เปิดตัว แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ภาพยนตร์รักลำดับที่ 2 ของ อ๊อฟ
เป็นการโคจรกลับมาพบกันอีกครั้งในภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่อง "แฮปปี้เบิร์ธเดย์" ผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ของ "อ๊อฟ - พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง" ที่นำเอา "อนันดา เอเวอริงแฮม" มาประกบคู่ "แอม - ฉายนันทน์ มโนมัยสันติภาพ" หลังจากเคยร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่อง "Me...Myself" หรือ "ขอให้รักจงเจริญ" รวมถึงได้นักเขียนบทคู่ใจคนเดิมอย่าง "คงเดช จาตุรันต์รัศมี" มาเขียนบทให้ โดยจัดงานเปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา
งานนี้พระเอกและนางเอกของเรื่องไม่สามารถมาร่วมงานพูดคุยในวันเปิดตัวได้ เนื่องจาก อนันดา ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่วน แอม ได้เดินทางไปเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ เริ่มงานกันด้วยบทเพลงประกอบภาพยนตร์เพลง "เธอคือความฝัน" จากวง "พราว" ที่ร่วมร้องกับ "เอิ้ล สตูดิโอโตโม่" และ "พราว" ทิ้งท้ายไว้อีกหนึ่งเพลง "เพราะ(ฉัน)มีเพียงเธอ" ก่อนจะมอบหน้าที่ให้ผู้กำกับและผู้เขียนบทมาพูดคุยกับถึงผลงานภาพยนตร์เรื่องนี้
อ๊อฟ เล่าถึงแรงบันดาลใจในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ผมว่ามุมมองความรักในแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผมเองก็มีมุมแปลกๆ ที่มองเห็นความรักในรูปแบบที่แปลกและบางครั้งเราก็ไม่เคยเห็นในภาพยนตร์ บางครั้งก็เสียดายที่ความรักแบบนี้ถูกมองผ่านไป พอวันนึงที่มาทำภาพยนตร์ก็อยากจะทำหนังรักแบบนี้ อย่างหนังรักเรื่องนี้ก็เป็นความรักในซอกหลืบเล็กๆ ของสังคมโลกใบนี้ที่มีเยอะแยะไปหมด คู่รักที่เขาดูแลกันอย่างนี้มีเยอะนะ เพียงแต่ว่าเราเห็นแล้วเราก็ไม่เสียเวลาไปมองเขาต่อ เพราะว่าเรามีอย่างอื่นที่ต้องทำอีกเยอะ แต่ผมเห็นพอดีแล้วเผอิญเอากลับมาคิดต่อ"
ส่วนความแตกต่างระหว่างภาพยนตร์รักที่กำกับทั้ง 2 เรื่อง อ๊อฟ บอกว่า "Me...Myself เป็นความรักที่เกี่ยวข้องกับสังคม มีสังคมเป็นตัวแปร แต่ แฮปปี้เบิร์ธเดย์ เป็นความรักที่สังคมไม่มอง เป็นความรักที่ไม่มีปฏิกิริยาสะท้อนกลับมา ใส่ไปเท่าไรหายหมด ผมก็เลยเชื่อว่าพลังของความรักแบบนี้มีพลังอันมหาศาลมาก"
คงเดช เล่าถึงการทำงานกับ อ๊อฟ ให้ฟังว่า "ผมถือว่าเป็นเรื่องที่ทำงานง่ายมาก เพราะว่าพี่อ๊อฟทำการบ้านเยอะมาก เจอกันแต่ละครั้งเขาจะมีข้อมูลมีของเต็มเลย เขาคิดตลอดเวลาผมไม่อยากจะเชื่อเลย เพราะเขาเป็นคนที่มีคิวงานแน่นอยู่แล้ว ไหนจะต้องไปทำละคร เล่นหนัง เล่นคอนเสิร์ต ทุกครั้งก็จะมีไอเดียอะไรมากมายมากองไว้ตรงหน้าเรา ให้เราช่วยจัดการ พี่อ๊อฟเป็นคนมีความชัดเจนในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นเวลาที่มีความชัดเจนเราจะทำงานด้วยง่าย"
สำหรับการคัดเลือกนักแสดงนั้น อ๊อฟ บอกว่าเป็นหน้าที่ของภรรยา "แดง - ธัญญา วชิรบรรจง" ก่อนจะส่งต่อให้เรียนการแสดงเพิ่มเติมจาก "หม่อมน้อย - หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล" ซึ่ง หม่อมน้อย ก็ช่วยดูให้อีกทีนึงว่านักแสดงที่เลือกมาเหมาะที่จะเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ไหม ส่วนสาเหตุที่เลือก แอม กลับมาเล่นอีกครั้ง เป็นเพราะว่า "ไม่มีใครยอมโกนหัว เป็นสปิริตสูงสุดของนักแสดงคนนึงที่มีให้กับหนังเรื่องนึง ต้องขอบคุณแอมไว้ด้วย เราหานักแสดงเยอะมาก พยายามที่จะแคสติงใหม่ก็ทำแล้ว สุดท้ายก็จบลงที่คำว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่ให้โกนหัว พอดีแอมเขายินดี ถ้าเราเอานักแสดงที่ดังๆ เล่นเนี่ย เขาคงไม่โกนให้แน่ๆ โชคดีแล้วแหละที่ได้แอม"
