โหน่ง ชวนทำความรู้จักกลุ่มคนพิเศษใน เดอะดาวน์
"เดอะดาวน์ เป็นคนธรรมดามันง่ายไป" (The Down) ภาพยนตร์สารคดีเรื่องแรกของ อะเดย์ โดยผู้อำนวยการสร้าง "โหน่ง - วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์" มุ่งหวังที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดความเข้าใจของผู้คนในสังคม เกี่ยวกับคนเป็นดาวน์ซินโดรมไปในทางที่ดีขึ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของวัยรุ่น 5 คนที่มีภาวะดาวน์ซินโดรม แต่สามารถสร้างอาชีพ และใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติสุข ซึ่งได้แก่ พนักงานบริษัทสาวอารมณ์ดี "แพน - กมลพร วชิรมน" หนุ่มห้างแห่งร้านเสื้อผ้าชื่อดัง "แบงค์ - สุทธิพศ กนกนาค" พนักงานร้านกาแฟผู้มีความสุข "เบียร์ - ศิรินลักษณ์ ฉลาด" และ 2 ฝาแฝดนักกีฬาบอชชี "ออม - อรนิภา กาญจนศิริ" กับ "อัน - อติญา กาญจนศิริ" กำกับการแสดงโดย "โอ๋ - พิสุทธิ์ มหพันธ์"
เดอะดาวน์ เปิดตัวแบบเป็นทางการกันไปแล้วในวันที่ 6 ตุลาคม 2558 ณ ลานอินฟินิซิตี้ ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน โดยมีวง "สมเกียรติ" มาเริ่มต้นสร้างบรรยากาศอบอุ่นด้วยเพลงแนวอะคูสติก อาทิ "อาย" "ช่างมัน" ต่อด้วยการแสดงของ "เล็ก - อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร" หรือ "กรีซซี่ คาเฟ่" (Greasy Cafe) ที่ขนเพลงดังมาฝากมากมายไม่ว่าจะเป็น "ประโยคบอกเล่า" "หมุน" "ฝืน" และ "สิ่งเหล่านี้" จากนั้น โหน่ง วงศ์ทนง พร้อมด้วยผู้กำกับ และ 2 โปรดิวเซอร์ไฟแรง "เป้ง - ทรงพล จั่นลา" กับ "อีฟ - จริยา มุ่งวัฒนา" ก็มาร่วมพูดคุยกันแบบเจาะลึก ถึงเบื้องหลังในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้
โหน่ง เล่าถึงการทำงานที่เริ่มต้นจากสื่อสิ่งพิมพ์ ก่อนที่จะขยับขยายมาจนถึงจุดที่อยากจะสร้างภาพยนตร์ว่า "ภาพยนตร์เนี่ยก็เป็นสื่อหนึ่งที่เราสนใจมานานมากแล้ว เพียงแต่ว่าที่ผ่านมามันยังไม่มีซับเจกต์ หรือว่าท็อปปิกที่ปลุกให้ลุกขึ้นมาทำ แต่ว่าปีที่แล้วเนี่ยผมไปเที่ยวอิตาลีมานะครับ ไปมา 2 อาทิตย์ ผมไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ผมจะเจอคนเป็นดาวน์ซินโดรมหลายครั้ง ผมก็เลยแปลกใจว่าทำไมในเมืองไทยเราเนี่ย เราไม่ค่อยเห็นคนเป็นดาวน์ในชีวิตประจำวันเลยใช่ไหมฮะ ก็เลยมาค้นข้อมูลดูปรากฏว่าไม่ใช่เมืองไทยมีคนเป็นดาวน์น้อยนะ มีหลายแสนคนครับ แต่ละปีอัตราเกิดปีละ 800-1,000 คน แต่เหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งที่เราไม่ค่อยเห็นพวกเขาออกมาใช้ชีวิตก็เพราะว่าน่าเศร้ามากนะครับ พ่อแม่หลายคนรู้สึกอายที่มีลูกเป็นดาวน์ นี่เป็นสาเหตุสำคัญเลยที่ทำให้ผมคิดว่าอยู่ไม่ได้แล้ว ผมต้องลุกขึ้นมาสร้างสื่ออะไรสักสื่อหนึ่ง ที่เปลี่ยนแปลงความคิดความเข้าใจของผู้คนในสังคมเกี่ยวกับคนเป็นดาวน์ซินโดรมครับ"
