คาซุอากิ เชื่อภาพยนตร์เอเชียเทียบชั้นฮอลลีวูดได้ไม่ยาก
หลังจากฝากผลงานภาพยนตร์แอ็กชันไซไฟ เรื่อง "Casshern: The Movie" ไว้เมื่อปี 2004 "คาซุอากิ คิริยะ" (Kazuaki Kiriya) ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวญี่ปุ่นกำลังจะมีผลงานเรื่องใหม่ล่าสุดมาให้แฟนๆ ภาพยนตร์ชาวไทยได้ดูกันในเร็วๆ นี้ กับภาพยนตร์ย้อนยุคอิงประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเรื่อง "Goemon" เมื่อมีโอกาสได้มาเยี่ยมเยือนเมืองไทยในฐานะแขกของงาน เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ครั้งที่ 7 ปี 2552 (Bangkok International Film Festival 2009) คาซุอากิ ก็ได้เผยความประทับใจในการมาร่วมงาน และยังได้แสดงทัศนคติที่มีต่อวงการภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา
รู้สึกยังไงบ้างกับการมาเมืองไทยครั้งนี้
"มาเมืองไทยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วครับ สิ่งที่แตกต่างก็คือเมืองไทยตอนนี้ทันสมัยมากขึ้น ผมรู้สึกชอบเมืองไทยครับ"
ได้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างรึยัง
"ได้ไปเที่ยวที่ภูเก็ต ทะเลที่นั่นสวย ชอบมากครับ ถ้าครั้งหน้ามีโอกาสก็อยากไปเที่ยวอีก แล้วก็เพิ่งไปประตูน้ำมา ไปแล้วก็รู้สึกว่าชอบมากเลยครับ ได้ซื้อเสื้อกลับมาด้วย"
ได้มาร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ รู้สึกยังไงบ้าง
"ตอนแรกที่คิดเอาไว้ว่าคงจะเป็นงานเล็กๆ แต่พอได้มาแล้ว เป็นงานที่ใหญ่มาก ก็รู้สึกตกใจ แล้วก็ได้เห็นความรัก ความกระหายในการสร้างหนังของคนไทย และความต้องการที่จะทำให้หนังไทยก้าวสู่ระดับสากลมากขึ้น รู้สึกประทับใจมากครับ"
ถ้ามีโอกาสอยากจะร่วมงานกับคนไทยบ้างไหม
"ผมเคยได้มีโอกาสร่วมงานกับคนไทยมาบ้างแล้วในงานโฆษณา ตอนนั้นก็รู้สึกประทับใจมากครับ ถ้าได้มีโอกาสอีกครั้งก็อยากจะร่วมงานกับผู้กำกับจาก องค์บาก โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบหนังแอ็กชันครับ"
ผลงานเรื่องล่าสุด
"หนังเรื่องล่าสุดที่กำลังจะเข้าฉายในเมืองไทย ก็มีเรื่อง Goemon เป็นเรื่องราวคล้ายๆ กับโรบินฮูดของฝรั่ง แต่อันนี้จะเป็นในแบบฉบับของญี่ปุ่น หนังเรื่องนี้จะเป็นหนังแนวย้อนยุค"
ความแตกต่างระหว่างภาพยนตร์แนวไซไฟกับย้อนยุค
"สิ่งแรกก็คือในเรื่องของการแต่งกายที่จะแตกต่างกันมากๆ คาแรกเตอร์ก็จะเป็นคนละสไตล์กัน แต่ตัวละครก็จะใกล้เคียงกัน จะมีปัญหา มีอุปสรรคที่จะต้องต่อสู้ฟันฝ่าไปให้ได้เหมือนกันครับ"
ทำไมภาพยนตร์ของญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะสร้างมาจากการ์ตูน
"ที่หนังญี่ปุ่นชอบเอาเรื่องจากการ์ตูนมาสร้าง เป็นเพราะว่าในสมัยก่อนการสร้างหนังของญี่ปุ่นมีขั้นตอนค่อนข้างเยอะ สิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดก็คือการวาดรูปขึ้นมาโดยไม่ต้องเขียนบท ทำให้งานออกมาเป็นแอนิเมชัน แล้วพอตอนนี้มีเทคโนโลยีเข้ามาก็ทำให้การสร้างหนังง่ายขึ้น การทำงานทำได้เร็วขึ้น ผมเชื่อว่าในอนาคตนักสร้างหนังจะมีมากกว่าคนวาดการ์ตูน
และผมก็เชื่ออีกว่าหนังของประเทศไทย จีนหรือว่าญี่ปุ่น จะสามารถสู้กับหนังของฮอลลีวูดได้ เพราะว่าตอนนี้มีเรื่องเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในการทำหนัง ทำให้การกำกับง่ายขึ้น แล้วก็ทำให้คนยอมรับในการทำงานมากขึ้นด้วยครับ ผมก็เลยรู้สึกชอบเวลาได้ทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่ไฟแรงในเอเชีย ทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้หนังของเอเชียไปสู้กับหนังฮอลลีวูดได้ครับ"
มีการ์ตูนเรื่องที่ประทับใจบ้างไหม
"การ์ตูนที่ผมชอบก็จะเป็นแอนิเมชันเรื่อง กันดั้ม ครับ"
มีโอกาสที่ภาพยนตร์เอเชียจะก้าวสู่ระดับสากลได้ไหม
"ไม่ว่าจะเป็นคนยุโรปหรือคนเอเชีย คนที่ทำหนังทุกคนก็อยากที่จะให้หนังของตัวเองประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ตอนนี้ด้วยเทคโนโลยีที่มันดีขึ้น พัฒนามากขึ้น ทำให้การทำงานง่ายขึ้น ถ้าเรารวมตัวกันก็สามารถสร้างหนังที่สู้กับฮอลลีวูดได้ครับ"
ถ้าเลือกได้อยากกำกับภาพยนตร์เรื่องไหนมากที่สุด
"ผมอยากสร้างภาคต่อของหนังเรื่อง Star Wars 8, 9,10 เพราะว่าคนอื่นๆ เขาก็ทำกันมาหมดแล้วอย่างเรื่อง Superman ยกเว้นเรื่อง Star Wars ที่ผมอยากจะทำเป็นพิเศษครับ"
รู้สึกยังไงที่เดี๋ยวนี้ภาพยนตร์ฮอลลีวูดดึงเรื่องของคนเอเชียเข้าไปด้วย
"เป็นเรื่องธรรมดามากเลยครับที่หนังในฮอลลีวูดจะมีเรื่องราวของคนเอเชียเข้าไปเกี่ยวข้อง ตอนนี้มันไม่ได้มีการแบ่งแล้วว่าจะเป็นเอเชียหรือว่ายุโรป มันเป็นโลกเดียวกัน เป็นการผสมผสานซึ่งกันและกัน ผมเชื่อว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ อย่างเมื่อ 50 ปีที่แล้วใครจะเชื่อว่าอเมริกาจะมีประธานาธิบดีเป็น บารัค โอบามา (Barack Obama) อย่าง วิลล์ สมิธ (Will Smith) ก็สามารถเป็นซูเปอร์สตาร์ผิวสีได้ ไม่แน่อีก 20 ปีข้างหน้า เราอาจจะมีซูเปอร์สตาร์ที่ดังมากๆ เป็นชาวเอเชียด้วยกันก็ได้ครับ"
มีอะไรอยากฝากบอกถึงคอภาพยนตร์ชาวไทยไหม
"หนังของผมก็กำลังจะเข้าฉายแล้ว ก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ ขอบคุณแฟนๆ หนังชาวไทยมากๆ ครับ"