จากนั้นไปพูดคุยกับนางเอกที่ต่อสายตรงมาจากอังกฤษโดย แอม บอกถึงการตัดสินใจรับเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "แอมได้ยินพล็อตเรื่องนี้ตั้งแต่พี่อ๊อฟทำเรื่อง Me...Myself เสร็จใหม่ๆ พี่เขาก็มองหาพล็อตที่จะเอามาทำหนังอยู่ตลอดเวลา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แอมได้ยินมาสักพักแล้ว ฟังพี่อ๊อฟเล่าแล้วประทับใจกับพล็อตนี้มากๆ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มาเล่น พอรู้ว่าจะได้มาเล่นก็ตกลงทันที"
แอม เล่าถึงฉากที่เล่นยากที่สุดให้ฟังว่า "เป็นฉากที่ เต็น (อนันดา เอเวอริงแฮม) เขากดดันที่ต้องดูแล เภา (แอม - ฉายนันทน์ มโนมัยสันติภาพ) คนเดียว ทั้งหนักและเหนื่อยมาก แล้วเขาก็มาเขย่าเตียงเราเหมือนโกรธว่าทำไมเราไม่ฟื้นสักที แล้วแอมต้องนอนอยู่เฉยๆ คือมันยากมากที่จะนอนอยู่นิ่งได้ในขณะที่คนมาเขย่าเตียงแล้วตะโกนอยู่ข้างๆ หู ต้องใช้สมาธิมาก" ก่อนจะฝากทิ้งท้ายเอาไว้ว่า "อยากให้ดูก่อนแล้วกันนะคะว่าประทับใจอะไรยังไงบ้าง แล้วอยากให้เล่าต่อๆ ให้กันฟังและก็ชวนกันไปดูหนังค่ะ ฝากด้วยค่ะ"
อ๊อฟ พูดถึง อนันดา ว่า "อนันดารู้จักกันตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขาเล่น ผมเล่นกับอนันดา ผมเห็นผมรู้จักตั้งแต่วันนั้นและผมรู้ว่าเขาไม่ธรรมดา แล้วมีโอกาสได้มาเรียนการแสดงด้วยกันจากหม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล เวลาทำงานผมรู้สึกว่าผมทำงานกับอนันดาง่าย เพราะว่าพูดภาษาเดียวกัน ในการที่จะบอกว่าตรงนี้หน่อย อันนี้หน่อย มันจะง่ายเพราะว่าเราเอ็กเซอร์ไซส์ที่เดียวกัน อนันดาอ่านบทเป็นคนแรก แต่พออ่านบทเสร็จเขาก็ถามผมว่าพี่เบื่อผมไหม พี่น่าจะเบื่อผมนะ เอาเป็นว่าพี่ไปหาคนอื่นก่อน ถ้าใครเล่นไม่ได้เดี๋ยวผมเล่น ผมชอบ ผมอยากเล่น คำพูดนั้นเหมือนคำสาปแช่ง สุดท้ายแล้วหาใครไม่ได้ บทก็เลยมาตกอยู่ที่อนันดา"
ต่อด้วยภาพวีทีอาร์ของ อนันดา ที่มาบอกเล่าอาการล่าสุดหลังประสบอุบัติเหตุว่าอาการโดยรวมดีขึ้นมากแล้ว เหลือแค่เท้าข้างที่เป็นแผล ต้องรอตัดไหมและต้องทำกายภาพบำบัดต่อ จากนั้นมาพูดคุยกับ อนันดา ต่อโดยบอกถึงฉากที่ยากในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "เรื่องนี้ยากเกือบทั้งหมด เพราะว่าโดยมากผมเล่นคนเดียว" และฝากทิ้งท้ายเอาไว้ว่า "อยากบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่พิเศษกับผมมากครับ มีจิตใจ มีอะไรหลายๆ อย่างของผมอยู่ในนั้น ก็ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงาน แล้วก็ขอโทษที่ผมไม่สามารถไปร่วมงานได้ มีความสุขกับการดูหนังนะครับ"
ส่วน คงเดช กล่าวว่า "อยากให้เข้าไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยความรู้สึก ใช้ความรู้สึกแต่อย่าไปคาดหวังเรื่องน้ำตา เวลาเราทำงานกัน ผมกับพี่อ๊อฟไม่คิดว่าเรามาทำหนังเพื่อให้คนดูมาเสียน้ำตา เราทำหนังเพราะว่ามันมีประเด็นที่สำคัญกว่านั้น อยากให้เข้าไปดูด้วยอารมณ์มากกว่าแล้วก็ฝากหนังด้วยครับ"
สุดท้ายที่ ผู้กำกับ ฝากว่า "หนังเรื่องนี้ไม่ใช่ของขวัญที่มีค่าในเทศกาลต่างๆ ไม่ใช่ของขวัญชิ้นเลิศ แต่ว่าผมอยากให้หนังเรื่องนี้เป็นเพียงแค่กระดาษห่อของขวัญ ดูหนังเรื่องนี้เสร็จแล้วได้กระดาษห่อของขวัญกลับไปหนึ่งแผ่น ส่วนของขวัญผมอยากให้พวกคุณเป็นคนเลือก แล้วก็ห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญชิ้นนี้มอบให้กับคนที่คุณรัก อยากให้เป็นเพียงแค่นั้นมากกว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังรักอีกหนึ่งเรื่อง ชอบหนังรักมาดูเรื่องนี้ครับ ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็เอาไปใช้ในชีวิตรักของตัวเองได้สักนิดนึง ผมถือว่าเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว"
มาร่วมพิสูจน์พลังแห่งรักไปพร้อมๆ กันได้ใน แฮปปี้เบิร์ธเดย์ พร้อมเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 18 ธันวาคม นี้