ร่วมค้นหาคำตอบของการเป็นลูกผู้ชายตัวจริงใน อันธพาล
"อันธพาล" ภาพยนตร์ไทยแนวแอ็กชันดราม่าเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเป็นอันธพาล และการเป็นลูกผู้ชายตัวจริงในยุค พ.ศ. 2500 ผลงานการกำกับภาพยนตร์ของผู้กำกับมากฝีมือ "โขม - ก้องเกียรติ โขมสิริ" ที่มาถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นนักเลงอันธพาลให้ออกมากลมกลืนและสมจริงที่สุด นอกจากนี้ยังได้เหล่านักแสดงมาร่วมงานมากมาย อาทิ "เต๋า - สมชาย เข็มกลัด" "น้อย - กฤษดา สุโกศล แคลปป์" "จี๊ป - วสุ แสงสิงแก้ว" "คริน - สาครินทร์ สุธรรมสมัย" "บิ๊ก - กฤษฎา สุภาพพร้อม" "แฟรงค์ - ภคชนก์ โวอ่อนศรี" และ "ตรี - นันทรัตน์ ชาวราษฎร์"
บรรยากาศงานเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2555 ณ ลานอินฟินิซิตี้ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ก็เป็นไปด้วยความคึกคักสนุกสนาน เริ่มต้นงานด้วยการออกมาร้องเพลงของ จี๊ป พร้อมทีมนักแสดงที่ออกมาเต้นกันอย่างสุดมัน ในเพลง "Don't be Cruel" จากตำนานราชาเพลงร็อกแอนด์โรล เอลวิส เพรสลีย์ ก่อนจะพูดคุยอย่างเป็นทางการกับผู้กำกับและทัพนักแสดง
ผู้กำกับ โขม เปิดใจว่า อันธพาล ไม่ใช่ภาคต่อของภาพยนตร์เรื่อง "2499 อันธพาลครองเมือง" ที่กำกับโดย "อุ๋ย - นนทรีย์ นิมิบุตร" "ไม่ใช่ภาคต่อครับ ต้องบอกตรงนี้เลยเพื่อกันไม่ให้สับสน ไม่ใช่ภาคต่อ แล้วก็ไม่ใช่งานรีเมก เพราะว่าถ้ารีเมกเราต้องบอกไปแล้วว่าเรารีเมก อาจจะมีตัวละครซึ่งร่วมรุ่นกันอยู่ ร่วมยุคกันอยู่นะครับ แต่เชื่อว่ามีจุดที่แตกต่างแล้วก็ไม่เหมือนอย่างแน่นอนครับ" และบอกว่าบทของภาพยนตร์ก็ไม่เหมือนกัน "ไม่เหมือนครับ ไม่เหมือน ไม่ใช่การรีเมก แต่มีการคุยกับพี่อุ๋ย พี่อุ๋ยก็ให้คำปรึกษาในหลายๆ ส่วนนะครับ ก่อนที่จะทำโปรเจกต์นี้ฮะ"
สำหรับเหตุผลที่นำเรื่องราวของอันธพาลในยุค พ.ศ. 2500 มาทำเป็นภาพยนตร์ โขม เผยว่า "คืออย่างที่บอกช่วงนั้นเนี่ยเรารับวัฒนธรรมเข้ามาเยอะ ด้วยแฟชั่น วัฒนธรรม ดนตรีทุกอย่าง การเมืองทุกอย่าง มันมีผลต่อคนหมด มีผลต่อคนไทย ซึ่งเป็นยุคที่แบบน่าจดจำ น่าจดจำในแง่ทั้งแฟชั่น ในแง่ทั้งวิธีคิด ในแง่ทั้งเหตุการณ์หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นวันนั้น แล้วก็มีบางอย่างที่สะท้อนถึงความเป็นปัจจุบันกันได้ว่าคำว่านักเลงเนี่ย เดี๋ยวนี้คำว่าใจนักเลงจริงๆ เนี่ยมันยังมีอยู่หรือเปล่า"
