ดึงเรื่องราวของ สามารถ บนสังเวียนนักชกลง มาดพยัคฆ์
จากเรื่องราวของ "สามารถ พยัคฆ์อรุณ" หรือ "มาด - สามารถ ภพธีรธรรม" เจ้าของฉายา นักมวยหน้าหยก ผู้ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในวงการมวยไทยและมวยสากล นอกจากนี้ยังมีงานในวงการบันเทิงอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นักร้อง หรือนักแสดง สู่ภาพยนตร์สารคดีชีวิตเรื่อง "มาดพยัคฆ์" นำแสดงโดยเจ้าของเรื่องราวอย่างตัว สามารถ เอง และตัวตนในวัยที่แตกต่าง ได้แก่ "แชมป์ - สันสกฤต คงถาวร" "ตี๋ - ทวีเกียรติ เพชรโต" และ "เจ๋ง - พิทัต ผลทวี" หรือ "ยอดพยัคฆ์ ส.เดชอุบล" จากผลงานการกำกับของ "นรชาย กัจฉปานนท์"
ผู้กำกับเล่าถึงที่มาที่ไปในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "จุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้ มันเริ่มต้นมาจากทางช่องนาว มาร่วมงานกับ โลคอล คัลเลอ ฟิล์ม เขาจะทำคอนเทนต์เกี่ยวกับมวย มี สามารถ พยัคฆ์อรุณ เป็นตัวตั้ง โปรดิวเซอร์เขาเคยเห็นเราทำสารคดีเบื้องหลังหนังครับ ก็เลยให้ช่วยมาลองคิดว่าจะทำอะไรเกี่ยวกับอันนี้ดี ก็ทำสารคดีชีวิตเขาเพราะว่าชีวิตเขาเคยผ่านอะไรมาเยอะ แล้วก็เป็นสุดยอดมวย คือรู้สึกว่าเขาก็เป็นหนึ่งในตำนานนักมวยที่คนทั่วประเทศให้การยอมรับครับ เท่าที่พอลงไปสัมภาษณ์เขา รู้สึกว่าชีวิตเขามีความเป็นหนังมาก แต่ละช่วงชีวิตมันจะมีความสูงสุด ต่ำสุดของชีวิต อีกอย่างหนึ่งคือเขาหน้าตาดีทำงานอยู่ในวงการบันเทิง เราก็คิดว่าเราน่าจะทำหนังชีวิตเขาได้ เราก็พล็อตชีวิตเขามาเป็นบทหนังเรื่องหนึ่งครับ"
หลายคนมองว่าภาพยนตร์เกี่ยวกับมวย ไม่ว่าจะทำออกมากี่ครั้งก็สนุก ฟากผู้กำกับให้ความเห็นว่า "ผมว่าก็จริงครับ เพราะว่าชีวิตนักมวยมันจะสนุก แพตเทิร์นคล้ายๆ กัน ต้องไต่เต้า ต้องต่อสู้กับอะไรต่างๆ นานา ที่น่าสนุกก็คือชีวิตนักมวยจะต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่ชีวิตส่งมาให้ ตอนเด็กอาจจะเป็นความยากจน โตขึ้นมาหน่อยก็ความท้อแท้ที่ต้องพยายามขึ้นไป ตอนมีชื่อเสียงโด่งดังก็เป็นความกดดันอีกแบบหนึ่ง มันก็จะเหมือนชีวิตคนเรามันต้องต่อสู้" ส่วนฉากที่ผู้กำกับชอบที่สุด เจ้าตัวบอกว่า "คือผมชอบตรงที่หนังเรื่องนี้มันเล่าด้วยสารคดี มันก็จะมีบุคคลจริงที่อยู่ในนั้น ผมรู้สึกว่าซีนที่รีแลกซ์ ที่มันยิ้มๆ ก็คือพี่มาดเขาไปเจอกับบุคคลจริงเหล่านั้น มันเหมือนบทสนทนาที่เกิดจากการเล่ารำลึกความหลังกัน เขาจะพูดเรื่องตลกๆ แบบเจอเพื่อนที่เป็นแชมป์มวยสากลด้วยกันอย่าง สด จิตรลดา เจอกับคู่ชกที่ชกด้วยกันแบบ ดีเซลน้อย เขาก็มากอดคอนั่งคุยเรื่องเก่าๆ ตรงนี้มันเป็นอีกซีนหนึ่งที่สนุกๆ ครับ"
