna - Music ลงมาอยู่เป็นอันดับ 2 ได้อย่างไม่น่าเชื่อ Take On Me เป็นเพลงคัฟเวอร์ของ AHA นักร้องฮีโร่ของ คริสเตียน สมาชิกคนหนึ่งในวง จากการออกแสดงรอบโลกและได้รับความสำเร็จอย่างสวยงาม เปิดโอกาสให้ a1 เก็บเกี่ยวประสบการณ์และเติบโตในทางดนตรีมากขึ้น ซึ่งแฟนๆสามารถสัมผัสได้จา ทั้ง 15 เพลงใหม่สดที่ a1 คัดมาไว้ใน The A List นี้
ดนตรีใน The A List มีความหลากหลายและจัดจ้านมากขึ้น เพราะนอกไปจากความสามารถของ a1 เองแล้ว พวกเขายังได้ทีมงานแข็งแกร่งอย่าง Eric Foster - White (Britnet Spears), Rip Rock and Alex (N'Sync) , Andreas Carlson และ Chris Porter (George Michael) เพลงเด่นๆในอัลบั้มมีทั้งเพลงสนุกสนานอย่าง Take On Me, Same Old Brand New You, Too Bad Boy, Nothing But Trouble, Scared และ Celebrate Our Love ซึ่งแต่ละเพลงก็มีจังหวะยักย้าย ให้ได้สนุกสนานแตกต่างกันไป ทั้งแบบป็อปล้วนๆ ทั้งแบบที่มี R&B มาผสมให้โยกกันสนุกยิ่งขึ้น
ในด้านเพลงช้าๆซึ้งๆที่สร้างชื่อให้ a1 ในด้านความละเมียดทางอารมณ์ด้วยการผสานดนตรีที่อลังการและเนื้อร้องที่กินใจก็มีให้ฟังกันจุใจ เริ่มด้วย The Things We Never Did, Tomorrow, She Doesn't See Me ที่มีเสียงปี่สก็อตเพิ่มความหวานซึ้งกลมกลืนไปกับเนื่อเพลง จนถึงเพลงปิดท้าย One In Love