กระทรวงการต่างประเทศ จัดงานเลี้ยงฉลองชัยให้ ต้มยำกุ้ง
เป็นที่ตื่นเต้นกันอยู่ไม่น้อย เมื่อภาพยนตร์ไทย "ต้มยำกุ้ง" หรือ "The Protector" พลิกหน้าประวัติศาสตร์เปิดตัวขึ้นถึงอันดับที่ 4 ในตารางอันดับภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดของอเมริกา ประจำสัปดาห์ที่ 8-10 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งแม้แต่ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้เอง ก็ไม่คิดว่าจะไปได้ไกลถึงขนาดนี้
"คืนวันที่ 8 กันยายน เรารู้ตัวเลขแค่วันที่ 8 วันเดียวปรากฏว่าเราได้อันดับที่ 3 แพ้อันดับที่ 2 แค่หลักหมื่นนิดเดียวเอง รู้สึกว่าไปไกลมาก ไกลกว่าที่เราจะตั้งตัวได้ติด ไม่คิดว่าจะไปได้ไกลขนาดนี้ ขนาดหนังอันดับ 1 ยังแรงอยู่เลยในสัปดาห์ที่หนังต้มยำกุ้งเข้า มีหนังเข้าใหม่ที่เป็นหนังในระดับท็อปฟอร์มเข้าฉายพร้อมกันแค่ 2 เรื่อง คือของเรากับอันดับ 2 ใน 3 อันดับแรกหนังเรามีจำนวนโรงฉายน้อยที่สุดด้วยซ้ำ รู้สึกดีใจมาก
ปกติหนังที่จะขึ้นอันดับหนังทำเงินบอกซ์ออฟฟิศของอเมริกาในอันดับสูงๆ ได้ต้องมีจำนวนโรงฉายที่ค่อนข้างเยอะ อย่างน้อยต้อง 1,000 โรงขึ้นไป และหนังที่จะมีจำนวนโรงฉายขนาดนี้ได้ต้องเป็นหนังฟอร์มยักษ์จริงๆ แม้แต่หนังอเมริกันเองก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะได้จำนวนโรงฉายขนาดนี้ อย่างปีก่อนที่ องค์บาก เข้าไปฉายในอเมริกาด้วยจำนวนโรงฉาย 387 โรง เข้าไปถึงอันดับ 17 เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ติดท็อป 20 ของอันดับบอกซ์ออฟฟิศ
พอมาคราวนี้ ต้มยำกุ้ง ซึ่งบริษัทไวน์สตีน ที่เป็นสตูดิโอที่เขาผลิตและสร้างหนังอมริกันฟอร์มยักษ์อยู่แล้ว ซื้อหนังเราไปฉาย เขาทุ่มทุนมาก เขาเทโรงฉายเรื่อง ต้มยำกุ้ง มากถึง 1,541 โรง เลยทีเดียว โดยมีเครดิต องค์บาก ที่ไปสร้างชื่อและประสบความสำเร็จทำเงินในอเมริกามาแล้ว บวกกับการทุ่มเต็มที่ของบริษัทไวน์สตีนเอง ที่ผมเห็นจากการที่ได้ไปสัมผัส จากการทำงานของเขา ไม่เพียงจำนวนโรงฉาย แต่เขายังมีการทุ่มโฆษณาอย่างหนักก่อนหนังจะเข้าฉายเป็นเดือน มีทั้งทางสื่อโทรทัศน์ที่เขาทุ่มเงินมหาศาลมาก หนังสือพิมพ์ ทางเว็บไซต์อินเตอร์เน็ต
การที่เขาตัดต่อใหม่ทั้งเรื่องให้เข้ากับรสนิยมของคนอเมริกัน เป็นหลักการเดียวกันกับที่นิวไลน์เคยทำกับหนังของเฉินหลงเรื่อง Rumble in the Bronx หรือ ใหญ่ฟัดโลก เมื่อสมัยที่เอาเข้าไปฉายในอเมริกา เป็นเพราะว่าเขารู้ว่าความต้องการว่าคนดูอเมริกันต้องการอะไร นั่นคือเขาเน้นตัดเอาความมันอย่างเดียว จากการที่ผมเองได้ไปทัวร์องค์บากทั่วโลกทุกทวีป โดยเฉพาะยุโรปและอเมริกา ทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำใน ต้มยำกุ้ง มาถูกทางแล้ว เพราะคนอเมริกันเขาเสพความอย่างเดียว ทำให้เราค่อนข้างคาดหวังว่าการเปิดตัวของ ต้มยำกุ้ง ในครั้งนี้น่าจะไปได้ไกลกว่าที่ องค์บาก ทำได้
ด้วยจำนวนโรง ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้เราเชื่อว่าหนังจะเปิดได้ในอันดับท็อป 10 ของฮอลลีวูด แต่กลายเป็นว่ามันไปถึงท็อป 5 รู้สึกดีใจมากๆ รู้สึกว่าวันนี้หนังไทยไปได้แล้วนะ อยากจะบอกว่าไม่ใช่แค่หนังแอ็กชั่นเท่านั้น หนังไทยเรื่องไหนๆ ก็ได้ มีโอกาสมีสิทธิ์ไปได้ไกลได้นะ ผมเชื่อว่าเมื่อเขาได้ชิมรสชาติเราแล้ว ก็มีโอกาสที่เขาจะกล้าชิมเมนูต่อไปได้"
เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ นำโดยรองปลัดกระทรวงฯ นายปิยวัชร นิยมฤกษ์ ร่วมกับสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ ได้จัดงานฉลองชัยให้กับภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง ในฐานะที่เป็นภาพยนตร์ที่เผยแพร่คุณค่าและวัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก ในชื่อ Diplomatic Night with Tom Yum Goong ท่ามกลางทูตจากประเทศต่างๆ
ในงานนี้ได้มีการมอบของที่ระลึกให้กับทีมงานและนักแสดงจากภาพยนตร์ ซึ่งรวมถึง "จา - พนม ยีรัมย์" "ตั๊ก - บงกช คงมาลัย" และ "หม่ำ - เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา" จากนั้น จา ได้วาดลวดลายศิลปะแม่ไม้มวยไทย ก่อนจะจบที่การฉายภาพยนตร์เรื่อง ต้มยำกุ้ง ให้แขกผู้เกียรติได้รับชมกันอีกครั้ง
จนถึงสัปดาห์ที่ 22-24 กันยายน ที่ผ่านมา ต้มยำกุ้ง กวาดรายได้ไปแล้วกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่า 370 ล้านบาท