สำหรับการคัดเลือกนักแสดง ผู้กำกับคนเก่งยอมรับว่าหนักใจ "จริงๆ แล้วก็หนักใจครับตรงนี้ เพราะว่าอย่างที่บอก เหมือนเราหาเรื่องที่จะเซ็ตตัวละครขึ้นมาเขียนเป็นหนัง ก็ต้องไปหาคนที่หน้าคล้ายๆ แล้วบุลคลจริงพวกนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ ปวดหัวเลยครับ ก็คือทั้งเดือนไม่ต้องทำอะไรเลย ไปหาทุกๆ ค่าย ถ่ายรูปนักมวยทุกคนทุกค่าย แล้วก็มานั่งเลือกกันว่าคนนี้หน้าเหมือนใคร แล้วก็จับใส่เข้าไป เราไม่ได้เอานักแสดงจริงเล่น เราใช้นักมวยจริงๆ นักมวยเล่นแล้วใครจะหน้าเหมือนพี่มาด ก็คือหากันแทบทุกคน หาๆ แล้วก็คนนี้หน้าเหมือนมากสุดแต่ว่าต้องไปฝึกเพิ่ม เราก็ใช้วิธีแบบนั้นครับแบบไปหาตามค่ายมวย แล้วก็เอามาให้ใกล้เคียงที่สุดในแต่ละยุคครับ"
ด้าน เจ๋ง นักมวยหนุ่มที่มาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรกกล่าวว่า "สวัสดีครับผมชื่อ นายพิทัต ผลทวี ครับผม อายุ 23 ปี รับบทเป็นสามารถ พยัคฆ์อรุณ ตอนอายุ 24 ปีครับ น้ำหนักที่ชกก็ 67 กิโลฯ ครับ ตอนชกมวยก็ชื่นชอบสไตล์การชกน้ามาดเขาครับผม" สำหรับความยากในการแสดงนั้น หนุ่มคนนี้บอกว่า "ยากมากครับ ไม่เป็นเลยครับผม ก็ยากทุกตอน" แต่สิ่งที่เจ้าตัวทำได้อย่างสบายๆ ก็คือฉากชกมวย "ไม่ค่อยยากครับผม เพราะมันเป็นประสบการณ์โดยตรงอยู่แล้วครับ ไม่ต้องทำอะไร ชกอย่างเดียว ทำให้มันดีที่สุดครับ" โดยนักมวยหนุ่มฝากให้ทุกคนติดตามชม มาดพยัคฆ์ กันด้วย "ผมก็ฝากทุกๆ คนติดตามหนัง มาดพยัคฆ์ ด้วยนะครับ เพราะตัวผมเองก็ทุ่มเทโกนหัวจริงเลยครับผม ฝากทุกๆ คนติดตามชมด้วยครับ"
ผู้กำกับมองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะก่อให้เกิดความหลากหลายขึ้นในวงการภาพยนตร์ "หนังเรื่องนี้มันอาจจะสร้างความหลากหลายให้วงการภาพยนตร์ได้ คือเหมือนหนังที่ทำเป็นอัตชีวประวัติ อาจจะไม่ค่อยมี อาจจะเป็นหนังที่ไบโอกราฟีแล้วก็ผสมความเป็นสารคดีเข้าไป คิดอย่างเดียวเลยว่าทำให้ดีที่สุดครับ ก็ฝากภาพยนตร์เรื่อง มาดพยัคฆ์ ครับ จะเข้าฉายวันที่ 24 กันยายนครับ 2558 ฉายที่โรงในเครือเอสเอฟ เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ มูฟวี ฉาย 3 โรงครับที่ เซ็นทรัลเวิลด์ ที่พัทยา แล้วก็ที่ศูนย์การค้าเมญ่า เชียงใหม่ ฝากติดตามหนังเล็กๆ เรื่อง มาดพยัคฆ์ ด้วยครับ ขอบคุณครับ"