ยักษ์ แอนิเมชันสะท้อนความต่างระหว่างมิตรภาพและหน้าที่
"ยักษ์" ภาพยนตร์แอนิเมชันสัญชาติไทยฟอร์มยักษ์ใหญ่ที่ทุ่มทุนสร้างกว่า 100 ล้านบาท ใช้ระยะเวลาในการสร้างยาวนานถึง 6 ปี จากผลงานการสร้างสรรค์ของ "จิก - ประภาส ชลศรานนท์" ที่ทำหน้าที่ทั้งเขียนบทและร่วมกำกับกับนักแอนิเมชันมือรางวัลอย่าง "เอ็กซ์ - ชัยพร พานิชรุทติวงศ์" โดยหยิบตัวละครหลักๆ ของวรรณคดีชื่อดังเรื่อง "รามเกียรติ์" มานำเสนอในรูปแบบของแอนิเมชันหุ่นยนต์ กับเรื่องราวที่พูดถึงมิตรภาพของ 2 เผ่าพันธุ์ที่ไม่ถูกกันแต่ต้องมาเป็นเพื่อนกันระหว่าง หนุมาน และ ทศกัณฐ์
เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชน ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ เริ่มเปิดงานด้วยเพลงประกอบภาพยนตร์ "เกิดมาเป็นเพื่อนเธอ" ที่ร้องโดย "รูม 39" ต่อด้วยการพูดคุยกับผู้กำกับและทีมนักพากย์ประกอบด้วย "หนุ่ม - สันติสุข พรหมศิริ" "หอย - เกียรติศักดิ์ อุดมนาค" "ตั๊ก - บริบูรณ์ จันทร์เรือง" "ออมสิน - ชนินาภ ศิริสวัสดิ์" "แจ๊ป - วีรณัฐ ทิพยมณฑล" และภาพยนตร์เรื่องนี้ยังทำออกมาเป็น 2 รูปแบบทั้งเสียงภาษาไทยและเสียงภาษาอังกฤษ ซึ่งได้ "ทอดด์ ทองดี" มาทำหน้าที่ควบคุมการพากย์เสียงภาษาอังกฤษ
จิก พูดถึงความรู้สึกในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ภูมิใจตั้งแต่เริ่มคิดเริ่มเขียน เพราะว่าเรื่องที่เราทำเป็นเรื่องของคนเอเชีย เป็นมหากาพย์มากกว่า 2 พันปี แล้วเราเอามาทำให้มีความเป็นสากล มีความเป็นอินเตอร์ แล้วที่ภูมิใจมากคือผมได้ใส่เรื่องบางอย่างที่เกี่ยวกับคนไทยไปอยู่กับมัน" ส่วนที่ใช้เวลาในการสร้างนานถึง 6 ปีนั้น เจ้าตัวแจงว่า "โดยธรรมชาติแอนิเมชันก็จะทำประมาณ 3-4 ปีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่างานนี้เป็นงานที่ใหม่สำหรับคนไทยแล้วก็เริ่มค่อยๆ ทำ ตัวผมเองไม่ยอมอ่อนข้อให้กับความไม่เนี้ยบ บางครั้งเราแก้แล้วแก้อีก พากย์ข้ามวันข้ามปีเหมือนกัน สมมติว่าหอยพากย์ไว้ดีแล้วนะ พอไปอยู่ในเรื่องแล้วมันโดดกับเพลง ผมก็ให้พากย์ใหม่"
จิก เปรยถึงข้อคิดดีๆ ที่แฝงไว้ในเรื่องว่า "หนังเรื่องนี้จะพูดถึงเรื่องมิตรภาพเยอะที่สุดครับ เยอะกว่าเพื่อนเลย แล้วก็จะพูดถึงเรื่องหน้าที่ของคนเราที่เกิดมา นอกจากนี้ก็มีเรื่องอื่นที่แทรกอยู่ ผมอยากให้ไปเจอเอง แต่ต่อให้ไม่เจออะไรก็มีความสนุกอยู่นะครับ" เอ็กซ์ เผยความรู้สึกที่ภาพยนตร์จะได้เข้าฉายแล้วว่า "ก็ดีใจเป็นเรื่องปกติ แล้วก็อยากฝากให้ดู ตั้งใจจริงๆ ทำมา 6 ปีครับ"
หนุ่ม ที่พากย์เป็น น้าเขียว หรือ ทศกัณฐ์ พูดถึงการพากย์ภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "พากย์ตั้งแต่ลูกคนสุดท้องฝาแฝดยังไม่เกิดเลย จนตอนนี้มาดูได้แล้ว ดีใจครับ อย่างคนที่ไม่รู้เรื่องเลยก็ยังรอดู ผมเนี่ยพากย์อยู่ด้วยแล้วก็ยังไม่ได้ดูสักที ได้ดูแล้วก็ดีใจมากนะครับ" หอย ที่ให้เสียงเป็น เผือก หรือ หนุมาน กล่าวว่า "ผมอยากจะบอกว่าหนังการ์ตูนเรื่องนี้เป็นหนังการ์ตูนโอลิมปิกจริงๆ 4 ปีจะมาครั้งนึง เพราะผมจำได้ว่าตั้งแต่เริ่มจนถึงสุดท้ายของผมเนี่ยจะประมาณ 4 ปี อย่างนึงที่พี่จิกทำให้เรารู้สึก เขาจะบอกหอยต้องดูนะ เพราะว่าคุณอาจจะทำให้หนังเรื่องนี้ทั้งหัวเราะแล้วก็จะร้องไห้ ผมยังไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน"
