เปิดตัว 5 แพร่ง ความน่ากลัวหลากรสชวนขนลุกกว่าเดิม
หลังจากส่ง "สี่แพร่ง" มาสร้างความน่าสะพรึงกลัวจนเป็นที่ติดอกติดใจของคอภาพยนตร์แนวสยองขวัญกันไปแล้ว จีทีเอชก็ไม่รอช้าที่สานต่อความกลัวที่คราวนี้มีมากกว่าเดิมกับภาพยนตร์เรื่อง "5 แพร่ง" ที่ได้ 3 ผู้กำกับเดิมอย่าง "โอ๋ - ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ" "กอล์ฟ - ปวีณ ภูริจิตปัญญา" และ "โต้ง - บรรจง ปิสัญธนะกูล" ที่เคยสร้างความหลอนจาก สี่แพร่ง มากำกับร่วมกับ "วิสูตร พูลวรลักษณ์" ผู้บริหารใหญ่ของค่ายจีทีเอช ที่ลงมากำกับเองเป็นครั้งแรก และ "ย้ง - ทรงยศ สุขมากอนันต์" อีกหนึ่งผู้กำกับที่เข้ามาเสริมทัพสร้างความขวัญผวาในครั้งนี้ โดยเปิดตัวพิสูจน์ความน่ากลัวไปแล้ว เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์ เอสเอฟ เวิลด์ ซีเนม่า
ประเดิมเริ่มพูดคุยด้วยแพร่งแรก ตอน แบ็กแพกเกอร์ส จากผู้กำกับหน้าเด็ก ย้ง ที่มาพร้อมนักแสดงคู่ใจอย่าง "แน็ก - ชาลี ไตรรัตน์" ร่วมด้วย "บุ๋มบิ๋ม - สุธีรัชย์ ชาญนุกูล" และ 2 นักแสดงที่มีเชื้อสายญี่ปุ่น "อาคิโกะ โอเซกิ" (Akiko Ozeki) และ "ธีรเนตร ยูขิ ทานากะ" (Yuki Tanaka) โดย ย้ง บอกความรู้สึกที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องนี้ว่า "รู้สึกดีครับ แต่ว่ากดดันนิดหน่อย เพราะว่าตอน สี่แพร่ง เขาทำไว้ดีมาก คราวที่แล้วเกือบจะได้ทำแต่ไม่ได้ทำ เพราะว่าผมติด ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น พอดี ตอนที่ได้รู้ว่ามีโปรเจกต์ที่จะทำ 5 แพร่ง พี่สิน (ยงยุทธ ทองกองทุน) ก็มาชวน เหมือนพวกพี่ๆ น้องๆ ก็ให้เกียรติผมในการกลับมาทำ 5 แพร่ง นี้ครับ"
ย้ง ยังเล่าถึงตอนที่ตัวเองกำกับอีกว่า ในตอนนี้ทุกคนจะไม่มีชื่อของตัวละคร แต่จะใช้เป็นลักษณะบุคลิกของตัวแสดงนั้นๆ แทน อย่าง แน็ก ก็รับบทเป็นเด็กรถ บุ๋มบิ๋ม ก็เป็นคนขับรถ ด้าน แน็ก ที่ปกติมักจะได้แสดงเป็นเด็กวัยรุ่น พอมาเรื่องนี้เจ้าตัวก็ยอมรับว่าแสดงยากขึ้น "ก็แตกต่างเพราะว่าต้องโตขึ้นเยอะเลย ก็ยากเพราะว่าผมติดการแสดง ต้องมาปรับกันเยอะมาก"
ส่วนสาเหตุที่ใช้นักแสดงญี่ปุ่นมาร่วมแสดงในตอนนี้ด้วย ผู้กำกับ บอกว่า "จริงๆ ผมชอบคาแรกเตอร์และบุคลิกอะไรบางอย่างของคนญี่ปุ่น แล้วพอหนังเรื่องนี้มีเรื่องราวอะไรบางอย่างที่มีประเด็นเกี่ยวกับเชื้อชาติ ก็เลยรู้สึกว่าถ้ามีอะไรเป็นตัวแทนของชาติที่เจริญกว่าเราก็น่าจะเป็นญี่ปุ่น"
ต่อด้วยแพร่งที่ 2 ของผู้กำกับ โอ๋ ที่เคยสร้างความน่ากลัวในตอน Last Fright จาก สี่แพร่ง มาคราวนี้ก็เลือกนำเสนอในตอน รถมือสอง ที่ได้ "นิกกี้ - นิโคล เทริโอ" มาแสดงนำ ซึ่ง โอ๋ บอกถึงเรื่องที่หยิบมาทำว่า "คราวนี้นิกกี้งานหนักมากเหมือนกัน เพราะผมไปติดใจเรื่องรถมือสอง อย่างที่เรารู้กันรถมือสองมันมีประวัติ ซึ่งในเรื่องลูกของพี่กี้จะหายไป พี่กี้ต้องผจญกับเต้นท์รถมือสองของตัวเอง เต้นท์รถมือสองที่เป็นเหมือนสุสาน"
