คุยกับ เท่ง เถิดเทิง ถึงบทบาท โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง
เมื่อพูดถึงชื่อ "พงศ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ" บางคนอาจจะยังไม่คุ้น แต่หากกล่าวถึง "เท่ง เถิดเทิง" คงจะทำให้หลายคนรู้จักในฐานะตลกแถวหน้าที่มีผลงานมาแล้วทั้งจอเงินและจอแก้ว เริ่มต้นจากการเล่นลิเกในวัยประมาณ 10 ขวบ จนถึงภาพยนตร์ล่าสุดที่ร่วมงานกับ "โหน่ง ชะชะช่า" ใน "โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง" เส้นทางชีวิตของเขาเป็นอย่างไรนั้น มารู้จักจากชายคนนี้เองได้เลย
เท่ง เถิดเทิง ให้ความสนุกกับคนทั่วไปมากี่ปีแล้ว
"ตั้งแต่วัยเด็กเลยนะ ตั้งแต่เริ่มเล่นลิเก รู้ตัวเองเลยว่าตัวเองมีความสุขมากเมื่อขึ้นบนเวที แล้วก็มีเสียงหัวเราะแล้วก็มีเสียงอะไรขึ้นมา เป็นความสนุกของเรา ตั้งแต่อยู่ ป.4 อ่ะ ประมาณ 10 ขวบ อยู่หน้าเวทีมาตั้งแต่ 10 ขวบ ตอนนี้ 39 แล้วครับ 30 กว่าปีแล้ว ก็จะมีห่างจากเวทีประมาณ 3 ปี ช่วงไปอยู่อีสาน นอกนั้นมาก็อยู่บนเวทีหมดเลย"
จนถึงวันนี้คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จหรือยัง
"ประสบความสำเร็จแล้ว ประสบความสำเร็จมาตั้งแต่เข้าวงการทีวีแล้ว ส่วนวงการหนังถ้าพูดว่าประสบความสำเร็จ ก็สำเร็จนะ ก็ประสบความสำเร็จ แต่เราคิดมุมมองของเรา มันเป็นงานของเราที่ก้าวไปอีกก้าวหนึ่ง แต่ถ้าถามตัวเองว่าแฮปปี้ไหม แฮปปี้มานานแล้ว"
รู้สึกภูมิใจไหม
"ภูมิใจ แต่เราก็ปกติ และก็ต้อนรับคลื่นลูกใหม่ด้วย เราไม่ได้ร่วง ผมไม่อยากใช้คำว่าร่วงหรือตก มันเป็นคำอัปมงคลของชีวิตผมไม่ชอบ ใช้คำว่าเราอยู่ตัวแล้ว อยู่ได้ 2-3 รายการ และก็ไปทำธุรกิจหรืออยู่บ้านก็ได้"
เท่ง เถิดเทิง สนิทกับการแสดงมากน้อยแค่ไหน
"สนิทกับการแสดง ถือว่าเป็นสายเลือดเลยนะ อย่างหนังก็โอเค ถ้าพูดแล้วจะไม่ใช่การแสดงบนเวที แต่เวลาเอาไปฉายแล้วก็เหมือนแสดงบนเวที ทักษะคล้ายๆ กัน"
เคยคิดมาก่อนไหมว่าชีวิตจะโด่งดังมีชื่อเสียงขนาดนี้
"ไม่เคยหรอก ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมาเป็นคนที่รู้จักทั่วประเทศ ถ้ารู้ก็มาตั้งแต่ตอน 8 ขวบแล้วกรุงเทพฯ ป่านนี้รวยไปแล้ว"
องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจเล่นภาพยนตร์แต่ละเรื่อง
