เปิดสัญญาณเตือนภัยใน 13-04-2022 สึนามิ วันโลกสังหาร
"13-04-2022 สึนามิ วันโลกสังหาร" ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของผู้กำกับรุ่นใหญ่ "ทรนง ศรีเชื้อ" ที่ใช้เวลาในการถ่ายทำถึง 3 ปี ทุ่มทุนสร้างด้วยงบประมาณ 160 ล้านบาท พร้อมออกสู่สายตาผู้ชมแล้ว ด้วยเรื่องราวที่ออกมาเตือนให้ทุกคนตระหนักถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติขึ้น โดยได้แรงบันดาลในมาจากเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิเมื่อปี พ.ศ. 2547 ซึ่งได้เปิดตัวไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
นอกจากจะมีผู้ที่สนใจมาร่วมชมภาพยนตร์อย่างคับคั่งแล้วยังได้รับเกียรติจาก "อลงกรณ์ พลบุตร" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มาร่วมชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ก่อนจะได้ชมภาพยนตร์ผู้กำกับและเหล่านักแสดง "สุเชาว์ พงษ์วิไล" "ดุ๊ก - ภาณุเดช วัฒนสุชาติ" "ซินดี้ - สิรินดา เจนเซ่น" "ใหม่ - พิศาล ศรีมั่นคง" "ควีน - นิชาภา ประกรณ์กิจวัฒนา" และ "หนุ่ม - ปริญญา วงษ์ศิลป์" ก็มาร่วมพูดคุยเรื่องราวของภาพยนตร์กัน
ดุ๊ก พูดถึงบทบาทที่ได้รับว่า "เรื่องนี้ได้รับเกียรติให้เล่นเป็นนายกสำหรับอนาคต เรื่องราวที่ถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้หลายๆ คนฉุกคิด แล้วก็หันมาร่วมมือกันในการรักษาโลกนี้ ผมเองได้มีโอกาสเรียนรู้จากวิธีการทำงาน การถ่ายทอดแนวคิดของคุณทรนงก็รู้สึกซาบซึ้งในหลายๆ ขั้นตอน ในการที่คุณทรนงพยายามจะถ่ายทอด ผมเองก็พยายามที่จะสื่อสารออกให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ในฐานะนักแสดง"
ส่วนนักแสดงมากฝีมือ สุเชาว์ ที่ต้องมารับบท ดร.สยาม โดยจำลองบุคลิกมาจาก ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ก็บอกสิ่งที่กังวลในการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ผมก็อายุมากแล้ว แล้วก็มีหลายฉากที่จะต้องอยู่ในน้ำ ผมแช่น้ำตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็นก็กลัวมาก กลัวว่าจะรักษาชีวิตไว้ไม่รอด ในภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องต่อสู้กับความเชื่อของผู้บริหารบ้านเมือง"
ดุ๊ก ช่วยเสริมว่า "จริงๆ ตัวนายกก็พยายามทำความเข้าใจ พยายามที่จะเชื่อแต่ว่าความที่เป็นนายกรัฐมนตรี การที่จะตัดสินใจอะไรไปคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องลำบากใจของทั้ง 2 ฝ่ายแล้วก็ยังมีแรงกดดันต่างๆ อีกเยอะ โดยส่วนตัวผมคิดว่านายกคนนี้เชื่อ แต่ว่าจะทำอย่างไรให้ชัดเจนให้รู้สึกว่าสิ่งที่ถูกถ่ายทออดออกมามันจริง แล้วเมื่อตัดสินใจไปแล้วไม่มีอะไรผิดพลาด สุดท้ายเลยมีคำว่าที่เขาบอกว่าจะประโยชน์อะไรที่จะเป็นนายกต่อไปถ้าไม่มีใครเหลือในประเทศนี้ ก็เลยต้องตัดสินใจที่ทำอะไรบางอย่างลงไป"
ด้าน ใหม่ เล่าถึงการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกว่า "ค่อนข้างหนักใจมาก อย่างแรกเลยมาเจอนักแสดงรุ่นพี่ พวกพี่ๆ เขาจะเป็นโปรเฟสชันนอล ค่อนข้างจะเกร็งนิดนึง แต่พี่ๆ เขาก็จะมีช่วยสอนเทคนิคการใช้อารมณ์ด้วย ก่อนที่จะเข้าฉากก็ต้องไปเวิร์กชอป 2-3 เดือนค่อนข้างจะหนักมาก อย่างที่สอง อย่างที่อาสุเชาว์บอกไป เป็นซีนที่ต้องอยู่ในน้ำนานตั้งแต่ 6 โมงจนถึง 2 ทุ่ม"
