จอนจีฮยอน ควงคู่ ลีซุงแจ เยือนไทย พูดคุยถึงภาพยนตร์ Daisy
"จอนจีฮยอน" ดาราสาวชาวเกาหลีที่คนไทยชื่นชอบและรู้จักกันดีจากภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะ "My Sassy Girl" ซึ่งเป็นผลงานที่สร้างชื่อให้กับเธอเป็นอย่างมาก จากบทบาทยัยตัวร้ายที่แสนจะน่ารัก ซึ่งเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา เธอก็ได้ควงคู่พระเอกมาดนิ่ง "ลีซุงแจ" เยือนเมืองไทยอีกครั้ง เพื่อมาประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของพวกเขาทั้งคู่ให้กับคนไทยได้รู้จักกัน
"Daisy" หรือชื่อภาษาไทยว่า "ล่า...หัวใจ ยัยตัวร้าย" เป็นผลงานของผู้กำกับชาวฮ่องกง "แอนดรูว์ เลา" หรือ "เหวยกวงเหลา" ที่ฝากผลงานดังๆ เอาไว้อย่าง "Infernal Affairs" ทั้ง 3 ภาค กับเรื่องราวรักสามเส้าที่มีดอกเดซี่เป็นสื่อกลาง ซึ่งนอกจาก จอนจีฮยอน และ ลีซุงแจ แล้ว ยังมีพระเอกหนุ่มรูปหล่ออีกคนที่เล่นเรื่องนี้คือ "จุงวูซุง" ซึ่งเคยผ่านผลงานรักโรเมนติกที่แสดงร่วมกับ ซอนเยจิน ใน "A Moment to Remember"
แม้ว่าครั้งนี้ผู้กำกับ แอนดรูว์ เลา และพระเอก จุงวูซุง จะไม่ได้มาด้วย แต่ทั้ง จอนจีฮยอน และ ลีซุงแจ ก็เปิดโอกาสให้ซักถามพูดคุยถึงบทบาทและเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องนี้กันอย่างเต็มที่
บทบาทในเรื่องเป็นอย่างไร
ลีซุงแจ "ผมแสดงเป็นเป็นตำรวจระหว่างชาติชื่อ จองวู เป็นคนที่เคร่งครัดในหน้าที่ ซึ่งระหว่างที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ก็ได้พบกับจีฮุนเข้า ผมได้แนะนำตัวเองกับเค้า ทำความรู้จักกัน แล้วในที่สุดก็เป็นฝ่ายหลงรักนางเอกครับ ซึ่งบุคลิกในเรื่องนี้ภายนอกจะดูแข็ง ไม่มีน้ำใจ แต่กับความรัก จะมั่นคงมากและพร้อมจะรอคอยตลอดไป"
จอนจีฮยอน "เป็นนักวาดภาพข้างถนนชื่อ แฮยอง ที่ฟ้าลิขิตให้เจอกับความรัก เป็นความรักแบบที่ยังรอเธออยู่ตลอดไป ชอบคาแร็กเตอร์ในเรื่องนี้ค่ะ"
การร่วมงานกับนักแสดงอีกสองท่าน
ลีซุงแจ "วูซองก็รู้จักกันมาก่อนแล้ว แต่เพิ่งจะได้ร่วมงานกันเป็นเรื่องแรก เลยค่อนข้างทำงานสบาย เสียดายที่มีฉากที่เข้าด้วยกันน้อย ส่วนจีฮุนเพิ่งรู้จักกันจากเรื่องนี้ เป็นการร่วมงานกันครั้งแรก ซึ่งเธอก็อายุน้อยกว่า แต่ความสามารถสูง เล่นหนังมีความเป็นธรรมชาติมาก ตัวผมก็พยายามจะตีซี้กับเธอเต็มที่ เลยยิงมุขแป้กๆ ไปเยอะเลย (หัวเราะ)"