"ผมจะอ่านบทดูก่อน บทดีเล่น บทไม่ดีก็ไม่อยากเล่น"
เคยฝันอยากร่วมงานกับใครเป็นพิเศษไหม
"ก็มีนะ อย่าง นิโคลัส เคจ"
คิดว่าความน่าสนใจของ โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง อยู่ที่ตรงไหน
"อันดับแรกเลย คือการที่ โหน่ง กับ เท่ง มาประกบกัน แล้วก็เรื่องความสนุกสนานชัดเจน เป็นหนังฮา สนุก หนังตลกชาวบ้านเรียกกันสั้นๆ ว่าหนังตลก แต่สิ่งที่จะให้เกินความตลก คือ ภาพสวยๆ มุมมองหลายๆ อย่าง สำหรับการย้อนยุคเมื่อ 80 ปีก่อน สมัยนั้นกรุงเทพฯ มีลักษณะเป็นยังไง ภูเขาทองมีลักษณะยังไง โลเกชั่น การแต่งกายที่เป็นผลพ่วงให้กับคนดู บรรยากาศนี้สมจริง แต่ความสนุกอยู่ที่คาแรกเตอร์"
มีการปรับโฉมด้วยไหม
"ก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไร มาเพียงแค่ทรงผมเท่านั้นเอง เค้าอยากได้ผมแสกกลางแบบโบร่ำโบราณแล้วข้างๆ ก็เหี้ยนๆ หน่อยแบบกะลาครอบ ทรงมหาดไทย ไดอะล็อกก็ไม่เน้นมากว่าจะต้องเป็นไดอะล็อกย้อนไป เพราะถ้าไดอะล็อกย้อนไปเมื่อ 80 ปีที่แล้ว ก็จะมีผลกับการเล่นมุขของเรา สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนแน่ๆ ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับเสื้อผ้า ทรงผม เครื่องแต่งกาย และก็โลเกชั่นที่ต้องสร้างขึ้นมาใหม่หมด ให้ได้บรรยากาศย้อนยุคของบางกอกเมื่อปีพ.ศ. 2466 อ้อแล้วก็มีชุดลิเก ชุดยี่เกต้องเรียกว่ายี่เกด้วยนะ เป็นยี่เกทรงเครื่อง เพราะบุญเท่งเล่นเป็นพระเอกยี่เกชื่อดัง"
เป็นชุดยี่เกที่ไม่เคยเห็นมาเลยนะ
"ใช่ เป็นชุดเมื่อสมัย 80 ปีที่แล้ว ทางผู้กำกับทางทีมงานก็ต้องไปหาข้อมูลว่ายี่เกเค้าแต่งตัวยังไง คงจะเป็นสวมยอดไม่ได้เขียนหัวเหมือนกับลิเกยุคนี้"
ต่างกับลิเกทั่วไปไหม
"ต่างกัน ชัดเจนเลย คือการร้อง การรำ การแต่งกาย มันต่าง"
ใกล้เคียงกับตัวจริงของ เท่ง เถิดเทิง
"ใช่ เพราะว่าเกี่ยวกับลิเกด้วย แต่แตกต่างตรงที่ว่าการแต่งกายของลิเกยุคนั้นกับลิเกยุคนี้มันผิดแปลกกันเรื่อย"
ใช้เวลาแต่งตัวนานไหม
"ไม่นาน เพราะเราเป็นลิเกอยู่แล้ว เรารู้ว่าตรงนี้ใส่อย่างนี้ ไม่นาน แต่เรารำคาญการแต่งหน้ามากกว่า เพราะต้องแต่งหน้าขาววอกเชียว"
ช่วยเล่าให้ฟังถึงตัวละคร บุญเท่ง ลิเกหนุ่มแห่งภูเขาทองหน่อย