ส่วน ซินดี้ กล่าวความรู้สึกที่ได้เล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "สนุกมากแต่ก็ตื่นเต้นมากเลย วันนี้ก็ตื่นเต้นมากที่จะได้ดูหนังเป็นครั้งแรก บทของซินดี้ก็ยากเหมือนกันนะคะเพราะว่ามีปัญหาเรื่องภาษา โชคดีที่มีเพื่อนๆ ช่วยแปลบทให้เป็นคาราโอเกะ ส่วนการแสดงก็มีเวิร์กชอปประมาณ 3-4 เดือนก่อนเริ่มถ่ายค่ะ"
ดุ๊ก กล่าวฝากว่า "สิ่งที่เป็นแกนสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ คงจะไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาพิสูจน์กันว่าภาพยนตร์ไทยตอนนี้พัฒนาไปถึงไหน หรือว่าไปเทียบเคียงภาพยนตร์ต่างประเทศ แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของหัวใจที่คุณทรนงได้สอดแทรกเข้ามา เพื่อกระตุ้นเตือนให้เรารักโลกใบนี้ นี่เป็นตัวอย่างนึงสำหรับสิ่งที่เราเคยผิดพลาด ถ้าเรายังคงใช้ชีวิตกันแบบนี้ในอนาคต เราก็มีโอกาสที่จะผิดพลาด ของจริงอาจจะน่ากลัวกว่านี้อีก ผมก็อยากจะเชิญชวนกันมาชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ทีมงานทุกๆ ฝ่ายตั้งอกตั้งใจสร้างสรรค์ขึ้นมา แล้วก็ชมให้ถึงแก่นของภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วนำไปถ่ายทอดกันต่อไป เพื่อประโยชน์จะได้เกิดขึ้นกับทุกคนในสังคมโลก"
จากนั้นก็ถึงเวลาของผู้กำกับจะมาพูดคุยถึงเนื้อเรื่องที่แตกต่างจากภาพยนตร์ไทยทั่วๆ ไปว่า "สิ่งที่ไม่เคยมีในวงการภาพยนตร์ หนึ่งพูดถึงสิ่งแวดล้อมโลก สองสึนามิถล่มกรุงเทพฯ สามนายกรัฐมนตรีเป็นตัวเอกหนังเรื่องนี้ สี่พูดถึงสภาวะเศรษฐกิจและวิกฤตทางการเมือง ตัวเอกของเรื่องนอกจากจะเป็นนายกรัฐมนตรี ตัวเอกรุ่นลูกก็ยังอยู่กับปลาโลมา ปลาพะยูน อยู่กับสิ่งแวดล้อมโลก ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังปลุกกระแสทุกกระแสให้คนไทยตื่นจากภวังค์แล้วก็มองโลกนี้ให้อย่างชัดเจนว่าโลกนี้เราอาศัยอยู่ เราอย่าเนรคุณโลก ต้องไม่เนรคุณแผ่นดินที่อยู่ และที่สำคัญที่สุดผมต้องการให้สังคมเราไม่มีการแตกแยก สิ่งที่อยู่เหนือภัยเศรษฐกิจและการเมือง คือภัยพิบัติของโลก เมื่อภัยพิบัติของโลกมาถึงเราจะรู้ว่าปัญหาที่เราทะเลาะกันอยู่เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมาก"
ผู้กำกับยังได้ฝากข้อคิดก่อนไปชมภาพยนตร์ว่า "ผมอยากกล่าวฝากถึงประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ความหวังทั้งหมดของการแก้ปัญหาของประเทศเรา ไม่ใช่อยู่ที่คณะรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีอย่างเดียว ต้องอยู่ที่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำเสนอทั้งเรื่องภัยพิบัติแห่งชาติ การเมือง เศรษฐกิจ และการตัดสินใจของผู้นำ ถ้าเรามีผู้นำหรือคณะรัฐบาลที่ไม่รับผิดชอบต่อประชาชน ทำอย่างไรก็แล้วแต่ประเทศชาติก็ต้องตกอยู่ในห้วงวิกฤตของหายนะ เพราะฉะนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้เราพยายามนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้สังคมได้รู้" จากนั้นปิดท้ายงานด้วยเพลงประกอบภาพยนตร์ "Save The Earth" จากเสียงร้องของ "อุ๊ - หฤทัย ม่วงบุญศรี"
13-04-2022 สึนามิ วันโลกสังหาร มหาภัยพิบัติของคลื่นยักษ์ จะมาถล่มกรุงเทพฯ พร้อมกันในโรงภาพยนตร์ 28 พฤษภาคม นี้