ตั๊ก ที่มาทำหน้าที่พากย์เสียง กุม หรือ กุมภกรรณ บอกถึงผลงานการพากย์เรื่องนี้ว่า "มันคืองานมาสเตอร์พีซของผมเลยครับ" ส่วน ออมสิน บท ที่ให้เสียง สนิมน้อย กล่าวความรู้สึกที่จะได้ชมภาพยนตร์หลังที่รอมานานถึง 6 ปีว่า "รู้สึกดีใจค่ะ เหมือนกับว่าที่รอมานานก็จะได้ดูแล้ว รู้สึกว่าคุ้มแน่ๆ ค่ะถ้าเข้าไปดู" ทางด้าน แจ๊ป ที่ให้เสียงเป็น ก๊อก พูดว่า "ภาพสวยมากครับหลังจากที่ได้ดูแล้วก็รู้สึกว่ารายละเอียดดีมาก เพราะฉะนั้นคิดว่าถ้าคนไทยได้ดูก็รู้สึกดีครับ ถ้าเกิดได้ดูพร้อมๆ กัน ผมว่าจะรู้สึกว่าคนไทยก้าวไประดับอินเตอร์ได้แล้วครับ"
ทอดด์ ผู้ให้เสียงภาษาอังกฤษในบท น้าเขียว หรือ ทศกัณฐ์ กล่าวว่า "ผมขอกราบวิญญาณของบรรพบุรุษที่คิดรามายณะ 2 พันปีที่แล้ว แล้วปลื้มแทนว่าสืบทอดกันมาจนมีผู้ที่สืบทอดความยิ่งใหญ่ของเรื่องราวนั้นให้มนุษย์รุ่นต่อไป ไม่ใช่แค่คนไทย คนทั่วโลกที่มีคำถามในใจว่าเพื่อนคืออะไร ได้ร่วมแบ่งความรักด้วยการร่วมตอบคำถามที่บรรพบุรุษเราแต่งไว้ 2 พันปีที่แล้ว เป็นเกียรติมากๆ ที่ ทอดด์ ทองดี ได้มีโอกาสมาร่วมกับทีมงานนี้นะครับ"
จิก เล่าให้ฟังว่าหลังจากที่นำภาพยนตร์ตัวอย่างไปฉายให้ต่างชาติดูก็เกิดคำถามว่า เป็นฝีมือคนไทยทั้งหมดจริงๆ หรือเปล่า "เป็นคำถามจริงๆ ที่เกิดขึ้นนะครับ เราเอาตัวอย่างไปให้ดู 10 นาที เขาบอกว่าเรื่องนี้ที่ผมดูเมื่อกี้นี้ทำจากเมืองไทยทั้งหมดหรือเปล่า เขาก็ตั้งคำถามกับเรา ฟังดูก็ทั้งมีความภูมิใจแล้วก็น้อยใจ เอ๊ะ เขาไม่เชื่อเรา แต่เขาก็มองว่างานของเราถึงระดับเดียวกันกับมาตรฐานโลก แม้แต่พวกเรากันเองเอาให้ดูก็ยังบอกว่า เอ๊ะ ถามจริงๆ เถอะนี่ทำในเมืองไทยทั้งหมดเลยหรือเปล่า ผมคิดว่าคนไทยจริงๆ อาจจะไม่เชื่อว่าเราทำได้ บางทีเราก็ลืมตัวเราไปเองเหมือนกันว่าเราก็มียักษ์อยู่ในตัวเรา เราก็มีฝีมือเหมือนกัน ผมคิดว่ามันอาจจะทำให้เราเปลี่ยนความคิดใหม่ได้ครับ" พร้อมทั้งเผยว่าตอนนี้มีการซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายแล้ว "ซื้อก่อนที่หนังจะเสร็จมี 3 ประเทศครับ มีมาเลเซีย รัสเซียแล้วก็เกาหลี ที่เหลือก็ยังมีอเมริกา ยุโรปก็ยังคุยกันอยู่ ตอนนี้หนังเราเพิ่งเสร็จครับ ก็เป็นข่าวดีครับ"
นักคิดนักเขียนอย่าง จิก ตั้งความคาดหวังแค่อยากให้ผู้ชมรู้สึกไปตามเนื้อเรื่อง "ในแง่ของคนลงทุนสร้างก็คงคาดหวังนะ แต่เราก็ทำให้ดีที่สุด แต่ผมเองคาดหวังเรื่องของคนดูที่ดูแล้วรู้สึกยังไงมากกว่า ผมอยากให้คนดูแล้วรู้สึกถึงเรื่องเพื่อนถึงเรื่องของมิตรภาพครับ" ก่อนจะฝากทิ้งท้ายว่า "อย่างแรกคิดว่าคนไทยมักจะคิดว่าแอนิเมชันเป็นเรื่องของเด็ก ผมฝากว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังผู้ใหญ่ก็ได้นะถ้าผมเอาคนออกหมดเลย ไม่ใช่เป็นการ์ตูน เป็นคนเล่นนะ หนังเรื่องนี้จะเป็นหนังผู้ใหญ่เรื่องนึงเลย แต่ผมเอาตัวการ์ตูนมาสวมบทบาท ผมอยากให้เด็กดูด้วย ผมอยากให้เด็กรู้เรื่องเกี่ยวกับมิตรภาพ เรื่องหน้าที่ด้วยครับ"
เรื่องราวมิตรภาพระหว่างคู่แค้น ทศกัณฐ์ และ หนุมาน จะลงเอยอย่างไร ติดตามได้กับภาพยนตร์แอนิเมชันฝีมือคนไทย ยักษ์ เข้าฉาย 4 ตุลาคม นี้ ในโรงภาพยนตร์