"ดูๆ แล้วก็ค่อนข้างจะส่วนหนึ่งในชีวิตหรือความเป็น เท่ง เถิดเทิง เลยนะ ก็เหมือนชีวิตเราจริงๆ ซึ่งเรารักลิเกของเรา ถ้าใครจะมากลั่นแกล้ง ถ้าใครจะมาเอาที่เอาทางของลิเกไปทำอะไรอย่างอื่น เรายอมไม่ได้ ซึ่งก็เป็นผลของเรื่องนี้ที่เราจะไปบู๊กับกองถ่ายหนังของพวกฝรั่งที่เข้ามาถึงบางกอก เพื่อมาสร้างหนังไทยเรื่องแรกที่ชื่อว่า นางสาวสุวรรณ เราไม่ได้โชว์ด้านลิเกมาก เพียงแต่มีกองถ่ายหนังต้องการที่ของเราไปทำอะไรก็ไม่รู้ แล้วลิเกก็จะไม่ได้เล่น ตรงข้ามก็มีฉายหนังคนก็จะไปดูหนังกัน เราก็อยากให้ศิลปะตรงนี้มีอยู่ตลอดไปแค่นั้นเอง"
มีนักแสดงที่เราคุ้นเคยกันมาร่วมสร้างสีสันด้วยใช่ไหม
"มีพ่อดม (อุดม ชวนชื่น) นุ้ย (ชวนชื่น) กิ๊ฟ โคกคูน เป็นสีสัน ซึ่งแต่ละคนก็แพรวพราว เข้าขากันนะ เคยแสดงด้วยกัน กับนุ้ยนี้นาน 10 กว่าปีแล้ว แต่ก็มีเล่นตามรายการบ้าง แต่เมื่อก่อนก็อยู่ด้วยกันนาน รู้ใจกัน คนอื่นเป็นสีสันเป็นชูรสมาเพิ่มเติมสีสัน อย่างพ่อดมไม่เคยร่วมงานกัน แต่เค้าเป็นลิเกชัดเจนเลย อีกอย่างเค้าเล่นเป็นพ่อเรา เวลาแสดงเค้าค่อนข้างเป็นลิเกชัดเจนเลยไม่มีปัญหา กับพ่อดมอารมณ์หลักๆ ก็จะประมาณพ่อเป็นโผลิเกใหญ่ ซึ่งลูกชายเป็นคนมุทะลุต้องคอยตักเตือนคอยปรับ"
มีพี่ชาย เท่ง เถิดเทิง มาร่วมแสดงด้วย
"มีพี่ชาย อ๋อ พี่ชายก็ไม่มีอะไร พี่ชายก็เป็นมือฉิ่งมือฉาบอยู่ในคณะลิเก คือผมไม่รู้เลยนะว่ามีพี่ชายมาเล่นด้วย ไม่รู้เรื่องเลย ทีมงานเขาไปติดต่อกันเอง ก็ไม่ใช่ตัวหลักๆ อะไร เป็นตัวผ่าน เป็นคนหนึ่งๆ ที่อยู่ในโรงลิเก"
ได้ประกบนางเอกระดับมิสไทยแลนด์เวิลด์เลยทีเดียว
"ครับ น้องยา (นิกัลยา ดุลยา) น้องเค้าสวยนะได้เจอกันมาแล้ว มีฉากหอมแก้มน้องเขาด้วย ต้องบอกว่าน้องเขามีสปีริตในการทำงานสูงมากแทบทุกฉากนะ ไหนจะต้องถ่ายกลางแดด ถ่ายในน้ำซึ่งอากาศหนาวมาก เป็นนางงามไม่ชอบ มาเหนื่อยก็อย่างนี้แหละ น้องเขาอาจจะยังไม่คุ้นกับการแสดงแต่ก็ทำได้ดีนะ ความเป็นตัวของตัวเอง รูปร่าง หน้าตาเค้าออกจะไทยๆ แล้วเรื่องนี้นางเอกก็ต้องนิ่งๆ หน่อย คาแรกเตอร์ก็ตรงกับเค้าเลย"
ถือว่าร่วมงานกับ โหน่ง ในจอเงินเป็นครั้งแรก
"จริงๆ กับโหน่งเจอกันทุกวัน ทำงานด้วยกันมาหลายปีมากๆ ก็ไม่มีอะไรรู้ทางกันหมด มาเล่นด้วยกันก็ยิ่งสบาย ไม่มีอะไรน่าห่วง ก็จะเติมกัน อำกันตลอด สรรหามาเรื่อย เสนอเขาไปเรื่อยเน้นความสด สนุก ฮาๆ เหมือนไม่ได้มาทำงาน"
