เมย์ โวย ขังแปด ทำเสียชื่อ ยืนยันไม่ไปดูหนังที่ตัวเองแสดง
เมย์ - ภัทรวรินทร์ ทิมกุล โวยผู้สร้างภาพยนตร์ ขังแปด ไม่ทำตามสัญญา ตกลงกันให้แสดงภาพยนตร์ชีวิต แต่ปรากฏว่าโฆษณาจนกลายเป็นภาพยนตร์เซ็กส์ โกรธจัดถึงขั้นประกาศไม่ขอไปดูภาพยนตร์ที่ตัวเองแสดง
ด้านผู้กำกับ สนานจิตต์ บางสพาน บอกขอโทษ พร้อมรับประกัน ขังแปด ไม่ใช่ภาพยนตร์เซ็กส์ หลังจากเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ป้ายโฆษณาภาพยนตร์ ขังแปด โดยเป็นภาพผู้หญิงโป๊ยืนหันหลังเกาะลูกกรงว่า ไม่เหมาะสม
"การที่เอาภาพไปโปรโมทโดยไม่ขออนุญาต อย่างอื่นก็ไม่ต้องมาพูดกัน เมย์เป็นคนไทย เมย์นับถือวัฒนธรรมไทย เมย์ไม่ใช่ฝรั่ง คุณไม่มีสิทธิเอามาทำทั้งๆ ที่เมย์ไม่อนุญาต เมย์อยากพูดว่า จริงๆ รู้สึกไม่ดี โกรธ ผู้ใหญ่อย่าโกหกตั้งแต่แรก พูดกับเมย์ตรงๆ ก็ได้ ไม่ต้องมาหลอกกัน ยิ่งหลอกกัน ยิ่งโกรธ เราโตๆ กันแล้ว หนังดีบทดี แต่การที่ผู้ใหญ่ไม่รักษาคำสัญญากับเมย์ ทำให้เมย์โกรธ คุณนึกว่าเมย์เป็นใครคะ เมย์อยู่ในวงการแสดงมานาน คุณไม่มีสิทธิทำอย่างนี้กับเมย์หรือกับนักแสดงคนไหนก็ตาม การนำไปประจานในทางที่เสีย คุณทำอย่างนี้กับเมย์ไม่ได้ เมย์ทนไม่ได้" เมย์ กล่าว
เมย์ กล่าวอีกว่า เธอให้อภัยไม่ได้ แม้ว่าจะมีการขอโทษ ซึ่งเธอคิดว่า ใครๆ ก็พูดได้ พร้อมกับยืนยันว่า จะไม่ไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอน
ขณะที่นาย จารุ หร่ำเดช ตัวแทนจากบริษัท สหมงคลฟิล์ม ซึ่งเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ ขังแปด กล่าวว่า การโฆษณาออกมาเช่นนั้น เป็นการคิดทำโฆษณา ประชาสัมพันธ์ เพื่อทำให้คนสนใจดูภาพยนตร์ และยืนยันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ภาพยนตร์เรตอาร์
"ผมอยากให้พี่น้องชาวไทยที่ได้เห็นโฆษณาขังแปด กรุณาไปดูหนังขังแปด เป็นหนังที่มีคุณค่า มีศิลปะ เป็นอาร์ต พร้อมออกสู่ตลาดโลกได้อย่างสง่างาม เพราะ สหมงคลฟิล์มและคุณสนานจิตต์ตั้งใจทำ ประชาชนควรให้ความเป็นธรรมกับหนังไทย ปลุกกระแส เพื่อให้หนังไทยออกสู่ตลาดโลกอย่างสง่างาม" นายจารุ กล่าว
นายสนานจิตต์ บางสพาน ผู้กำกับภาพยนตร์ ขังแปด กล่าวว่า การประชุมของกองเซ็นเซอร์ก็ขอให้ถอนฉากของนักแสดงนำหญิงออกไปบางส่วน ดูให้พอเหมาะพอควร และไม่ล้ำเส้น
"เราเคารพในคำวิพากษ์วิจารณ์ แง่การทำโฆษณาถือว่าประสบความสำเร็จ แง่มองว่าเรารับผิดชอบตัวเองไหม เรารับผิดชอบ และผมก็ยอมรับในสิ่งที่ครีเอท ตอนแรกที่ไปติดต่อซื้อพื้นที่โฆษณาตามสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เมื่อเขาเห็นโปสเตอร์ ก็บอกอย่างนี้ไม่ให้ เมื่อไปติดต่อกทม. ก็บอกไม่ได้ นุ่งผ้าหน่อยได้ไหม รับผิดชอบหน่อยได้ไหม เราก็ทำ" ผู้กำกับ กล่าว
นายสนานจิตต์ กล่าวอีกว่า การดำเนินการได้ผ่านไปตามช่องทางถูกต้องทั้งภาพยนตร์และใบปิด กองเซ็นเซอร์ได้พิจารณาทั้งหมด ซึ่งมีการตรวจสอบ ประทับตราให้ผ่านได้
"ก็ต้องแฟร์กับคนทำศิลปะ การทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ผมในฐานะผู้กำกับ ผมคงไม่อยากกำกับหนังครั้งแรกเมื่ออายุ 50 และให้ถูกแบน ไปดูหนังผมก่อนแล้วค่อยว่ากัน หนังเรื่องนี้ผมเขียนและกำกับเอง เงื่อนไขการทำภาพยนตร์เรารู้ว่าเราไปไกลได้แค่ไหน ผมไม่ใช่เด็ก ผมมีวุฒิภาวะ ผมมีครอบครัว ผ่านชีวิตมาพอสมควร ผมรู้ว่าทำได้มากแค่ไหน คงต้องแยกประเด็นกรณีใบปิดกับหนังออกจากกัน" เขา กล่าว
ด้านผศ.ดร.ชวนะ ภวกานันท์ ที่ปรึกษาฝ่ายสื่อสารการตลาดของบริษัท สหมงคลฟิล์ม กล่าวว่า การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้ทำตามโจทย์ที่ได้รับมา คือ ทำอย่างไรให้ดูออกมาเป็นแนวศิลปะ เป็นที่ยอมรับและไปขายยังต่างประเทศได้