ฟาก น้อย กล่าวว่าบทบาทของตนเองในเรื่องนี้แตกต่างจากผลงานที่ผ่านมาอย่างมาก "ก็แตกต่างอย่างมากทีเดียวนะฮะ คือความโหดร้ายในด้านความรู้สึกนะครับ แล้วก็แอ็กชันด้วย ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิตเลย แต่มันก็เป็นสิ่งที่ท้าท้ายครับของนักแสดงทุกคนครับ" แต่บทบู๊ของ น้อย มีไม่ค่อยเยอะ "บู๊ไม่เยอะมากครับ ไม่น่าจะมากกว่าเต๋า แต่ว่าก็มีแผลแบบล้ม โขมเขาให้ผมวิ่งบนหลังคาแล้วก็กลิ้งลงมาจากหลังคา แล้วก็ตกนู่นตกนี่แต่ก็ชินแล้วครับ (หัวเราะ) เหนื่อยแต่ก็ท้าทายดีครับ" ซึ่ง น้อย พูดถึงยุค พ.ศ. 2500 ว่า "เป็นยุคที่คนไทยเราเริ่มค้นหาดิวตี้ของตัวเองมากขึ้น เริ่มกล้าแสดงออกความเป็นตัวของตัวเองนะฮะ เริ่มมีอิทธิพลจากคนนอก เรื่องการแต่งตัวทุกอย่างนะฮะ ความคิดทุกอย่างนะฮะ เป็นยุคที่เราเริ่มซ่านะครับ"
ส่วนเรื่องที่หลายคนรอดูบทบาทการบู๊ของ เต๋า เจ้าตัวกล่าวว่า "เรื่องบู๊เรื่องการแสดงออกก็พยายามฝึกฝนอยู่ทุกวันนะครับเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ผมว่าการแสดงจริงๆ ต้องแยกแยะระหว่างชีวิตจริงที่ผ่านมาแล้วช่วงนึงของชีวิต แต่อันนี้มันคืองานที่เราตั้งใจทำออกมาให้ทุกคนได้ชมในเรื่องของความบันเทิงนะครับ แง่คิดความรักระหว่างเพื่อน คุณต้องเลือกทำในสิ่งที่ดีนะครับ เพราะว่าคุณจะได้ไม่ปวดหัว คุณจะได้ไม่ต้องมาลำบาก อยากจะบอกว่าให้ดูหนังนะครับสองด้าน มีทั้งดีและเลวนะครับ อันไหนดีเก็บไปใช้ อันไหนเลวคุณทิ้งมันไปเลย"
ด้านหนุ่ม แฟรงค์ ที่รับบทเป็น โอวตี่ และเป็นการเล่นบทบู๊ครั้งแรกพูดถึงความรู้สึกว่า "ยากครับๆ ก็เลยต้องคุยกับพี่โขมอยู่ตลอดๆ ครับ แล้วก็บทค่อนข้างยาก แต่ว่าก็สนุกสนานครับ แล้วก็เป็นหนังแอ็กชันเรื่องแรกครับผม หวังว่าพี่โขมจะจ้างอีกนะฮะ (หัวเราะ) ก็เต็มที่ครับ คือจริงๆ แล้วผมต้องบอกก่อนว่าผมอยากเป็นนักแสดง แต่ไม่ค่อยมีโอกาส วันนี้เพิ่งได้มีโอกาสนะครับก็ทำให้เต็มที่ครับ"
แฟรงค์ ยังเอ่ยถึงบทบาทของตนเองอีกว่า "มันจะมีความคิดสองแบบในหนังเรื่องนี้ครับ แบบที่จ๊อดเป็น คือรักพวกพ้องแบบแฟมิลี แบบครอบครัว อีกคนนึงคือกับโอวตี่จะไม่เห็นแก่ครอบครัว ไม่เห็นแก่คนอื่น เห็นแก่ตัวมากกว่า เห็นแก่ความสบายความเอารอดของตัวมากกว่า ก็เหนื่อย มีบทเรียนในชีวิตเอาเปรียบคนอื่น ชีวิตมันจะเหนื่อย"
ในขณะที่นักร้องนักแสดงรุ่นเก๋า จี๊ป เล่าเหตุการณ์ในยุคนั้นให้ฟังว่า "ถ้าพูดถึงยุคของน้องๆ อันธพาลที่เป็นวัยรุ่นนี่นะครับ ก็จะมีคำอยู่คำนึงสมัยนั้นที่บอกว่า หัวใจเป็น เอลวิส (Elvis Presley) ชีวิตเป็น เจมส์ ดีน (James Dean) นะครับ สมัยก่อนวัยรุ่นเขาจะห้อยล็อกเก็ตนะฮะ ห้อยสร้อยคอเป็นรูป เจมส์ ดีน ห้อยเป็นหน้า เจมส์ ดีน ผู้หญิงก็จะเป็นเอลวิสอะไรอย่างนี้ เพราะฉะนั้นมันเป็นยุคที่มีความชัดเจนในยุคสมัยของเพลงมากๆ ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิต วัยรุ่น ดนตรี การแต่งกายนะครับ เสื้อผ้า รถรา เนี่ยคลาสสิกมากๆ ซึ่งทุกอย่างคุณโขมได้ถ่ายทอดออกมาในแผ่นฟิล์มนะครับ ให้พวกเราได้เห็นกันอย่างละเอียดเลยว่า 50 ต่อ 60 เป็นยังไง พลาดไม่ได้"