จอนจีฮยอน "กับวูซุง ก็ทำงานด้วยกันหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่เข้าวงการมาจะถ่ายโฆษณาด้วยกันเยอะ ถ้าได้ร่วมงานด้วยกันคราวหน้าก็อยากจะทำกับวูซุงอีก ตอนนี้ก็เหมือนเป็นเพื่อนกัน ส่วนซุงเจ เป็นครั้งแรกที่ทำด้วยกัน แล้วเค้าจะอายุมากกว่าเยอะ เห็นทีแรก จะดูบุคลิกเย็นๆ เหมือนไม่ค่อยเฟรนด์ลี่ จะกลัวเหมือนกัน แต่จริงๆ ทุกคนเฮฮาได้ เพราะเค้าเป็นรุ่นพี่ที่มหา'ลัยด้วย เลยจะถามเรื่องการแสดง ซึ่งเค้าไม่มีความอายกับน้องเลย ประทับใจค่ะ"
ความน่าสนใจของภาพยนตร์
ลีซุงแจ "ที่รับเล่นในเรื่องนี้ เป็นเพราะตัวละครมีความรักที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย เป็นความรักประเภทที่เก็บเอาไว้ สะสมไว้ในใจ อยากเล่นหนังเรื่องนี้ จะได้เป็นโอกาสที่ได้แสดงในบทบาทที่มีความรักแบบลึกซึ้งมากขึ้น"
จอนจีฮยอน "เพราะว่าเป็นบทซึ่งแตกต่างจากที่ผ่านมา โดยเฉพาะผู้กำกับที่อยากจะทำงานด้วย รวมถึงอีกพระเอกสองคนเช่นกัน"
การร่วมงานกับผู้กำกับชาวฮ่องกง
ลีซุงแจ "ตอนแรกไม่ใช่แค่ผู้กำกับอย่างเดียว แต่ยังมีสต๊าฟชาวฮ่องกง เกาหลี และเนเธอร์แลนด์อีกด้วย ทีแรกก็คิดเหมือนกันว่าจะมีเรื่องปัญหาภาษารึเปล่า แต่ก็ไม่มี ผู้กำกับส่งอะไรมาก็เข้าใจ มองหน้ากันก็คลิกแล้ว"
จอนจีฮยอน "ก่อนจะร่วมงานก็คิดว่าเรื่องภาษานี่จะสื่อสารกันอย่างไร ถ้าสื่อสารกันแล้วเกิดเข้าใจผิด จะทำอย่างไร แต่เวลาถ่ายจริง ภาษาไม่มีอุปสรรคในการร่วมงานเลย บางสิ่งไม่ต้องใช้คำพูด แค่มองตาก็รู้ ที่ผ่านมาก็จะดูหนังของแอนดรูว์มาหลายเรื่อง เนื้อเรื่องเค้าก็ค่อนข้างจะเหมือนผู้ชายแข็งๆ จึงกลัวว่าเรื่องนี้เป็นความรัก แล้วจะออกมาอย่างไร ทำให้เป็นภาพที่สวยงามได้หรือเปล่า ซึ่งพอเสร็จออกมาก็ภูมิใจมาก ได้ภาพที่สวยงามทุกอย่าง"
ผู้กำกับชาวฮ่องกงแตกต่างกับของเกาหลีหรือไม่
ลีซุงแจ "ผู้กำกับเกาหลีจะไม่ค่อยเห็นมาถือกล้องถ่ายทำเอง แต่คนนี้นี่ทำเอง เลยประทับใจ ทำให้ความเร็วของการถ่ายทำเร็วกว่า 5 เท่า ทีแรกจึงยังปรับตัวไม่ทัน ซึ่งข้อดีก็คือจะได้ฟีลลิ่งต่อเนื่อง นักแสดงก็ถูกกลืนจนเหมือนเป็นตัวละครเองเลย ส่วนในแง่อื่นๆ ก็ไม่มีอะไรแตกต่าง"
บทบาทในเรื่องนี้แตกต่างกับที่ผ่านมาต่างอย่างไร
