ตรี นันทรัตน์ จับมือหนุ่มรู้ใจ ฉลองสมรสพระราชทาน

นักแสดงสาวคนสวย "ตรี - นันทรัตน์ ชาวราษฎร์" ได้บ่มเพาะความรักจนสุกงอม กระทั่งตัดสินใจแต่งงานกับหนุ่มรุ่นพี่มือระนาดเอกจากกรมศิลปากร "เบิ่ง - ทวีศักดิ์ อัครวงษ์" ที่คบหากันมายาวนานกว่า 10 ปี ทั้งคู่เข้ารับพระราชทานน้ำสังข์จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา และจัดฉลองสมรสพระราชทานขึ้น ณ นันทอุทยานสโมสร ในวันที่ 28 สิงหาคม 2557 โดยมีแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดีอย่างคับคั่ง ซึ่งทั้งคู่ก็ได้ออกมาเล่าถึงความสัมพันธ์อันยาวนานนี้

รู้สึกอย่างไรบ้าง

ตรี "วันนี้เป็นยังไงบ้างเหรอคะ วันนี้ก็เป็นวันดี แล้วก็เป็นวันสำคัญของเราสองคนค่ะ รู้สึกตื่นเต้น (หัวเราะ) ตื่นเต้นงานกลางคืนมากกว่าตอนเช้าอีกเนอะสำหรับหนูนะ"

เบิ่ง "ตอนนั้นไปดูฤกษ์กัน ไปดูกับพระเนอะ พระบอกว่าวันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดของปีนี้นะฮะ แล้วก็สำหรับเราสองคนด้วย แล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือผมเรียนเกี่ยวกับดนตรีไทยนะครับ แล้วก็วันพฤหัสเนี่ยจะถือว่าเป็นวันครูนะฮะ แล้วก็มันอะไรที่มันเกี่ยวกับวันพฤหัสหมดเลย มันบังเอิญมาก ผมเกิดวันที่ 28 แล้วก็วันพฤหัส แล้วได้รับเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์ครับ"

ตรี "พระบรมฯ ทรงบอกวัน ก็เป็นวันพฤหัสเหมือนกัน"

เบิ่ง "แล้วเข้ามาแต่งก็เป็นวันพฤหัส วันที่ 28 อีก ถือว่ามันน่าจะเป็นเลขนำโชค"

พิธีตอนเช้าเป็นอย่างไร

เบิ่ง "เมื่อเช้าเป็นพิธีแห่ขันหมากครับทั่วไป แต่ว่าจะไม่มีรดน้ำสังข์ครับ เพราะว่าพระบรมฯ ท่านพระราชทานน้ำสังข์มา แล้วก็พระราชทานน้ำสังข์ให้แล้ว แล้วก็เลยไม่มีพิธีครับ"

ตรี "ก็เลยมีแค่ตักบาตรแล้วก็แห่ขันหมาก แล้วก็รับไหว้สวมแหวนค่ะ ตามประเพณีไทยปกติ"

เตรียมการแต่งงานอย่างไร

ตรี "หนูเมื่อคืนได้นอนครึ่งชั่วโมง เตรียมงานอยู่ที่บ้านค่ะ"

เบิ่ง "ส่วนของผมเนี่ย การ์ดของผมเนี่ยส่วนใหญ่อาจจะต้องเป็นการเขียน เพราะว่าเห็นผู้ใหญ่บอกว่าการเขียนด้วยลายมือของคนที่จะแต่งงาน เหมือนกับว่าเป็นการให้เกียรติคนที่เราจะเอาไปแจกโดยเฉพาะเป็นผู้ใหญ่ เพราะว่าบางทีการแจกการ์ดเนี่ยถ้าเราไปแจกผู้ใหญ่ มันฝากไม่ได้ คือถ้าเราฝากไปมันเหมือนกับว่าไม่ให้เกียรติท่าน ผู้ใหญ่เราเยอะ เราไปคนหนึ่งก็คุยประมาณครึ่งชั่วโมง ชั่วโมงหนึ่งแล้วก็คือเราไม่สามารถที่จะแบบผมจะกลับแล้วนะ มันไม่ได้ครับ ก็ต้องให้เกียรติท่านนะครับ บางทีคนหนึ่งแจกได้ประมาณวันหนึ่ง วันหนึ่งก็ 2 คนอะไรอย่างนี้ครับ"