ผู้กำกับเผยถึงเหตุผลที่เลือกนักแสดงสาว ตรี มาร่วมงานว่า "คือหน้าน้องเวลาแต่งหน้าแล้วเนี่ย มันถูกต้องกับหนัง คือไทยๆ ลองไปหารูปสมัยก่อนดูเนี่ย เขาจะมีความคล้ายๆ น่าสนใจ" และเอ่ยถึงสาเหตุในการเลือก คริน มาแสดงว่า "ด้วยส่วนสูงของน้องสองคน (คริน และ บิ๊ก) นี่แหละ พี่ว่ามันดูประหลาดดี คนนึงแบบเหมือนเสาโทรเลข อีกคนนึงน่ารักๆ อะไรอย่างนี้ รู้สึกแบบมันน่าจะเป็นคู่นักเลงที่น่ารักดี"
ก่อนจะให้นิยามของคำว่าลูกผู้ชายว่า "คือการเป็นตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นนักเลงหรือเป็นพระเอกนะฮะ ความรู้สึกที่กว่าจะได้อะไรมาสักอย่างหนึ่ง ความจำเป็นอะไรสักอย่าง แล้วเรียนรู้มันอย่างสุดที่สุด ทุ่มชีวิตให้กับมันจนถึงที่สุด แล้วคุณจะกลายเป็นตำนาน มันจะเป็นอย่างนั้น แต่ว่าถ้าคุณฉาบฉวย คุณขี้โกง เอาปืนยิงแล้วหันกลับอย่างนี้ชีวิตคุณก็กระจอก ถามว่าหนังเรื่องนี้อยากจะบอกแล้วก็อยากให้คนไทยใจนักเลง"
เต๋า กล่าวถึงแง่คิดของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "จริงๆ อยากจะบอกว่ามันเป็นเรื่องของภาพยนตร์นะครับ มันเป็นการแสดงนะครับ ต้องแยกแยะแล้วก็ที่สำคัญผมเชื่อว่ามันอาจจะเป็นตำนานหน้าหนึ่งนะครับของเมืองไทยจริง แต่ผมว่าปัจจุบันนี้ความเป็นนักเลง ความเป็นอันธพาลนะครับ ความเป็นลูกผู้ชายเนี่ยมันแสดงด้วยการกระทำอย่างอื่นนะครับ มันไม่ใช่เรื่องของการตีกัน มันไม่ได้เท่นะครับผม อยากจะบอกว่าสิ่งที่คุณจะต้องทำหน้าที่ที่คุณจะต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นลูกที่ดีของคุณพ่อคุณแม่ หรือเรียนหนังสือให้ดีให้จบอันนั้นผมว่าเจ๋งกว่า เท่กว่า นะครับ"
พร้อมฝากถึงภาพยนตร์ว่า "คือจริงๆ ผมอยากให้ทุกคนเข้าไปสัมผัสแล้วก็เข้าไปเก็บเกี่ยวความรู้สึกของแต่ละคน มันเป็นเรื่องที่กล่าวถึงคนสองคนที่เป็นเพื่อนรักกันนะครับ เป็นนักเลง เป็นลูกผู้ชายนะครับ เป็นเรื่องของมิตรภาพนะครับ ความผูกพันระหว่างเพื่อนสองคน ซึ่งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีนะครับ จะเป็นอย่างไรนั้นต้องเข้าไปชมนะครับ เราหวังว่าไม่ว่าจะเป็นการแสดง การทำงานของพวกเราทุกคน เชื่อว่าอย่างพี่โขม ทีมงาน พวกเราทุกๆ คนที่เป็นนักแสดงอยากให้งานออกมาดี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเราต้องทำให้ได้ดี แล้วทำให้คนอื่นเชื่อว่านี่คือเรื่องที่เราตั้งใจทำให้ดีที่สุด แล้วอยากจะบอกว่าหวังว่าทุกคนเข้าไปชมแล้วก็คงจะชื่นชม แล้วก็ชื่นชอบในงานของเรานะครับ หวังว่าชอบ ผมก็ดีใจแล้วครับ"
ร่วมค้นหาคำตอบของคำว่าลูกผู้ชายตัวจริงได้ในภาพยนตร์เรื่อง อันธพาล เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน เป็นต้นไป