คือสดและก็ถือเป็นเสน่ห์
"เวลาเราเล่นอะไรกับโหน่ง เราไม่รอดูผลจากในโรงภาพยนตร์หรอก เราดูตั้งแต่คนรอบข้างดูคนที่อยู่ในกองถ่ายแล้ว ยิ่งถ้ามีเสียงเฮนะ จะยิ่งรู้เลยว่าตอนฉายในโรงจะเป็นยังไง บางทีถ่ายไปแล้วผู้กำกับโอเค แต่เราก็ขอถ่ายเผื่อเอาไว้ เหมือนหลวงพี่เท่ง สิ่งที่เราเผื่อๆ เอาไว้ก็เต็มไปหมดเลย"
ผู้กำกับเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแก๊งค์ 3 ช่ามาก่อน
"พี่โอ๋เป็นโปรดิวเซอร์ ชิงร้อยชิงล้าน อยู่แล้ว ทำงานด้วยกันมา 10 กว่าปีแล้ว ถือว่าเข้าขากัน คือเค้าเห็นเรา เห็นไส้เห็นพุงกันหมดแล้ว เวลาถ่ายทั้งเราทั้งเขาก็จะมีการเติมกัน แล้วดูว่าอันนี้ตลก อันไหนฮาเอาไว้ อันไหนแป๊กไม่เอา ก็ต่างคนต่างเสนอ"
คุยกันมานานแล้วหรือยังสำหรับ โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง
"คุยกันประมาณ 4 -5 เดือน (ก่อนเปิดกล้อง) คุยกันก่อนว่าผมต้องไว้ทรงอย่างนี้ๆ แต่งกายต้องอย่างนี้ๆ ซึ่งเค้าเอารูปแบบมาให้เราดู เราก็ยังเป็นห่วง เราไม่เคยเล่นหนังแนวพีเรียด แล้วเอาตลกไปเล่นด้วยมันค่อนข้างจะยาก แต่เราก็เชื่อมือ เวิร์คพอยท์ฯ ตอนแรกไปเห็นฉากเห็นอะไรเราก็อู้โห โอเคเลย เรื่องที่เรากังวลก็หายไปเลย ไม่ว่าจะเป็นฉาก การแต่งกาย ไดอะล็อก เราก็คุยกับเค้า มีแค่กลิ่นอายเฉยๆ ว่าอาจจะมีคำว่า เอ็ง ข้า หล่อน อะไรนิดๆ หน่อยๆ แต่คำพูดร่วมสมัยคงจะไม่มี"
ทิ้งท้ายถึง โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง
"เป็นภาพยนตร์ที่เน้นอารมณ์ฮาสไตล์โหน่งเท่ง โดยให้ความสวยงามของเรื่องราว และโลเกชั่นย้อนยุค ซึ่งจะมีอะไรมากกว่าหนังตลกทั่วไป เรื่องของนักเลงสองคนที่ดูไม่เหมือนนักเลงเลย คนหนึ่งเป็นลูกหลานลิเก อีกคนเป็นลูกหลานพระยาที่มาแท็กทีมกันปกป้องศิลปวัฒนธรรม ไม่ให้ต่างชาติเข้ามาสร้างหนัง เพราะกลัวว่าจะส่งผลกับลิเก แต่ขณะเดียวกันก็จะมีเรื่องราวความรัก สนุกสนาน อมยิ้มของตัวบุญเท่งที่ไปรักนางเอกหนัง แบบดอกฟ้ากับหมาวัด เพราะเขาเป็นลูกขุนมูลนาย ขณะที่เสือน้อยโหน่งก็มาแอบหลงรักนางเอกลิเก ซึ่งเป็นน้องสาวเราก็เลยอลเวงปนฮา สนุกครับสนุก ห้ามพลาด โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง 9 มีนาคม ทั่วประเทศ"