ตรี "บางทีเราจะตื่นแต่เช้าเลยค่ะ ก็ไปแจกการ์ด ตั้งแต่ 8 โมง 9 โมง เวลาที่ผู้ใหญ่มาทำงานอย่างนี้ค่ะ แล้วก็บ่ายเราก็ไปทำงานเดี๋ยวเลิกทำงานอ่านข่าวที่นิวทีวี เสร็จประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ก็ไปแจกการ์ดต่อ (หัวเราะ) เนี่ยแหละค่ะมันก็เลยส่งผลให้ไม่สบายกันทั้งคู่เลย"

เบิ่ง "รู้สึกแบบว่าไม่ได้เสียใจนะ แต่รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ คือตั้งนานไม่เป็น ตาผมอักเสบ แล้วอยู่ดีๆ มาเป็นวันที่เป็นวันสำคัญเราจะแต่งงาน อยู่ดีๆ เป็นวันที่ 27 อย่างนี้ครับ ไปหาหมอที่โรงพยาบาล เขาบอกว่าเกิดจากฝุ่นหรือว่าฝุ่นละออง หรือบางทีมันสกปรก แล้วเราไม่ได้พักผ่อนด้วยอะไรอย่างนี้ครับ"

10 ปีก่อน ประทับใจอะไรในกันและกัน

เบิ่ง "คือผมรับราชการอยู่ที่สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ครับ ก็คือถ้าคนจะรู้จักกันง่ายๆ ก็คือโรงละครแห่งชาติ ตรงสนามหลวง แต่ว่าน้องเขาเนี่ย ตรีเนี่ย เขาไปเรียนรำที่ศูนย์วัฒนธรรมฯ (ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ตอนนี้ก็เราก็โดยจริงๆ แล้วเราไม่รู้จักเขาหรอกครับว่าเขาคือใครยังไงมีครูคนหนึ่งที่ศูนย์วัฒนธรรมฯ ชื่อครูสุวัฒ อรรถกิจ ครูเขาสอนปี่อยู่ เขาบอกนี่ๆ เขาเป็นดารานะ เขาบอกนามสกุลเดียวกับ คุณเพชรา ชาวราษฎร์ ครับ ผมก็ไม่ได้คือไม่ได้สนใจอะไร คือตรงๆ แล้วก็คือไปงานด้วยกันเนี่ยเจอกันประจำครับ แต่ไม่เคยสนใจ เดินผ่านกัน ผมก็เล่นดนตรีเขาก็รำ แต่ผมไม่เคยรู้จักไม่เคยทัก ไม่เคยอะไร จนมันมีอยู่วันหนึ่งคือไปไหว้ครู ที่ศูนย์วัฒนธรรมฯ ผมไปบรรเลงระนาด"

ตรี "ส่วนตัวหนูเรียนอยู่ที่นั่นอยู่แล้วค่ะ หนูเรียนรำใช่ไหมคะ แต่หนูก็เรียนจะเข้ด้วย หนูก็เลยเอาจะเข้หนูค่ะไปเข้าพิธีครอบครูของดนตรีไทย ซึ่งอยู่ที่หอประชุมใหญ่ แต่ตัวหนูไปรำอยู่ที่หอประชุมเล็ก แล้วพอเสร็จพิธีแล้วเนี่ยหนูก็จะมาเอาจะเข้ตัวเองกลับบ้าน แต่มาเจอคนนี้ นั่งดีดจะเข้หนูอยู่"

เบิ่ง "ผมก็นั่งดีดจะเข้อยู่เพราะว่ามันเสร็จงานแล้ว ผมก็นั่งดีดไปจนเขาแบบ ครูคะขอจะเข้คืนหน่อย เราก็เลย อ๋อ คือรู้จักเขาอยู่แล้วไงครับ แต่ยังไม่เคยคุยกัน ก็ลองขอเบอร์หน่อย"

