โจวซิงฉือ ส่ง CJ7 บุกเบิกภาพยนตร์แนวครอบครัวในจีน
"สตีเฟน โจว" (Stephen Chow) หรือที่คุ้ยเคยกันในชื่อ "โจวซิงฉือ" (Chow Sing-Chi) ถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชม แต่ตอนนี้นักแสดงอารมณ์ดีชาวฮ่องกงผู้นี้ต้องการที่จะทำให้ผู้ชมร้องไห้ ด้วยสิ่งที่เขาเรียกว่าภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับความรักในครอบครัว เรื่องราวของคุณพ่อที่บ้างาน ลูกชายของเขา และมนุษย์ต่างดาวที่เข้ามาพัวพันในชีวิตของพวกเขา
โจวซิงฉือ กล่าวว่าภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขาชื่อ "CJ7" ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์อมตะของผู้กำกับชาวอเมริกันสตีเฟน สปีลเบิร์ก เรื่อง "E.T. the Extra-Terrestrial" ซึ่งเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนโลก เช่นเดียวกัน
"สตีเฟน สปีลเบิร์ก เป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่มากครับ ไม่ใช่แค่เรื่องมนุษย์ต่างดาว ภาพยนตร์หลายเรื่องของเขานั้นเกี่ยวข้องกับความไร้เดียงสาของเด็กๆ และความสัมพันธ์ในครอบครัว" เขากล่าวในงานแถลงข่าวที่ฮ่องกง โจวซิงฉือ เผยว่าเขาคิดว่าภาพยนตร์เกี่ยวกับครอบครัวนั้น สามารถรับชมได้ทุกเพศทุกวัย ขณะเดียวกันก็เป็นงานที่ทำได้ยากด้วย
ภาพยนตร์แนวครอบครัวนั้นหาดูได้ยากในตลาดของจีน ซึ่งมักจะมีแต่ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ทุนสร้างสูงรวมถึงดาราที่มีชื่อเสียง ทำให้ โจวซิงฉือ ถึงกับยอมรับว่าเขาไม่แน่ใจว่าตลาดภาพยนตร์ในจีนนั้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับผลงานชิ้นล่าสุดของเขา
"ตลาดภาพยนตร์ในจีนนั้นกำลังเติบโต แต่มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ดังนั้นคุณจะได้เห็นภาพยนตร์ที่จำกัดอยู่ในแนวเดิมๆ เท่านั้น ซึ่งผมคิดว่าถึงเวลาที่มันต้องเปิดกว้างกว่านี้ได้แล้ว" โจวซิงฉือ กล่าว
โจวซิงฉือ เป็นที่รู้จักดีในความตลกขบขันของเขา เขาบอกว่าคราวนี้เขาต้องการให้ผู้ชมเสียน้ำตา "อะไรคือ ความรักที่อบอุ่น? ถ้าให้ผมอธิบายถึงความหมายที่เป็นรูปธรรมของมันก็คือการทำให้คุณร้องไห้ได้"
CJ7 จะเข้าฉายในฮ่องกง ไต้หวัน และจีน วันที่ 31 มกราคมนี้ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับทุนจากบริษัท สตาร์ โอเวอร์ซี สร้างภาพยนตร์ของ โจวซิงฉือ รวมถึง ไชน่าฟิล์ม กรุ๊ป ของจีน และ โคลัมเบีย พิคเจอร์ส เอเชีย ส่วนคอภาพยนตร์ชาวไทยก็ติดตามชมได้ต้อนรับวันตรุษจีน
โจวซิงฉือ ปฏิเสธที่จะเปิดเผยถึงงบประมาณในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเปิดเผยเพียงว่าใช้ทุนสร้างสูง สำหรับงบประมาณในการสร้างภาพยนตร์ของจีนในช่วงที่ผ่านมานี้นั้น ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐ เขายังพูดติดตลกด้วยว่าเขาใช้เวลาถึง 3 ปี หลังจากเรื่อง "Kung Fu Hustle" ที่จะสร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ เนื่องจากเขาขี้เกียจ
"ไม่ใช่ว่าผมใช้เวลาสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้นานถึง 3 ปี หรอกนะ ถ้าหากผมมุ่งความสนใจอยู่ที่ตัวหนัง เวลาเพียง 1 ปี ก็เพียงพอแล้ว" นักแสดงนำ ซึ่งควบหน้าที่กำกับและเขียนบทภาพยนตร์จาก Kung Fu Hustle กล่าว