ส่วน นิกกี้ ที่ไม่ได้แสดงภาพยนตร์มาหลายปี นับตั้งแต่ "คืนไร้เงา" ที่ออกฉายเมื่อปี พ.ศ. 2546 บอกถึงการตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้ว่า "ที่กี้ตัดสินใจมาเล่นเรื่องรถมือสองใน 5 แพร่ง ก็ไม่ต้องคิดนานเลยค่ะ ทางจีทีเอชก็โทรติดต่อมา แล้วกี้เป็นแฟนหนัง สี่แพร่ง อยู่แล้ว กี้ชอบทุกตอนแต่ที่ชอบเป็นพิเศษก็คือตอนของ พลอย (เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์) เพราะว่าเป็นอะไรที่ลึกลับ อึดอัดต้องอยู่ในเครื่องบิน กี้ชอบธีมนี้มาก พอได้มาเจอโอ๋แล้วก็ได้เจอทีมจีทีเอชก็รู้สึกว่าไม่ต้องคิดเลย แล้วโอ๋บอกว่าพี่กี้ยังไม่ตอบตกลงก็ได้ อ่านบทก่อนนะครับ เพราะว่ามันแรงมาก พี่กี้อาจจะไม่อยากเล่น น่ากลัว แรง สะเทือนใจด้วย แต่ใจกี้รับไปนานแล้วรับตั้งแต่รับโทรศัพท์"
ผู้กำกับยังได้อธิบายถึงเหตุผลที่ใช้ซากรถที่ประสบอุบัติเหตุจริงๆ มาใช้ในภาพยนตร์ว่า "จริงๆ เป็นการเซต อยากเน้นความสมจริงใกล้เคียงความจริงมากที่สุด บรรยากาศของหนังจะได้ดูน่าเชื่อถือ ก็เลยตัดสินใจบอกทีมอาร์ตว่าต้องเอารถจริง ต้องลงทุนไปขนรถจริงๆ 30 คันมาเลย แล้วก็ต้องไปขออนุญาตสถานที่ถ่ายทำซึ่งยากมาก เพราะไม่มีใครให้ถ่าย เขาเป็นเต้นท์รถมือสองอาถรรพ์อาจจะติดมาที่เต้นท์รถเขา เพราะเขาทำมาหากินแบบนี้ด้วย แต่สุดท้ายก็ได้ที่ถ่ายเป็นที่เต้นท์จริงๆ"
นิกกี้ กล่าวฝากถึงภาพยนตร์ว่า "ก็อยากให้มาดูกันเยอะๆ นะคะ เพราะว่าเราตั้งใจทำกันมากๆ เลย กี้เห็นการทำงานของจีทีเอชแล้วรู้สึกทึ่งมากในการทำงานของเขา ในบท ทุกอย่างมันครบจริงๆ มีทั้งความน่ากลัว ความสยอง มีดราม่า มีแง่คิดให้สังคมด้วย หลายๆ ประเด็นใน 5 แพร่ง ก็จะมาจากที่อยู่หน้าหนึ่งตามข่าว เพราะฉะนั้นคนที่เข้าไปดูสามารถสัมผัสระดับนึง ก็มาดูกันเยอะๆ นะคะ"
มาถึงแพร่งที่ 3 ตอน หลาวชะโอน ฝีมือการกำกับของ กอล์ฟ ก็ได้นักแสดงหนุ่มน้อย "เก้า - จิรายุ ละอองมณี" และ "อุ๋ม - อาภาศิริ จันทรัศมี" มาร่วมแสดง โดย กอล์ฟ พูดที่มาของชื่อตอนนี้ว่ามาจาก "หลาวชะโอน ถ้าเกิดใครได้เห็นในหนังตัวอย่าง จะเห็นว่ามีแท่นสำหรับทำพิธีใช้ในงานบุญเดือน 10 ทางภาคใต้ ชื่อว่า เทศกาลชิงเปรต ตัวที่ไว้วางแท่นที่สักการะก็จะทำมาจากไม้ชนิดนึงที่เรียกว่า หลาวชะโอน เป็นไม้ทางภาคใต้ซึ่งเป็นพันธุ์เดียวกับมะพร้าว"