ตรี "แต่หนูให้เพราะหนูรู้สึกว่าเขาเป็นครู ก็เลยสามารถให้เบอร์ได้ เพราะว่าคุณครูท่านอื่นๆ ที่มาสอนน่ะค่ะ ก็ใส่เสื้อกรมศิลปากรเหมือนกัน หนูก็อ๋อโอเค ไม่เป็นไรคุณครู"

ตรี รู้ว่าเขาไม่ใช่ครูตอนไหน

ตรี "ตอนหลังๆ ที่เขาบอกว่าเรียกพี่ก็ได้ (หัวเราะ)"

อายุห่างกันเท่าไร

เบิ่ง "แต่อายุก็พอสมควรฮะ พอสมควร ก็รอบหนึ่งครับ"

ตรี "12 ปี มะเส็ง กับ มะเส็ง เหมือนกันเลยค่ะ"

อะไรที่ทำให้ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน

ตรี "หนูเหรอคะ ก็รู้สึกว่าเขา เขาดูแลหนูได้ แล้วที่สำคัญนี่ทำอาหารอร่อยมากเลย (หัวเราะ) หนูเป็นคนทำอาหารไม่เก่งค่ะ แต่เขาจะดูแลใส่ใจ แบบว่าต้องกินผัก หนูไม่ค่อยชอบกินผักด้วย บอกต้องกินผักนะ แล้วเขาก็จะหาเมนูอร่อยๆ แล้วก็รู้ใจหนูไปหมดเลยค่ะ ว่าหนูชอบกินอันนี้ ไม่ชอบกินอันนี้ บางทีก็จะแอบเตรียมให้ บางทีไปต่างประเทศล่าสุด ที่ไปไหนมา ที่ไปยุโรป ก็มีซื้อกระติกน้ำที่มันแบบกรองในตัวค่ะ แล้วก็ลูกเสาวรสสดๆ ให้วิตามินซี อะไรที่หนูชอบเขาก็ซื้อมาวางไว้ให้บนโต๊ะอาหารเลย"

เบิ่ง "เราตัดสินใจแล้วว่า เราก็อายุเยอะ ผมว่าถ้าสำหรับผู้หญิงผมก็ว่าน่าจะกึ่งกลางที่แบบว่าเริ่มจะอายุเยอะแล้วเนอะ ก็เลยตัดสินใจว่าแต่งงานกัน เริ่มคิด เริ่มวางแผนว่าอย่างนู้นอย่างนี้"

ขอแต่งงานอย่างไร

ตรี "ส่วนใหญ่พี่เบิ่งจะมาแบบว่า ผู้ใหญ่คุยกันมากกว่าค่ะ จะไม่มีโมเมนต์เซอร์ไพรส์"

เบิ่ง "ผมขอแต่งงานก็ขอเลยครับ ไม่มีเซอร์ไพรส์ครับ ไม่มีคุกเข่า ไม่มีตัวเอง อะไรอย่างนี้ไม่มีครับ"

ไว้ใจในตัวเจ้าบ่าวอย่างไร

ตรี "ก็เมื่อก่อนเขาอาจจะเคยเจ้าชู้นะคะ (หัวเราะ) ก็คนในวงการนาฏศิลป์น่าจะรู้ดี แต่ก็หนูก็ถือว่ามันเป็นอดีตใช่ไหมคะ ตั้งแต่เขาคบกับหนูเนี่ยใช่เขาเคยเจ้าชู้ก็จริง แต่เขาก็ค่อยๆ ปรับตัว แล้วหลังๆ ก็ไม่เห็นอีกเลย ก็เลยรู้สึกว่า ยิ่งจะแต่งงาน เขายิ่งทำให้เห็นค่ะ เขาพิสูจน์ได้นะว่าเขาไม่มีใครเขาสามารถเคลียร์ทุกอย่างได้จริงๆ"

