เปิดตัว นพชัย-สเตลล่า คู่พระคู่นางจากหนังองคุลิมาล
ฟิล์มบางกอก เปิดตัวหนังเรื่อง องคุลิมาล เรื่องราวของจอมโจรผู้อำมหิต ที่ฆ่าคนนับพันเพื่อบูชาเทพตามความเชื่อ โดยมี จิ้ง - สุเทพ ตันนิรัตน์ เป็นผู้กำกับ เผยถึงที่มาว่า "ในมุมของคนทำหนัง อยากเล่าเรื่องที่ตัวเองรู้สึกอยากจะเล่า โดยส่วนตัวผมสนใจทางพุทธศาสนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมาเจอเรื่องราวขององคุลิมาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในพุทธประวัติเมื่อ 2,500 ปีที่แล้ว เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ เมื่อมีโอกาสเลยอยากนำสิ่งที่ดีงามในพุทธศาสนามาสอดแทรก หลักฐานข้อมูลบางส่วนผมนำมาจากหลักธรรมที่เคยได้บวชเรียนจากวัดชลประทานฯ ก่อนที่จะมีโปรเจกต์หนังเรื่องนี้ และข้อมูลบางส่วนก็ได้จากหนังสือหลักธรรมของท่านพุทธทาส"
ส่วนนางเอก สเตลล่า มาลูกี้ เผยว่า "ช่วงที่ผ่านมามีหนัง-ละครหลายเรื่องที่ติดต่อมาเหมือนกัน แต่บังเอิญเขาเสนอมายังไม่ถูกใจเลยไม่อยากเล่น แต่เป็นคนชอบเล่นหนังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอที่นี่ติดต่อมาเลยไปแคสติ้ง ซึ่งตอนนั้นอ่านบทส่วนใหญ่เป็นภาษาธรรมะ อ่านแล้วไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่องเลย น่าเบื่อ จนกระทั่งได้คุยกับพี่จิ้งผู้กำกับ อธิบายเลยเข้าใจ บทน่าสนใจ ทีนี้เหลือว่าเราจะทำอย่างไรให้คนดูเชื่อได้ว่าเราเหมือนแขก เหมือนตอนที่เล่น ฟ้าทะลายโจร คนจะมองสเตลล่าเป็นฝรั่ง จะเหมาะสมหรือเปล่า เรื่องนี้เช่นกัน แต่ส่วนตัวสเตลล่ามั่นใจ เพราะก่อนหน้านี้เคยแต่งชุดแขกถ่ายโฆษณามาก่อน แต่ไม่ได้ออกอากาศในเมืองไทย อย่างตา คิ้ว จมูก สเตลล่าจะค่อนข้างเข้มอยู่แล้ว พอทำให้ใส่ชุดแขกเลยดูเหมือน
ส่วนในเรื่องบทยอมรับว่ายาก เครียดมาก บางครั้งมีฉากร้องไห้ ร้องจนเหนื่อยหอบไปเลย มีฉากต้องฆ่าตัวตาย จะต้องเอามีดเชือดคอ แต่อหิงสกะจะช่วยโยนหินใส่มือ แต่ปรากฏว่าพี่จิ้งจะโยนหินหลอกให้ปรากฏว่าหินโดนมือสเตลล่าทุกครั้งจนเจ็บมือ อดขำไม่ได้ เพราะสิ่งแวดล้อมทำให้สเตลล่าทำอารมณ์ได้ยาก ส่วนเรื่องเสื้อผ้าที่ใส่ไม่มีปัญหา ไม่รู้สึกว่าโป๊เลย อย่างชุดที่ใส่ปกติถึงแม้จะใส่เกาะอก แต่จะมีผ้าห่มอีกทีและชุดจะออกโทรมๆ ในขณะที่ชุดแต่งงานจะดูสวยงามขึ้นมาหน่อย อาจจะต้องมีเก็บพุงบ้างไม่อย่างนั้นจะดูไม่สวย แต่พอเล่นจริงๆ อินกับบททำให้ลืมเรื่องนี้ไปเลย และมองว่าคนแขกจะต้องมีพุงนิดหน่อยถึงจะดูสวยค่ะ"
และพระเอก เตอร์ - นพชัย ชัยนาม ผู้สวมบท องคุลิมาล ที่เพิ่งสบโอกาสได้เล่นหนังเป็นครั้งแรก บอกว่า "เท่าที่เล่นเรื่องนี้ยากมาก เป็นเรื่องของอารมณ์ล้วนๆ คล้ายๆ ดราม่า ต้องปรับความรู้สึกอารมณ์ของตัวละคร แต่พอเล่นเรื่องนี้ทำให้ผมมีความสุขและเห็นคุณค่ากับชีวิตหลายๆ แง่มุม และชีวิตเปลี่ยนไป อย่างเมื่อก่อนชีวิตจริงของผมจะสับสนคล้ายๆ อหิงสกะ แต่พอเราได้เล่นเรื่องนี้ทำให้เราได้คิด มีมุมมองอะไรหลายๆ อย่าง
ส่วนปัญหามีเหมือนกันในด้านการรวบรวมสมาธิเวลาเล่น ผมจะต้องไล่ซีนอารมณ์ตั้งแต่ต้น จะให้เจาะเฉพาะฉากนั้นๆ ผมยังไม่สามารถทำได้จะไม่อินกับบท และเรื่องนี้ค่อนข้างเจ็บตัวพอสมควร อย่างเวลาเข้าฉากจะห้ามใส่รองเท้า ในขณะที่บางฉากถ่ายในป่า ตามถ้ำ ก็จะโดนหินบาดขา หนามตำเท้า หรือเวลาฟันดาบจะพลาดโดนนิ้วมือ แม้แต่ตอนที่เรียนขี่ม้า ระบมเหมือนกัน แล้วตอนแรกที่ขี่ม้ายอมรับว่ากลัวตกม้าเหมือนกัน แต่โชคดียังไม่โดน จะเจอม้าแกล้งมากกว่า ขี่อยู่ดีๆ ม้าเห็นประตูจะวิ่งเข้าคอกบ้าง หรือเดินถอยหลัง และแกล้งควบเร็ว ทำให้ผมตกใจไปบ้าง ส่วนงานอื่นๆ ในตอนนี้ผมไม่รับเลย ทุ่มเรื่องนี้เต็มที่"