จอนจีฮยอน "ทุกครั้งที่ถ่าย จะคิดว่าจะทำอย่างไรให้ตรงกับบทที่ได้รับ ซึ่งทุกครั้งจะได้รับบทเป็นผู้หญิงแข็งแกร่งแต่เรื่องนี้นี่จะอ่อนไหว เลยคิดมากว่าจะเล่นได้ตรงรึเปล่า แล้วมันเป็นเรื่องแบบ 1 หญิง 2 ชาย เรื่องรักที่ละเอียดสับสน ถ้าแสดงไม่ดี คนที่ดูอาจสับสนว่านางเอกรักใครจริงกันแน่ เลยต้องทำออกมาให้ดีที่สุดค่ะ"
แล้วตัวตนจริงๆ นี่อ่อนไหวหรือแข็งแกร่ง
จอนจีฮยอน "ที่ผ่านมาจะได้บทเฮฮาแข็งแกร่ง แต่ตัวจริงจะตรงกับเดซี่มากกว่า ในเดซี่เป็นผู้หญิงที่ยากจะแสดงความรู้สึกในใจ ที่ผ่านมาได้บทแบบแสดงออกมากๆ แต่นี่เก็บอารมณ์ แสดงทางสายตาทางความรู้สึก ต้องให้ผู้ชมดูรู้ว่าเศร้าหรือคิดถึงใครอยู่ ไม่ใช่แค่คำพูดเท่านั้นแต่เป็นการแสดงทางสีหน้าและแววตาด้วย"
รับบทเป็นตำรวจมีปัญหาเรื่องฉากต่อสู้หรือเปล่า
ลีซุงแจ "ตั้งแต่แคสต์ก็มีเวลาเตรียมตัว 1 สัปดาห์ แล้วจึงบินไปถ่ายที่เนเธอร์แลนด์ ก่อนถ่ายจะหัดยิงปืน โดยท่าทางการยิง การจับปืนจะมีคนฝึกให้ ฉากต่อสู้ก็มีแค่ฉากเดียว เพราะวูซุงจะมีมากกว่า ที่ชอบมากคือเป็นหนังเรื่องแรกที่ได้ยิงปืน เหมือนตอนเด็กๆ ที่เคยฝันอยากจะยิงปืนครับ"
มาประเทศไทยกี่ครั้งแล้ว
จอนจีฮยอน "พูดถึงเมืองไทยมาครั้งที่สองแล้ว มาทำงาน แต่ถ้ามาส่วนตัวมาครั้งที่ห้า จะชอบอาหารไทย คนไทยไนซ์มาก ต่างกับเกาหลี แล้วคนไทยจะคุยกันเบามาก ความรู้สึกดีๆ ที่ได้จากประเทศไทยและคนไทยเป็นความประทับใจ ต้องตอบแทนโดยการแสดงให้ดีที่สุด ให้คนดูประทับใจด้วย อยากให้ทุกท่านดูด้วย เพราะว่าพยายามที่สุดในการถ่ายทอดอารมณ์ความรักในเรื่องนี้ ต้องขอบคุณคนไทยและสื่อมวลชนไทยทุกคนด้วย"
นอกจากนี้ในช่วงเย็นวันเดียวกันนั้น ทั้ง จอนจีฮยอน และ ลีซุงแจ ยังได้ไปปรากฏโฉมที่โรงภาพยนตร์เอสเอฟเอ็กซ์ ลาดพร้าว ให้บรรดาแฟนๆ ได้เจอตัวจริงและพิสูจน์ความน่ารักกันด้วย ซึ่งงานนี้ทั้งคู่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง กับการยิ้มแย้มและโบกมือตลอดเวลา ได้ใจแฟนๆ คนไทยไปอีกเพียบ
ติดตามชมเรื่องราวรักสามเส้าของนักฆ่ากับนักสืบหนุ่ม ที่มาหลงรักศิลปินสาวนักวาดรูปคนเดียวกัน กับบรรยากาศนุ่มนวล ภายใต้แสงอาทิตย์ที่เจิดจ้าของกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด ์เรื่องนี้ได้ 30 มีนาคม นี้