ต้อ หวนกำกับภาพยนตร์จากโครงเรื่อง สิ้นแสงเทียน
หลังห่างหายจากการกำกับภาพยนตร์มานานหลายปี ล่าสุด "ต้อ - มารุต สาโรวาท" ได้หวนกลับมารับหน้าที่นี้อีกครั้งให้บริษัท บิณฑ์ บูม บิสซิเนส จำกัด อำนวยการสร้างโดย "ท็อป - บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ซึ่ง ต้อ เล่าที่มาให้ฟังว่า "จริงๆ ก็ยังคงอยู่ใกล้ชิดในวงการภาพยนตร์ เพียงแต่หลังจากได้กำกับภาพยนตร์ไปเมื่อปี 2550 (เรื่อง ลิขิตรัก...ขัดใจแม่) พี่ต้อเองก็ได้มีโอกาสทำหนังสั้น เรื่องเกี่ยวกับเด็กติดเกม หนังแนวสาธารณะกุศลเพื่อประโยชน์ต่อสังคม และยังไปเป็นกรรมการพิจารณาหนังสั้นให้หน่วยงานราชการอีกเยอะแยะมากมาย เป็นอาจารย์พิเศษตามมหาลัยฯ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับมาทำหนังใหญ่อย่างเป็นเรื่องเป็นราวสักที จนมาเจอ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ซึ่งเราก็รู้จักกันมาในวงการบันเทิงอยู่แล้ว แต่มาสนิทกันมากเมื่อเราสองคนเป็นคณะกรรมการตัดสินการประกวดสุดยอด กศน. โดยบิณฑ์บอกพี่ต้อว่าอยากให้มาสานฝันทำภาพยนตร์ให้เขาที เพราะเห็นงานละครพี่ต้อทำแล้วชอบมาก ทำได้ประณีตดี ทันสมัยไม่ตกยุค และชอบมุมมองใหม่ๆ ที่พี่ต้อนำเสนอ"
ผู้กำกับมากฝีมือเผยถึงขั้นตอนในการดำเนินการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นพล็อตเรื่องเก่าที่บิณฑ์ซื้อมาชื่อ สิ้นแสงเทียน มีเนื้อเรื่องกินใจ สามารถมอบสิ่งดีให้เยาวชนแสะสังคมได้ แต่จะต้องเปลี่ยนชื่อให้ทันสมัยขึ้น ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการปรับบทให้ดูสนุกทันสมัย โดยได้นักเขียนบทภาพยนตร์มากฝีมืออย่าง น้องนุช ชวาลา มาปรับบทให้ เนื้อเรื่องมีความตื่นเต้นดราม่าเข้มข้น เดาทางลำบาก ผู้ชมจะต้องคาดไม่ถึงว่ามีซีนนี้ด้วยเหรอ เริ่มต้นเหมือนหนังวัยรุ่น เป็นเรียลลิตี มีซีนแบตเทิลเพลง การเต้น เพื่อดึงดูดวัยรุ่น ดึงดูดเกย์ ดึงดูดกะเทยโดยป้าๆ อาทิ ป้าโหน่ง - วสันต์ อุตมะโยธิน ป้าอ้วนรีเทิร์น - อนันต์ เสมาทอง และป้าโจแอน - โจแอน บุญสูงเนิน มีการแสดงโชว์ทิฟฟานี อัลคาซ่าร์"
นอกเหนือจากฉากที่ดึงดูดผู้คนได้หลากหลายแล้ว ต้อ ยังแง้มด้านอื่นๆ ของภาพยนตร์ว่า "ยังมีซีนฆาตกรรมสืบสวนสอบสวน มีความลึกลับบางอย่างที่ปิดไว้ ใครคือฆาตกร เรื่องจะสนุกตรงนี้แฝงความน่ากลัว สนุกเฮฮา และลงท้ายด้วยความสะเทือนใจ ทำให้คนดูต้องเข้ามาดู เพราะจะเล่ายังเล่าลำบาก พี่ต้อว่ามันท้าทายดี ทำให้หนังดูหลากหลายมีมิติลึกขึ้น เนื้อเรื่องอาจจะดูเรียบง่าย แต่เราต้องทำให้คนดูตื่นเต้นไปด้วยตลอด ต้องทำให้คนดูติดตามจนลุกไปไหนไม่ได้ พอออกจากโรงจะเล่าก็ลำบากไม่ถูก ต้องชวนกันมาดู แต่ขอบอกว่าไม่ซับซ้อนเข้าใจง่ายตามแบบฉบับพี่ต้อ อีกอย่างคือโปรดักชันต้องสวยงาม ประณีต"
ต้อ กล่าวว่าตนเองได้นำประสบการณ์ที่สั่งสมมาถ่ายทอดให้กับคนรุ่นหลัง พร้อมต่อยอดสิ่งใหม่ๆ "พี่ต้อดีใจมากที่ได้ทำสิ่งที่รัก และตระหนักดีว่าเมื่อได้โอกาสดีๆ ได้เป็นผู้กำกับกับทุกสายงาน ไม่ว่าจะเป็น ละครเวที ละครโทรทัศน์ และภาพยนตร์ ทำให้พี่ต้อสามารถนำประสบการณ์ที่ผ่านมาในทุกๆ ด้านมาใช้ในวิชาชีพ นำมาใช้ในการเสนอผลงาน และนำความรู้เหล่านี้ไปถ่ายทอดให้นักศึกษา ดีใจที่คนในวงการบันเทิงเห็นคุณค่า คุ้มกับที่ได้อยู่ในวงการมานาน และคงจะอยู่ในวงการไปอีกนาน แต่พี่ต้อกดดันมากนะว่าตัวเองต้องไม่ย่ำอยู่กับที่ ต้องนำเสนอสิ่งใหม่ๆ และท้าทายให้กับวงการบันเทิง เพราะวงการบันเทิงให้โอกาสพี่ต้ออย่างยิ่งยวด สัญญาว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เท่าที่คนในวงการคนหนึ่งจะทำให้วงการบันเทิงได้"