อายุเป็นอุปสรรคไหม

เบิ่ง "เป็นอุปสรรคตอนช่วงแรกๆ ครับ ช่วงแรกๆ ที่คบกัน คือเรารู้อยู่แล้วว่าเขาอายุน้อยกว่าก็รอบหนึ่ง เพราะฉะนั้นการที่เขาอายุน้อยกว่าเรารอบหนึ่ง ความคิดหรือว่าอะไรเขาจะออกแบบเด็กๆ"

ตรี "อย่างแรกเลยเปลี่ยนการแต่งตัวให้พี่เบิ่ง สมัยคบกันแรกๆ ค่ะ พี่เบิ่งแต่งตัวเช้ยเชย เดี๋ยวนี้ดีขึ้นเยอะแล้ว (หัวเราะ)"

เตรียมมีลูกเลยหรือเปล่า

เบิ่ง "วางแผนกันไว้ว่าอีกสัก 2 ปีครับ เก็บหอมรอมริบเก็บเงินก่อน"

คนแรกอยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชาย

ตรี "ใจหนูเหรอคะ ใจหนูอยากได้ผู้หญิง เพราะหนูมีหลานผู้ชายทั้งนั้นเลย"

เบิ่ง "ก็อยากได้ผู้หญิงครับ ก็กะไว้สัก 2 คน ผู้หญิงกับผู้ชาย"

อีก 2 ปีจะอยู่เป็นแม่บ้านเลยไหม

ตรี "คงไม่ค่ะ หนูเป็นโรคอยู่เฉยๆ แล้วหนูแบบเบื่อ ชอบออกไปทำงาน ยิ่งออกไปทำงานทุกวันถึงแม้บางทีมันจะรู้สึกอยากพักจังเลย แต่ไม่เอา ไปทำงานมันได้เจอคน ได้เจอเพื่อน ได้เจอพี่ๆ ในกองอย่างนี้ มันสนุกค่ะ อยู่บ้านแล้วหนูอยู่ไม่ได้มันแกร่ว"

สินสอดมีมูลค่าเท่าไร

เบิ่ง "ก็เท่าไร 4 เลข 4 แล้วก็ 2 ฮะ"

ตรี "แม่หนูกับที่บ้านค่ะ ก็คือไม่ต้องการเรียกเงินให้มันมากมาย เพราะว่าถ้าเรียกเงินไปเยอะจริงแล้ว สมมติว่าเขาจะต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาอย่างนี้ คือเราเป็นคู่กันใช่ไหมคะ หมายถึงว่าแต่งงานกันอย่างนี้ เราก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน สู้แบบว่าเอาง่ายๆ แค่พอเป็นพิธี ใช่ ให้พอเป็นพิธี"

แหวนแต่งงานเป็นอย่างไร

ตรี "เป็นแหวนเพชรค่ะ แล้วก็สลักนามสกุลไว้ข้างหลัง"

ได้เปลี่ยนนามสกุลหรือเปล่า

ตรี "หนูเหรอคะ ในวงการเหมือนเดิม แต่หนูก็ใช้นางสาวเหมือนเดิม แค่ไปหยิบยืมนามสกุลพี่เบิ่งมาในบัตรประชาชนค่ะ แต่ในวงการก็ นันทรัตน์ ชาวราษฎร์ เหมือนเดิมค่ะ จดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว"

สำหรับบรรยากาศในงานถูกตกแต่งด้วยไปสีชมพูหวานๆ และผู้ร่วมงานจะใส่ชุดในสีแบบพาสเทล มีซุ้มสำหรับถ่ายภาพ 3 จุดใหญ่ บริเวณหน้างานถูกประดับไปด้วยดอกไม้ และภาพของคู่บ่าวสาวมากมาย สำหรับของชำร่วยเป็นแก้วน้ำใบเล็กพิมพ์ลายชื่อเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ถูกบรรจุใส่กล่องสวยงาม โดยงานนี้มีเพื่อนร่วมวงการมาด้วย อาทิ "ก้อง - จักรพันธ์ ตัณฑะสุวรรณะ" "เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ" และ "เกต - ธัญญา รัตนมาลากุล"