ด้าน เก้า ก็พูดถึงการยอมโกนผมเพื่อแสดงว่า "ตอนแรกที่แม่บอกว่าเล่นเรื่องนี้ต้องโกนหัวด้วยนะ ผมก็รู้สึกอึ้งๆ นิดหน่อย เพราะผมตอนนั้นยาวมาก ผมก็เป็นคนห่วงผมพอสมควร เราก็ไม่อยากตัด แต่พอมาดูบท พอได้มาคุยกับพี่กอล์ฟก็ไม่เสียดายเลย เรื่องผมเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เพราะบทเรื่องนี้ดีจริงๆ แล้วท้าทายมากไม่รู้ว่าจะหาอย่างนี้ได้อีกเมื่อไร เรื่องผมเดี๋ยวก็ขึ้น"
ส่วนเรื่องที่ผู้กำกับหยิบประเด็นข่าวเรื่อง แก๊งปาหิน ขึ้นมาทำนั้นก็เพราะอยากให้ข้อคิดว่า "ทุกๆ ครั้งที่เวลาเราอ่านหนังสือพิมพ์แล้วเห็นข่าวนี้ เราจะรู้สึกตกใจมาก แล้วพอดีผมกับคนเขียนบทได้มีโอกาสก็เลยรู้สึกว่าน่าเลือกเรื่องนี้มาทำ เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลกรรมเวลาที่เราไปก่อเวรก่อกรรมกับคนอื่นไว้ ไม่เฉพาะแค่คนที่ปาหิน คนที่กำลังคิดจะไปสร้างกรรมไม่ดีกับคนอื่น พอดูหนังเรื่องนี้อยากให้เขาคิดว่าสิ่งที่ทำไม่ดีกับใครอาจจะย้อนกลับมาเขาก็ได้ในวันใดวันนึง จะปาหินหรือไม่ปาหินก็มาดูหนัง 5 แพร่ง กันนะครับ"
ตามมาด้วยแพร่งที่ 4 ตอน ห้องเตียงรวม ของผู้กำกับหน้าใหม่แต่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของจีทีเอชอย่าง วิสูตร ที่หลงคารมของ "เก้ง - จิระ มะลิกุล" ยอมลงมากำกับด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก กับการร่วมงานกับจีทีเอชเป็นครั้งแรกของหนุ่ม "แดน - วรเวช ดานุวงศ์" แถมยังดึงนักแสดงอาวุโส "เกชา เปลี่ยนวิถี" และนักแสดงสาวหน้าใหม่อย่าง "ซี - ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์" มาร่วมแสดง โดย วิสูตร พูดความรู้สึกของการเป็นผู้กำกับครั้งแรกนี้ว่า "รู้สึกเหมือนหลวมตัวแล้วก็ต้องทำให้สำเร็จครับ"
แดน บอกถึงร่วมงานกับจีทีเอชเป็นครั้งแรกว่า "ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีและคิดว่าตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ครับ ทำงานกับคุณวิสูตรแล้วรู้สึกว่าเราโชคดีมากที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับผู้กำกับฝีมือดีคนนี้ เดี๋ยวต้องไปรอชมในภาพยนตร์ผมว่าต้องสนุกแน่ๆ นะครับ" แดน ชี้ให้เห็นว่าความยากของการแสดงอยู่ตรงที่ต้องแสดงความกลัว "ยากครับ ยากมากกว่าที่แดนคิดไว้ เพราะว่าเราต้องมีการกลัวเป็นระดับ เพิ่งจะรู้ว่าหนังผีจะต้องมีการกลัวเป็นระดับด้วย ไม่ใช่กลัวเฉยๆ อันนี้เป็นระดับที่ 1 ตอนนี้เป็นระดับที่ 2 แล้ว ไล่ระดับไปเรื่อยๆ เราต้องมีสมาธิมากๆ ก็สนุกดีครับ เป็นประสบการณ์การแสดงอีกอันนึงครับ" วิสูตร ยังเอ่ยปากชมการแสดงของ แดน ว่า "ได้ตามที่อยากให้เป็น เขามีความพยายามสูง ทุกเทกเขาจะดีเวลอปตลอด"
