เปิดใจ นิโคลัส เคจ กับบทท้าทายใน World Trade Center
"นิโคลัส เคจ" นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ที่นักชมภาพยนตร์ตัวจริงไม่มีใครไม่รู้จัก ขณะนี้เจ้าตัวอยู่ในเมืองไทยเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Big Hit in Bangkok" ขณะเดียวกันภาพยนตร์ซึ่งสะท้อนภาพเหตุการณ์หลังตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถล่มอย่าง "World Trade Center" ที่เขารับบทนำ ก็กำลังจะเข้าฉายที่เมืองไทยเช่นกัน
ดังนั้นงานเปิดตัวภาพยนตร์ World Trade Center เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา สื่อมวลชนทั้งไทยและเทศ จึงได้มีโอกาสพบกับตัวจริงเสียงจริงของเขา และยังได้ร่วมพูดคุยซักถามถึงการรับบทตำรวจผู้ติดอยู่ใต้ซากตึกของเขาในเรื่องนี้ด้วยว่า การทำงานครั้งนี้ของเขามีความยากง่ายอย่างไรบ้าง
ตอนที่มาถึงเมืองไทยรู้สึกอย่างไรบ้าง
"ทันทีที่ลงจากเครื่องบินถึงสนามบิน ก็ได้รับรู้ถึงพลังของคนไทย รู้สึกว่าคนไทยใจดีมาก ชื่นชมคนไทยครับ แล้วก็เป็นโอกาสที่ดีมากที่ได้มาอยู่ที่เมืองไทยเป็นเวลาสองเดือนด้วยกันครับ"
พูดอะไรถึงแฟนชาวไทยหน่อย
"มาถึงเมืองไทยแล้ว สิ่งหนึ่งก็คือผมมีอะไรหลายๆ อย่างที่จะต้องเรียนรู้จากคนไทยเยอะทีเดียว ผมชอบคนไทยที่มีการเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งนี่ล่ะครับที่ผมจะต้องนำกลับไปใช้ในประเทศอเมริกาของผมครับ เพราะว่านี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้จากประเทศไทยครับ"
ทันทีที่ได้รับการติดต่อให้แสดงเรื่องนี้ ความรู้สึกแรกในใจคืออะไร
"จริงๆ แล้วผมทำงานในด้านการแสดงมาค่อนข้างเยอะ หลักหนึ่งในการรับบทบาทแต่ละอย่างนั้น ก็อยากจะใช้ความสามารถในการแสดงเพื่อที่จะช่วยเหลือ เยียวยา และบรรเทาจิตใจให้ทุกคนที่ได้ชมภาพยนตร์ อย่างเช่นเรื่อง Leaving Las Vegas บทบาทในเรื่องนี้ก็เป็นบทบาทชีวิต ซึ่งผมก็พยายามจะรับบทที่จะสามารถช่วยเหลือผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนั้น และเมื่อได้รับการเสนอบท จอห์น ในเรื่อง World Trade Center นี้ผมก็มองว่าเป็นโอกาสอันดีเช่นเดียวกัน ที่จะแสดงถึงความกล้า การสู้ แล้วยังจะกระตุ้นให้คนที่ได้ดูนั้นต่อสู้กับชีวิตต่อไป"
อยากให้เล่าถึงเหตุการณ์ 11 กันยายน ว่าตอนนั้นคุณอยู่ที่ไหน
"จริงๆ แล้ววันนั้นของผมไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรครับ ผมยังนอนหลับอยู่ที่บ้านที่แอลเออยู่เลย แล้วก็มีโทรศัพท์เข้ามาให้ดูข่าว ให้เปิดทีวีดู ก็เปิดดู ซึ่งพอเห็นเนื้อข่าวแล้วก็ค่อนข้างตกใจนะครับ แล้วก็รู้สึกสะเทือนใจที่มีเหตุการณ์ซึ่งถือได้ว่าไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแค่ประเทศอเมริกาเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนโลกทั้งโลกเลยก็ว่าได้"
ทราบว่าคุณชื่นชอบผู้กำกับ โอลิเวอร์ สโตน อยู่แล้ว