เป้ง พูดถึงโจทย์สุดท้าทายที่ได้รับจาก โหน่ง ว่า "คือตอนแรกผมก็คิดว่าทำหนังเนี่ยมันก็เป็นการเล่าเรื่องหนึ่งชั่วโมงครึ่ง อันนั้นยังไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไรครับ เพราะเราก็ทำทีวีอยู่เราก็พอที่จะเล่าเรื่องเป็นอยู่ แต่ว่าสิ่งที่พี่โหน่งทำให้รู้สึกว่ายากก็คือพี่โหน่งบอกว่า พี่อยากให้คนดูเยอะๆ นะ พี่ไม่ได้จะมานั่งดูกันเองเป็นหนังอินดี้ ผมรู้สึกว่าอันนี้เป็นความท้าทายจริงๆ คือทำหนังแบบนี้ยังไงให้เป็นที่สนุก แล้วก็คนดูเยอะๆ อันนี้คือสิ่งที่ยากกว่าครับ" ด้าน อีฟ เผยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีบทที่ตายตัว "จริงๆ ต้องบอกว่าจุดเริ่มต้นเนี่ยทำสคริปต์ไว้หมดเลยนะคะ แล้วก็วางแผนคิวถ่ายทุกสิ่งอย่าง เหมือนอย่างที่เวลาเราทำรายการทีวีเนอะ เราต้องมีโครงเรื่องเราต้องคิดว่าเราจะเริ่มต้นยังไง จบยังไง แต่ว่าออกกองวันแรกเราก็ค้นพบว่ารื้อทิ้งเถอะ (หัวเราะ) เพราะว่าสิ่งที่เราวางแผน หรือตั้งใจไว้ พอไปเจอน้องๆ จริงๆ เนี่ยมันไม่ใช่เลย คือมันกลายเป็นว่าเหมือนโครงสคริปต์หรือสิ่งที่คิดอีฟคิดไว้เนี่ยหน้างานคือรื้อทิ้งหมด แล้วคิดใหม่เดี๋ยวนั้น อยู่กับนาทีปัจจุบัน"
ฟากผู้กำกับเล่าถึงความยากในการทำงานให้ฟังว่า "ลองนึกง่ายๆ ว่าเรากำลังจะทำหนัง ซึ่งนักแสดงจะไม่ท่องบทของคุณ เขาอาจจะไม่ทำอย่างที่คุณต้องการเลย หรือบางทีคุณอาจจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ ผมเจอคู่แฝดก่อนวันแรก ไปกับอีฟที่สนามกีฬา ก็มึนๆ อยู่พักหนึ่ง เราก็หาวิธีจัดการ คือเราเอาสคริปต์อะไรไปครอบมากๆ ไม่ได้ครับ เราบล็อกกิงเขายังไม่ค่อยได้เลย เขาอยากทำเขาทำ" อีฟ มองว่าความสนุกของการทำงานคือความสดใหม่ในกองถ่าย "ความสนุกคือเราจะได้เจอสิ่งที่เรียกว่าสดอยู่ในทุกนาทีค่ะ ใหม่สดทุกเช้า เซอร์ไพรส์ทุกกอง ซึ่งสมมติว่าวันหนึ่งเราอยากได้น้องสนุก มีความสุข หัวเราะ แต่วันจริงไม่สนุก ไม่มีความสุข ไม่หัวเราะ แล้วเขาแสดงไม่ได้ด้วย ก็คือไม่มีความสุข คือไม่สามารถแสดงว่ามีความสุข เพราะฉะนั้นก็คือต้องสดหน้ากอง คืออ๋องั้นเศร้าใช่ไหม งั้นเศร้าให้สุดไปเลย ร้องไห้ก็ร้องให้สุดกันไปเลย"
สำหรับเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อเพลงว่า "สุดสายตา" โดย กรีซซี่ คาเฟ่ ซึ่งโหน่งให้ความเห็นว่า "ตอนที่เริ่มต้นทำ เดอะดาวน์ ผมนึกถึงว่าอยากได้เพลงนำภาพยนตร์สักเพลงหนึ่งนะครับ แล้วไม่นึกถึงใครเลยครับ นึกถึงพี่เล็ก กรีซซี่ คาเฟ่ คนแรกเลย เพราะว่าเป็นเพื่อนกันมา 10 กว่าปีแล้วครับ พี่เล็กเนี่ยหลายคนไม่ทราบว่าเขาเป็นช่างภาพสารคดีฝีมือดีมาก่อนนะครับ ส่วนตัวผมเป็นแฟนเพลง กรีซซี่ คาเฟ่ อยู่แล้ว ผมว่าเพลงของเขาเนี่ยมีความลึกซึ้งอะไรบางอย่างนะ ก็ชวนพี่เล็กมาครับ แล้วก็เล่าให้ฟัง เอาฟุตเทจให้ดู พี่เล็กอินมากนะครับ แล้วก็ไปแต่งอยู่เป็นอาทิตย์ๆ เลยฮะ สุดท้ายได้เพลง สุดสายตา ซึ่งผมว่าเป็นเพลงที่ลึกซึ้งแล้วก็ไพเราะมากๆ"
ด้าน เล็ก เอ่ยความรู้สึกที่ได้ทำเพลงนี้ว่า "รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งนั้นครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันจะออกมาเป็นยังไง เพราะว่าวันที่ได้ไปคุยประชุมกับทีมงานก็คุยกันเรื่องนี้ครับ แล้วผมก็รู้สึกเยอะมาก ซึ่งมันเป็นประเด็นหนึ่งที่ผมมีในใจแล้วอยากพูดออกมาแต่ว่ามันไม่เสร็จสักที จนวันนั้นได้มาคุย แล้วดูฟุตเทจอะไรบางอย่าง แล้วมันแรงมากความรู้สึกที่รู้สึกวันนั้นครับ" ศิลปินมากฝีมือบอกว่าแรงบันดาลใจของเพลงนี้เกิดขึ้นขณะนั่งเครื่องบิน "พอเครื่องขึ้นผมเห็นคนเป็นจุดเล็กๆ เยอะแยะมากมาย แล้วผมรู้สึกว่าจุดแต่ละจุด มันไม่เห็นมีจุดไหนที่แบบใหญ่มากเล็กมากเลย จุดมันเท่าๆ กันหมด ก็คือสิ่งแรกที่ผมรู้สึก เพราะฉะนั้นผมรู้สึกว่าใครก็ตามที่อยู่ในสังคม ไม่ว่าใครจะทำหน้าที่ใหญ่มาก หรือใครจะทำหน้าที่ที่คนคิดว่าเล็กมาก ตัวไม่ได้ต่างกันมาก อันนั้นคือเรื่องแรก แต่พอขึ้นเครื่องไปแล้ว ผมเห็นเส้นสุดสายตาตรงนั้น แล้วก็รู้สึกว่าจริงๆ ไม่น่าจะมีใครที่มองเห็นเส้นนั้นเป็นเส้นเฉียงเส้นอะไร มันน่าจะเป็นเส้นตรงๆ นั่นแหละครับมันก็เลยเป็นที่มา เป็นคำตอบของเพลงนี้ว่าในที่สุดมันคือประเด็นนี้นะ"
หลังจบการสัมภาษณ์ เล็ก กรีซซี่ คาเฟ่ ได้เข้าประจำตำแหน่งคีย์บอร์ด ก่อนที่จะร้องเพลง สุดสายตา ให้ได้ฟังกันแบบสดๆ เสริมทัพด้วยเหล่านักแสดงนำของ เดอะดาวน์ ทั้ง 5 คน ที่มาร่วมร้องเพลงนี้อย่างมีความสุข ท่ามกลางรอยยิ้มและกำลังใจจากคนดูอย่างล้นหลาม แล้วมาติดตามกำลังเล็กๆ ที่จะขอเปลี่ยนแปลงมุมมองของทุกคน ในภาพยนตร์เรื่อง เดอะดาวน์ เป็นคนธรรมดามันง่ายไป ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2558 ในโรงภาพยนตร์