ส่วนที่ดึงอดีตดาวร้ายนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง เกชา มาร่วมแสดง วิสูตร เล่าว่า "ทีแรกก็ไม่ได้นึกถึง พอดีเข้าไปเสิร์ชในเนตแล้วเข้าไปเจอรูปคุณลุง คุณลุงคนนี้สมัยเราเด็กๆ เราดูหนังเขาแทบทุกเรื่อง ก็เลยติดต่อไป ปรากฏคุณลุงท่านใจดีมากก็มาเล่นให้ครับ" พร้อมทั้งยังกล่าวฝากผลงานของตนเองว่า "คิดว่าเป็นตอนที่น่าจะเป็นอีกรสชาตินึงที่ไม่เหมือนกับอีก 4 ตอนที่เหลือ คิดว่าคงจะสร้างความบันเทิงพอสมควร"
และแพร่งสุดท้ายของผู้กำกับ โต้ง ที่ดึงนักแสดงที่เคยร่วมงานกันมาอย่าง "มาช่า วัฒนพานิช" และ "บ๊อบบี้ - นิมิตร ลักษมีพงศ์" จากเรื่อง "แฝด" มาแสดงร่วมกับ 4 หนุ่ม "ฟรอยด์ - ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์" "บอมบ์ - กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข" "เผือก - พงศธร จงวิลาศ" และ "เชน - วิวัฒน์ คงราศรี" ที่เคยร่วมงานในตอน คนกลาง จาก สี่แพร่ง มาร่วมสร้างความสนุกปนสยองในตอน คนกอง
โต้ง พูดถึงความกดดันหลังจากตอนที่ตัวเองกับใน สี่แพร่ง ได้รับการตอบรับที่ดีมากว่า "ถ้าตอนถ่ายจริงๆ แล้วชิลมาก เพราะว่าทีมงานทุกคนคุ้นเคย เคยร่วมงานกันแล้วแทบทั้งนั้นเลยครับ แล้วก็เป็นมืออาชีพทั้งหมด ถ่ายไปแล้วก็มีความสุข เพราะว่าทุกคนก็เคยร่วมงานกันแล้ว แต่ตอนนี้กดดันมาก ตื่นเต้นมาก อยากให้คนดูได้ดูเร็วๆ จะได้รู้แล้วว่าฟีดแบ็กเป็นยังไง"
มาช่า บอกสาเหตุที่รับแสดงในตอนนี้ว่า "เรื่องของเรื่องได้ไปดู สี่แพร่ง มาแล้ว แล้วรู้สึกว่าตอนของโต้งเป็นตอนที่สนุกมาก และอีกอย่างช่าเคยทำงานกับโต้ง เหมือนเรารู้มือกัน รู้จักนิสัยกันว่าคนนี้นิสัยยังไง ถ้าเราจะเอาอะไรไปลองเราต้องลองให้ถูกที่ บทที่เรารับมาเรารู้สึกว่าถ้าไม่ใช่โต้งก็คงจะไม่ได้ทำอย่างนี้ได้ง่ายๆ ก็รู้สึกว่าเราไม่เคยลองทำอะไรบางอย่างในชีวิตก็ลองทำดูแล้วกัน"
ฟรอยด์ ก็เล่าถึงบรรยากาศในการถ่ายทำว่า "จริงๆ แล้วอยู่ด้วยกันก็สนุกอยู่แล้วครับ เพราะเรา 4 คนสนิทกันอยู่แล้ว มาเจอพี่ช่า พี่ช่าก็สนุกไปกับเราด้วย พี่ช่าเป็นกันเองมากครับ" ส่วน เผือก บอกถึงการกลับมาร่วมงานอีกครั้งว่า "ภาคที่แล้วเหมือนเรามาจากศูนย์ ไม่มีใครรู้จักไม่กดดันอะไร รู้สึกภาคนี้คนก็จะคาดหวัง ลุ้นเหมือนกันว่าจะขำรึเปล่า น่ากลัวด้วยรึเปล่า เดี๋ยวเข้าไปดูพร้อมๆ กัน" ส่วน เชน ก็กล่าวว่า "ภาคนี้ก็ตั้งใจเล่นมากๆ มากกว่าภาคที่แล้วเยอะมาก เวิร์กชอปเยอะกว่าเดิม เต็มที่ครับ ช่วยกันเชียร์แล้วกันนะครับ"
โต้ง ฝากถึงภาพยนตร์ว่า "ไปลุ้นกันในโรงแล้วกันนะครับ พวกเราเต็มที่มาก อยากให้ไปดูกันว่ามีอะไรหลายๆ อย่างที่คาดว่าคนดูน่าจะเซอร์ไพรส์ครับ" ด้าน มาช่า กล่าวว่า "ในหนัง 5 แพร่ง ดาราทุกคนเต็มที่ไม่มีใครยอมแพ้ใครเลยค่ะ ไปดูแล้วกันนะคะ" จากนั้นมาปิดท้ายด้วยเพลงประกอบภาพยนตร์เพลง "คนที่ฆ่าฉัน" จากวง "โนโลโก้"
ฤกษ์ดีวันที่ 9 กันยายน นี้ เตรียมรับมือกับ 5 เรื่องราวชวนสยองกับภาพยนตร์เรื่อง 5 แพร่ง ได้ในโรงภาพยนตร์