"ผมก็เป็นแฟนตัวจริงของ โอลิเวอร์ สโตน มาหลายเรื่องแล้วนะครับ พอรับเรื่องนี้แล้ว ผมก็เชื่อมั่นในฝีมือของเขา เพราะเขาสามารถสร้างหนังที่เป็นจริงได้ เขามีความพยายามที่จะสร้างสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ซึ่งผมเองก็มีความชื่นชมพิเศษสำหรับผู้ที่คว้าโอกาสที่ออกไปนอกกรอบ แต่คนที่ผมจะไม่ประทับใจเลย คือคนที่ไม่ยอมเปลี่ยนตัวเอง แต่ว่ายังคงทำในสิ่งที่เหมือนเดิมทุกๆ ครั้งเพื่อความปลอดภัยครับ"
บทบาทในเรื่องนี้แตกต่างกับเรื่องอื่นอย่างไรบ้าง
"บทบาทของผมในเรื่องนี้เป็นจอห์น ซึ่งเขาเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่จริง มีตัวตน แล้วก็ยังได้พบปะพูดคุยกัน เพราะฉะนั้นความกดดันสำคัญเลย ก็คือผมจะต้องแสดงออกมาแล้วไม่ทำให้ตัวตนจริงของคุณจอห์นรู้สึกอายหรือว่าเขิน แต่ว่าผมจะต้องแสดงให้เห็นถึงตัวเค้าจริงๆ ต้องแสดงถึงความเป็นฮีโร่ของจอห์นให้เห็นด้วย"
ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างในการรับบท จอห์น ในเรื่องนี้
"ผมต้องใช้เวลากับจอห์นเยอะทีเดียว แล้วก็ต้องถามคำถามเค้าเยอะมากๆ มีถามคำถามส่วนตัว ซึ่งน่าจะทำให้จอห์นอึดอัด แต่ว่าผมจะเป็นต้องถามเพื่อที่จะได้ทราบถึงความรู้สึกจริงๆ เมื่อตกลงไปอยู่ใต้ตึกเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์จริงๆ เป็นอย่างไร แล้วก็อยากจะให้ทุกคนลองนึกูว่าเหตุการณ์ตอนนั้นเป็นอะไรที่ยากลำบาก ทุกข์ทรมาน แล้วตัวผมก็ไม่เคยเจอใครที่จะต้องผ่านพ้นในสถานการณ์นั้นๆ มาได้ ซึ่งสรุปแล้วผมต้องใช้จินตนาการบวกกับการพูดคุยซักถามคุณจอห์น เพื่อที่จะต้องเลียนแบบการพูดจาแล้วก็ความคิดของเขาด้วยครับ"
รู้สึกอย่างไรที่หลายฉากต้องไปถ่ายในสถานที่ซึ่งเกิดเหตุการณ์จริง
"ช่วยได้เยอะครับ เพราะว่าเราได้พูดคุยกับตำรวจซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ ทำให้เราได้เห็นการใช้ชีวิตประจำวันของเค้า ได้เห็นภาพจริงของการทำงานด้วย ซึ่งเหล่านี้จะเป็นการช่วยให้การแสดงของผมนั้นออกมาดูสมบทบาท"
การแสดงในเรื่องเน้นสีหน้าและแววตา เพราะว่าร่างกายขยับไม่ได้
"จริงๆ แล้วในการแสดงของผมนั้น ผมไม่เคยรู้สึกว่าต้องมาบังคับตัวเองให้ต้องแสดงอย่างไร แต่ผมก็เชื่อว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นมาเพื่อที่จะช่วยเหลือผู้คนที่ยังคงทนทุกข์ทรมานกันอยู่ แล้วก็ยังคงอยู่บนความเศร้า เพราะฉะนั้นความศรัทธาคือสิ่งที่ผมจะแสดงออกมาแล้วให้เป็นไปตามความรู้สึก เป็นไปตามธรรมชาติตรงนั้นครับ"
ตัวคุณต้องจำลองเหตุการณ์โดยการเข้าใปอยู่ในถังน้ำ จริงหรือเปล่า
"ผมมาคิดถึงบทบาทของจอห์น ก็คิดว่าเขานอกจะต้องทนเจ็บปวดทรมานอยู่ใต้ตึกแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่น่ากลัวมากเลยก็คืออยู่ในความมืด แล้วจึงทำให้เกิดความกดดัน พอผมไปบอกผู้กำกับ เขาก็ให้ผมได้ไปที่ถังน้ำแห่งหนึ่ง ที่สามารถลอยได้ในน้ำ แล้วพออยู่ในนั้นแล้วก็จะไม่ได้ยินไม่เห็นอะไรเลย ก็เกิดความรู้สึกกลัวมากๆ เลย แต่พอสักพักหนึ่งก็ผ่อนคลายขึ้นบ้าง ถือเป็นประสบการณ์หนึ่งที่จะเอามาใช้ในการแสดงเรื่องนี้ได้ครับ"
ได้ทราบเบื้องหลังการทำงานจากปากของนักแสดงคนดังของฮอลลีวูดกันไปแล้ว อยากรู้ว่าเบื้องหน้าของภาพยนตร์เป็นเช่นไร ติดตามชมได้ 21 กันยายน นี้ ที่โรงภาพยนตร์ ไม่นานเกินรอ