"โจทย์ที่ได้เป็นโจทย์ที่ดี ผมมีหน้าที่ทำอย่างไรให้เป็นที่ยอมรับ ซึ่งเรายังไม่มีหนังไปฉายให้เขาดู มีแต่ใบปิดที่จะดึงดูดใจ และเราไปทดสอบที่ มิลาน ปูซาน ภูฐาน ซึ่งผมทำตามหน้าที่ผม ทำให้เป็น ทอล์คออฟเดอะทาวน์ ให้ได้" เขา กล่าว
ผลการตรวจพิจารณาภาพยนตร์เรื่อง ขังแปด โดยมี พล.ต.ต.เทอดพงศ์ เทียนสุวรณ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผู้ช่วยผบช.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ พร้อมด้วย ตัวแทนจากกองทะเบียน ทบวงมหาวิทยาลัย กรมประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์ และสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ร่วมพิจารณา ปรากฏว่า คณะกรรมการมีความเห็นให้ตัดฉากเลิฟซีน จำนวน 2 ตอนออกไป และอนุญาตให้นำออกฉายได้ โดยฉากที่ถูกตัดออกไปนั้นเป็นเพียงบางช่วง ซึ่งไม่ได้ทำให้เนื้อเรื่องโดยรวมเสียหาย ส่วนที่เกี่ยวข้องกับทางราชทัณฑ์นั้น เจ้าหน้าที่บอกว่า สามารถรับได้ เพราะเรื่องชีวิตนักโทษเป็นเรื่องที่สมมติขึ้นมา และไม่ได้ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของทางราชทัณฑ์เสียหาย
ประธานคณะกรรมการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ กล่าวอีกว่า สำหรับภาพโฆษณาภาพยนตร์ที่ไปติดตามที่ต่างๆ นั้น ที่ประชุมก็ได้นำมาหารือ เพราะที่ผ่านมามีการพิจารณาให้ติดภาพเล็กตามหน้าโรงภาพยนตร์เท่านั้น ไม่คิดว่าจะนำไปขยายเป็นภาพใหญ่เช่นนี้ และเห็นว่ากรุงเทพมหานครได้สั่งให้นำป้ายดังกล่าวออกแล้ว
"เรื่องใบปิดนี้ ถือว่าเป็นบทเรียนอันหนึ่งที่ต่อไปต้องพิจารณาว่า อะไรที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องและมีการนำมาประกอบเพื่อการโฆษณา เราจะไม่ยอมแล้ว รวมถึงการขยายขนาดของภาพด้วย" พล.ต.ต.เทอดพงศ์ กล่าว ขณะที่นายสนานจิตต์ บางสพาน ผู้กำกับภาพยนตร์ที่มารับฟังผลการพิจารณา กล่าวถึงมติของคณะกรรมการตรวจพิจารณาที่ยกเลิกฉากเลิฟซีนทั้ง 2 ฉากออกไปนั้นว่า ไม่ยุติธรรมสำหรับภาพยนตร์ไทย และต้องยื่นอุทธรณ์แน่นอน เพราะฉากที่ใส่ไว้มีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป
"ตอนที่ตัดออกไปมันทำให้เสียเรื่องของผม มันเป็นส่วนสำคัญของเนื้อเรื่อง เขายกออกไป เรื่องมันเสียไปเลย คนดูจะสับสน ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าทำไมตัวละครถึงทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผมบอกแล้วว่า หนังของผมไม่ใช่หนังเซ็กส์ แต่เป็นหนังชีวิต เหตุผลนั้นผมยังไม่เห็น แต่กรรมการเขาให้ยกฉากเลิฟซีน 2 ฉากออก" นายสนานจิตต์ กล่าวและว่าภาพยนตร์มีเลิฟซีนระหว่างชายกับหญิงเพียงแค่ 2 ฉากเท่านั้น ส่วนเลิฟซีนของหญิงกับหญิงในคุกนั้นไม่แสดงออกมาให้เห็น เพียงแต่ทำให้รู้ว่ามีอยู่จริงตามที่มีการวิจัยมาเท่านั้น เพราะก็เคารพหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
นายสนานจิตต์ กล่าวต่อว่า ตราบใดที่ยังไม่มีกฎหมายแบ่งอายุคนดู แบ่งประเภทหนัง ทำให้รู้สึกว่าเป็นดับเบิลสแตนดาร์ดระหว่างภาพยนตร์ไทยกับภาพยนตร์ฝรั่ง
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง ขังแปด เป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกของ สนานจิตต์ บางสพาน นักเขียนและนักวิจารณ์ภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ ที่พลิกบทบาทตัวเองมาเป็นผู้กำกับการแสดง โดยภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวมี สรวงสุดา ลาวัลย์ประเสริฐ นางสาวไทย ปี 2540 และ เมย์ - ภัทรวรินทร์ ทิมกุล เป็นนักแสดงนำ และใช้ทุนในการสร้าง 15 ล้านบาท เสร็จสิ้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และมีกำหนดออกฉายในวันที่ 4 ต.ค.นี้